ลาหู่ - พรานภูเขา: วิถีตัวตนคนชายขอบ กับการท่องเที่ยวโดยชุมชน


ท่องเที่ยวชุมชน ฤา เป็นวิถีบอกกล่าวตัวตนคนชายขอบ

หลังจากเดินเตร็ดเตร่ เก็บเกี่ยวความรู้ไปพลาง วิจารณ์สิ่งที่เห็น(ในใจ)ไปพลาง ในงานมหกรรมสมุนไพรลุ่มน้ำโขง ที่ มรภ.เชียงราย ได้ความรู้เต็มอิ่มแบกไปเป็นอาหารเสริมสมองแทบไม่ไหว         ภูมิปัญญาไทยหลากหลายและงดงามจริงๆ

เหล่าเรา : ชนเผ่า Alternative

บ่ายคล้อย...เราต้องออกเดินทางไปที่ บ้านจะแล พวกเรามีนัดกับ คุณสมศักดิ์ พวงมาลี เจ้าหน้าที่ที่ดูแลเรื่องการท่องเที่ยวโดยชุมชน ของกลุ่มศิลปกรรมกระจกเงา (Mirror art fund.)  ที่จะพาเราไป Home stay สัมผัสวิถีชีวิตพี่น้องลาหู่(มูเซอ) พร้อมไปแลกเปลี่ยนเรียนรู้รูปแบบของการท่องเที่ยวที่กำลังดำเนินการอยู่  ที่แตกต่างออกไปจาก สกว. แต่เน้นที่ชุมชนเรียนรู้เช่นเดียวกัน อาจจะแตกต่างกันไปบ้างตาม วิธีการ วิธีคิด

วันนี้เรามีไกด์หนุ่มลาหู่  จ่าป่า มารับพวกเราถึงในงานมหกรรมฯ ด้วย เขายิงคำถามแรกกับผมว่า พี่จะนอนได้มั้ยครับ?” น้องจ่าป่ากำลังสื่อความหมายให้ผมฟังว่า อาจจะลำบากสำหรับคนเมืองอย่างผมและเพื่อนๆสักหน่อย (ทั้งๆที่ผมก็ดูเป็นคนดอย และมาจากดอย)  พวกเราทุกคน เหล่าคน Alternative ตอบเป็นเสียงเดียวกันว่า สบายมาก 

เราเตรียมเสบียงกรังเล็กน้อยในเมืองเชียงราย เพื่อนำเข้าไปในหมู่บ้าน ผมเร่งให้เข้าไปก่อนพระอาทิตย์จะลับเหลี่ยมเขา เพราะอยากไปถ่ายรูปช่วงนั้น แสงเงากำลังดี และมีโอกาสได้เดินสัมผัสวิถีลาหู่อย่างใกล้ชิด  

 

เหล่าสาวก  Alternative เดินทางเข้าหมู่บ้านจะแล  

 

และแล้ว...รถของเราก็มาถึง บ้านจะแล  

ผมเคยมาเยือนที่นี่ครั้งหนึ่งเมื่อสองปีที่แล้ว  ตอนนั้นผมนำนักวิจัยชาวบ้านมาศึกษาดูงานพิพิธภัณฑ์ชนเผ่าที่นี่

จากวันนั้นถึงวันนี้บ้านจะแลไม่ได้เปลี่ยนไปมากนัก ยังคงเป็นธรรมชาติของหมู่บ้านลาหู่ที่ครบถ้วน (ผมค่อนข้างคุ้นเคยกับลาหู่ที่ อ.ปางมะผ้า แม่ฮ่องสอน)

วันนี้เรายังไม่เข้าไปดชมพิพิธภัณฑ์ชนเผ่า  จ่าป่าบอกให้พวกเราเก็บสัมภาระก่อนที่จะนำเที่ยวชมในชุมชนใน จุดสำคัญต่างๆ ของหมู่บ้าน และพูดคุยกับพี่น้องลาหู่ที่นี่

 

จุดหนึ่งที่สำคัญเปรียบเหมือนจุดรวมใจคนชุมชนก็คือ Lahu temple หรือที่พวกเขาเรียก หอเย่ (Ho yae) เป็นพื้นที่ทำพิธีกรรมติดต่อระหว่างคนกับเทพ

พิธีกรรมสำคัญของชุมชนมีขึ้นที่นี่ทุกวันศีลของเดือน(เดือนประมาณ ๒ ครั้ง)  มีหมอผีเป็นผู้นำพิธีกรรม ภายในหอเย่ดูขลังเพราะมีเครื่องสักการะ ต้นตุงคล้ายๆของธิเบตเต็มพื้นที่ในหอเย่ ดูลึกลับ ดีเหมือนกัน

พวกเราที่แสดงบทบาทเป็นนักท่องเที่ยวระดมถามจ่าป่าทุกประเด็น Indept แบบนักวิจัย และต้องชมว่าไกด์ชุมชนของเราได้รับการฝึกฝนเพื่อรับมือคำถามเป็นอย่างดี อาจเป็นเพราะที่นี่รับนักท่องเที่ยวเพื่อการเรียนรู้ส่วนใหญ่ และส่วนหนึ่งเป็นนักท่องเที่ยวชาวต่างประเทศ จะชอบมาก คนไทยยังมีกลุ่มเที่ยวแบบนี้น้อย เพราะชอบแบบฉิ่งฉาบทัวร์ วิ่งขึ้น วิ่งลงรถ ถ่ายรูป ซื้อของ จบ

การท่องเที่ยวแบบเรียนรู้สัมผัสชีวิตใช้เวลานานๆเริ่มนิยมกันมากขึ้นในกลุ่มของคนทำงานของไทย

วิถีง่ายๆ วันนี้ทำให้ผมหลุดออกจากคราบของเมืองอีกครา ที่นี่ไม่มีสัญญาณโทรศัพท์ ดีเหมือนกันครับ ไม่ต้องติดต่อใคร ไม่มีใครตามทวงงาน เดินเที่ยวในหมู่บ้านจนทั่วพร้อมกับตะวันที่โบกมือลาพวกเราที่มุมเขาทิศตะวันตก

นามีสี หญิงลาหู่เจ้าของบ้านที่ผมไปพักด้วย บอกให้ผมเร่งอาบน้ำและมากินข้าวร่วมกับเธอและลูก ...ผมอาบน้ำที่เรียกว่า เย็นมากๆ แต่ก็สดชื่นดี นั่งล้อมวงกินข้าวมื้อที่แสนเอร็ดอร่อย ผักกาดต้มกับไก่ และน้ำพริกมูเซอ ที่แซ่บอย่าบอกใคร ...กับข้าวที่ง่าย ในบรรยากาศท้องถิ่นบ้านป่า อร่อยกว่า MK ที่ผมไปทานมาอีก

ในค่ำคืนนี้เรามีนัดกับชาวบ้านที่ลานเต้นในหมู่บ้าน มีการแสดงต้อนรับของพี่น้องลาหู่ให้ชมและร่วมเต้น…  <p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal"></p><p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal"></p><p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal">เสียงกลองและเสียงฉาบดังก้องระทึกทั่วป่า จ่าป่าบอกผมว่า เป็นสัญญาณว่า พิธีเต้นรำ น่าจะพร้อมแล้ว </p><p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal"></p><p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal"></p><p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal"> </p><p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal"></p><p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal">…ลานเต้นเป็นลานดินที่เรียบโล่ง ก่อไฟกองใหญ่กลางลาน </p><p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal"></p><p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal">หนุ่ม สาวลาหู่แต่งกาย ด้วยชุดประจำเผ่าดูละลานตา หนุ่มลาหู่เป็นผู้ให้จังหวะ เครื่องตี เครื่อเป่ามาพร้อมสรรพ สาวๆเต้นตามจังหวะ มีทั้งอ่อนหวาน และเข้มแข็งตามทำนอง สำหรับผมแม้จะคุ้นชินกับการเต้นของพี่น้องชนเผ่า แต่วันนี้ผมก็ตื่นเต้นกับเสียงดนตรีกับแสงไฟที่ลุกโชนนั่น</p><p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal"></p><p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal"></p><p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal"></p><p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal"></p><p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal"> </p><p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal"></p><p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal">จะแลในค่ำคืนบุหลันลอยเลื่อน</p><p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal"></p><p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal"></p><p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal"></p><p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal"></p><p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal"></p><p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal">พี่สมศักดิ์ บอกว่าท่าเต้นของหญิงสาวประยุกต์มาจากวิถีอาชีพ ไม่ว่าจะเป็นการปลูกข้าว เกี่ยวข้าว ฝัดข้าว เก็บผัก ดนตรีที่ให้เสียงประกอบก็ให้ทำนองแตกต่างกันตามอารมณ์ บางครั้งดูเศร้าสร้อยอ่อนไหว บางครั้งดูร่าเริงสนุกสนาน </p><p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal"></p><p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal">ผมชมการแสดงจนเพลิน…สังเกตแววตาสาวลาหู่ แม้เธอจะเอียงอายหลบตาวูบวาบเมื่อผมจ้องมอง ผมเห็นความสดใส เห็นความไร้เดียงสาของสาวชาวดอยอยู่ในดวงตา…นี่หละวิถีชุมชนที่แท้ และผมก็ได้มาสัมผัส</p><p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal"></p><p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal"></p><p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal"></p><p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal"></p><p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal">เสียงดนตรีที่เร้าใจก่อนจบการเต้นยังดังก้องในอกผม ภาพของการเต้นรำที่สนุกสนานของหนุ่มสาวลาหู่ยังติดตา…ก่อนที่จะหลับตาพักผ่อนในคืนอันแสนสุข ซุกตัวใต้ผ้าห่มหนาๆที่นามีสีเตรียมไว้ให้ ….แล้วรำพึง ราตรีสวัสดิ์ เบาๆ กับตัวเอง</p><p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal"></p><p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal"></p><p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal"></p><p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal"> </p><p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal">        ผมและเด็กๆชาวลาหู่ ในเช้าวันหนึ่งที่บ้านจะแล           </p><p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal"></p><p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal"><hr></p><p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal"></p><p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal">ขอบคุณ >>>>>>>อะ โบ ดา ยา</p><p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal"></p><p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal"></p><p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal">พี่สมศักดิ์  (miror art fund.) น้องจ่าป่า พี่นามีสี และพี่น้องลาหู่จะแลที่น่ารัก </p><p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal"></p><p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal">ขอบคุณ >>>>>>>อะ โบ ดา ยา</p><p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal"></p><p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal">สกว.ด้วยครับที่ให้โอกาสผม</p><p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal"></p><p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal"></p><p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal"></p><p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal">http://www.bannok.com</p><p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal">http://www.hilltribe.org/</p><p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal"><hr></p><p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal"></p><p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal"></p><p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal"></p><p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal">อะ โบ ดา ยา = ขอบคุณ (ภาษาลาหู่)</p><p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal"></p><p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal"></p><p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal"></p>

หมายเลขบันทึก: 71843เขียนเมื่อ 10 มกราคม 2007 10:46 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 17:44 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (41)
เป็นข้อมูลที่ดีมากๆ เพราะโอกาสที่จะได้สัมผัส แลกเปลี่ยนเรียนรู้กับเพื่อนร่วมชาติในฐานะนักท่องเที่ยวมีน้อย โดยเฉพาะเป็นผู้หญิง ที่ต้องมีเครือข่ายและมีเวลา หวังว่าในชีวิตหนึ่งจะได้มีเโอกาสอย่างคุณจตุพร บ้าง

ขอบอกว่าประทับใจมากครับ

ผมเคยได้ยินว่ารัฐบาลญี่ปุ่นเขาส่งเสริมการท่องเที่ยวให้คนเขาได้เรียนรู้ประเทศอื่นตอนอายุยังน้อย เพื่อจะเรียนรู้ไปทำงานที่ดี

แต่ของเรานอกจากฉิ่งฉับทัวร์แล้ว ก็มีรุ่นอาวุโสที่กำลังถดถอย มีแต่การพักผ่อนหย่อนใจธรรมดา

ผมว่าการท่องเที่ยวน่าจะมีความหมายมากกว่าแค่ "ได้ไป ได้เห็น ได้ของฝาก" นะครับ

ผมไม่ทราบว่าการท่องเที่ยวฯ เขามีเวลาคิดเรื่องนี้หรือเปล่า นะครับ

  • เหมือนเดิมค่ะ
  • คือ ภูมิใจ ที่น้องชายคนดี บุกป่าฝ่าดงไปทำงานพัฒนาเช่นนี้
  • รูปภาพและเรื่องเล่า ทำให้เหมือนได้เข้าสัมผัสกับเหตุการณ์นี้จริงๆ ค่ะ
  • ขอให้มีกำลังกาย กำลังใจ ปฏิบัติภารกิจสำคัญนี้ต่อไปด้วยความสุขนะคะ
  • ขอชมอีกนิด
  • ฝีมือคนถ่ายภาพดีนะคะ โดยเฉพาะภาพซีเปีย ขาว ดำ เหลือง น่ะค่ะ

ขอบคุณเรื่องราว...ที่เล่าให้ฟัง

อ่านแล้วรู้สึกมีความสุข....

(^_____^)

กะปุ๋ม

คุณ tuk-a-toon

เป็นเสี้ยวหนึ่งของ CBT. ครับ

ชุมชนท่องเที่ยวมีหลากหลายให้เลือกเที่ยวและเรียนรู้ ขอเพียงมีเวลา แล้วก็ออกเดินทางไปเรียนรู้

มีอะไรมากมายที่มีอยู่ในชุมชนของเราครับ

ลองอ่านดูที่ การท่องเที่ยวโดยชุมชน ได้ครับ

อาจารย์ ดร. แสวง รวยสูงเนิน

ไปเชียงรายครั้งนี้ผมได้มีโอกาสได้นั่งพูดคุยกับสาวสวย จาก ททท. ครับ แนวโน้มของ ททท.ก็สนใจเรื่องของการท่องเที่ยวทางเลือกแบบนี้ กระแสการท่องเที่ยวเชิงเรียนรู้เริ่มเข้ามามากขึ้น เทรนท์การเที่ยวของคนเปลี่ยนไป

จะว่าไป ททท. ช้ามาก เพราะ ไม่ค่อยเข้าใจชุมชน เพียงแต่โปรโมทและส่งเสริมการท่องเที่ยวแบบฮาร์ทเซลล์ แต่น้อยครั้งที่จะมองผลกระทบที่ตกกับพื้นที่

จากการพูดคุยกับคน ททท.หลายท่าน ผมได้แต่ปลงในวิธีคิดบางอย่าง

เพราะเราพึ่งพา ททท.ไม่ได้ครับ ชุมชนต้องจัดการเอง

คิดว่าเราเดินหน้าไปมากกว่า ททท.หลายขุม

พี่ อรBright Lily

เป็นคนที่มีโอกาสครับ และพยายามหาโอกาสให้ตัวเองเสมอเลย

ได้เที่ยวได้ทำงานในเวลาเดียวกัน เป็นความสุขอย่างหนึ่งของคนอิสระ ล่าฝันเช่นผม

ผมมีเวลาดีๆผมจะขอ แว้บ ไปเยี่ยมพี่อรสักครั้งนะครับ

 

คุณ Ka-Poom

เรื่องราวที่เล่า หากอ่านแล้วสุข ผมก็ดีใจครับ ท่องเที่ยวชุมชนไทย ไม่ไปไม่รู้นะครับ

มีโอกาสเที่ยวแบบนี้ดูบ้างครับผม

  • มีความสุขทุกครั้งที่ได้อ่านบันทึกของคุณค่ะ....การถ่ายทอดที่เหมือนเราอยู่ในสถานที่จริง...มันทำให้พี่"โรแมนติค"ขึ้นมาอีกแล้วแหละ....เฮ้อ....
  • น่าอิจฉาที่ได้สัมผัสบรรยากาศงานกลางคืน..พี่เคยเห็นแต่ในหนัง...น่าสนุกจริงๆนะคะ

พี่ กฤษณา สำเร็จ

ขอบคุณครับพี่กฤษณา ถือโอกาสนี้ขอบคุณสิ่งของบริจาคที่ส่งมาทางแม่ฮ่องสอน ซึ่งผมได้รับเป็นที่เรียบร้อยแล้วครับ จะนำไปให้ผู้ขาดแคลนตามวัตถุประสงค์ต่อไป

ช่วงปีใหม่ผมได้ออกเดินทางเที่ยวด้วย และถือว่าทำงานไปด้วยครับ เก็บเกี่ยวความรู้และเรียนรู้วิถีผู้คนที่หลากหลาย

ผมถ่ายทอดออกมา พยายามจะให้ได้ถึงความรู้สึกมากที่สุด ผมอ่านยังไงก็ไม่ถึงความรู้สึกที่ผมเป็นอยู่ในขณะนั้น จริงๆผมอยากเขียนให้ดีกว่านี้ เพื่อให้คนอ่านรับรู้ถึงบรรยากาศอย่างนั้นจริงๆ

นอกเหนือจากความสุขที่ได้อ่าน สัมผัสร่วมกับผู้เขียนแล้ว ผมอยากให้คนอ่านได้ความรู้ สาระด้วยครับ

งานวิชาการหากเขียนให้เครียดก็หนักไป ทำอย่างไรถ่ายทอดออกมาแล้วบริโภคง่ายๆ ก็จะดี

ผมพยายามพัฒนาตนเองอยู่เสมอ

มีข้อชี้แนะอะไรผมยินดีรับฟังและปรับปรุงครับผม

ขอบคุณมากๆครับ

  • ยินดีค่ะ
  • ที่บ้านพี่มีแขก เพื่อนพ้องแวะเวียนไปพักกันบ่อยๆ ค่ะ ก็เพราะภูเก็ตสวยจริงๆ ค่ะ
  • มาซิค่ะ อากาศโล่ง สบาย หาดทรายสวยค่ะ
  • คุณเอกครับ....
  • บันทึกนี้  ทำให้ผมรู้สึกได้ว่า หอมกลิ่นความฝันมาจากแผ่นดินอันไกลโพ้น....
  • คิดถึงงานเขียนหลายเล่มของมาลา คำจันทร์  คิดถึงงานเขียนหลายอย่างของพี่ปอน พิบูลศักดิ์  ละครพล
  • ขอบคุณอีกครั้งครับคุณเอก...ที่ช่วยให้รู้สึกอีกครั้งว่า "แผ่นดินมีชีวิต แผ่นดินมีลมหายใจและมีกลิ่นอายแห่งความฝัน"

 

lสวัสดีครับพี่เอก

   เราไม่ได้คุยกันหลายวันแต่ก็เข้ามาอ่านและแลกเปลี่ยนเสมอครับ 

  อ่านเรื่องนี้แล้ว....แอบอิจฉาพี่เอกจังครับ  น่าจะมีผมไปด้วยคนคงจะมีความสุขและได้สัมผัสสิ่งดีๆแบพี่บ้างครัง

   และก็ทำให้นึกถึงพี่น้องมูเซอที่ปางมะผ้าของเรานะครับ  อยากฝากไว้ในใจพี่เอกจังเลยครับว่า  น่าจะส่งเสริมและนำนวัตกรรม  เช่นนี้  มาพัฒนาพี่น้องมูเซอปางมะผ้า  ที่มีมากหลายสิบหมู่บ้าน  ซึ่งผมว่ามีโอกาสครับ  อาจเป็นบ้านของพ่อเฒ่าจะโจและน้องแสนก็ได้นะครับ  ผมช่วยพี่ก็ได้นะครับ....

       ปล..วันนี้อยู่เวรครับ  เงียบสงบดี  วานนี้ว่าจะมาเขียนบล็อก  แต่เจอโชคครับ  ต้องไปผ่าคลอด(C/S)เลยไม่ได้เขียน

      พี่ครับมีบล็อกใหม่ที่น่าสนใจมากครับอยากให้พี่เข้าไปอ่าน  เป็นของ  อาจารย์ จิตเวชที่รามา ที่ผมนับถือมากครับ 

     น่าสนใจและเป็นเรื่องราวที่พี่เอกต้องชอบอีกด้านเช่นกันครับ

                        สวัสดีครับ..น.พ.สุพัฒน์  Kmsabai**

อืม..พี่เอกครับ รบกวนทำให้รูปน้องสบายขึ้นเวลาแสดงความเห็นด้วยนะครับ ขอบคุณมากครับ
ที่คุณเอกเขียนอยู่อย่างนี้แหละค่ะ....โดยส่วนตัวพี่ว่าถ่ายทอดได้ดีอยู่แล้ว....ถ้ามากกว่านี้ก็คงเหมือนนวนิยายไม่ใช่ชีวิตจริง....ทำได้ดีมากๆอยู่แล้วค่ะ

พี่ Bright Lily

มีโอกาสดีๆคงได้ไปรบกวนพี่แน่นอนครับ พี่ไม่ว่างผมใช้มอเตอร์ไซต์ตะลอนเที่ยวรอบเกาะได้ :)

ก็คิดว่าสักพักใหญ่ๆ รออากาศที่เหนืออุ่นขึ้น ย่างเข้าปีใหม่เมือง ผมไปเยือนพี่อรแน่นอนครับผม

ขอบคุณล่วงหน้าครับ

คุณ แผ่นดิน

ผมมีหน้าที่หอบเอาความฝันจากดินแดนไกลโพ้นมาฝากทุกคนครับ

ความละไมแห่งการมีชีวิตอยู่ เป็นความสุขที่เก็บหาง่ายๆรอบตัว พร้อมนำเสนอให้ทุกท่านได้ซึมซับสุนทรียะนั้น

ผมชอบอ่านหนังสือของ คุณมาลา คำจันทร์ มากครับผมอ่านทุกเล่ม ส่วนของคุณพิบูลศักดิ์ ละครพล ก็ติดตามอยู่เสมอครับ

หนังสือของคุณมาลา คำจันทร์ เป็นวิถีชนบทแบบเมืองเหนือที่ผมคุ้ยเคย อ่านไปแล้วมีความสุข นึกถึงวัยเด็กในทุกครั้ง...เป็นการโหยหาอดีตที่มีความสุขครับ

เมื่อวานมีมิตรที่รัก ส่งหนังสือมาให้อ่าน ๕ เล่ม เป็นหนังสือดีๆทั้งนั้นเลย มีความสุขมากครับที่ได้อ่านหนังสือดีๆ ปีนี้ของขวัญส่วนใหญ่เป็นหนังสือ และเป็นหนังสือชั้นเลิศทั้งนั้นครับ

ผมจะพยายามถ่ายทอดสิ่งที่ผมสัมผัส เรียนรู้ออกมาให้ดีที่สุด คุณแผ่นดินติดตามให้กำลังใจผมเรื่อยๆนะครับ

ขอบคุณครับ

 

น้อง หมอสุพัฒน์   ที่รัก

ชีวิตที่อิสระของผมได้ถูกบันทึกผ่านBlog ครับ น้องติดตามผมได้ใน Blog

เวลาและบริบททำให้ผมเดินทางไปเรื่อยๆ เลยทำให้มีเวลาโอกาสคุยกันน้อยลงแบบ F2F

พี่น้องมูเซอบ้านเรามีดีที่ไม่แพ้ครับ ที่บ้านพ่อเฒ่าแอโจ น้องแสนสะอาด เป็นหมู่บ้านหนึ่งของ ศูนย์ประสานงานวิจัย แม่ฮ่องสอน ที่เรากำลังพัฒนางานวิจัยอยู่ ที่บ้านพ่อเฒ่าแอโจ (บ้านผาเจริญ)ก็มีผลไม้เมืองหนาวเกือบทุกชนิด และวิถีลาหู่ที่นี่ก็เรียบง่าย บรรยากาศสวยงาม ผมคิดว่าของดีอยู่ที่ปางมะผ้าครับ

ขอบคุณสำหรับ Blog หมอรามา ที่แนะนำครับ ส่วนตัวผมชื่นชอบงาน Csg สมัยทำงาน และงานเหล่านี้เองทำให้เข้าใจตนเอง เข้าใจคนมากขึ้น

เรื่องการแสดงรูป...น้องคงต้อง Sign in ก่อนเข้ามาเขียน Comment จะทำให้รูปแสดง โชว์ภาพน้องสบายได้ครับ

ขอบคุณครับ สำหรับปิยะมิตรที่ดี ตลอดเวลา

......

ผมอยู่ที่เมืองปายมา ๒ วัน ผมเอาสมุนไพรที่เคยโทรคุยกันมาฝากด้วยครับ มีเวลาจะเอาเข้าไปให้ ช่วงนี้มีสิ่งของบริจาคมากมายที่บ้าน ผมคัดแยกเพื่อกระจายให้โรงเรียนเพื่อให้ทันงานวันเด็กที่จะถึงไม่กี่วันนี้ ครับ

พี่เอกครับ

 

ขอบคุณพี่กฤษณา สำเร็จ    ครับ

ไม่ปฏิเสธว่า กำลังใจของผู้มาให้ข้อคิดเห็นเป็นส่วนหนึ่งของแรงผลักให้ผมผลิตดีบันทึกต่อไปเรื่อยๆ

ดังนั้นงานเขียนของผมไม่เหมือนใคร พยายามใช้ภาษาให้สวยงาม อ่านง่าย และเข้าถึงอารมณ์ ก็มีทั้งคนชอบและไม่ชอบ แตกต่างกันไปตามจริตครับ

ทุกอักษรที่ลิขิต เป็นตัวตนของผม เองครับ

ส่วนนิยาย หากเขียนได้ก็เป็นสิ่งที่ควร นิยายเองก็สะท้อนความจริง นิยายเองก็เคลื่อนสังคมได้ หากมีวิธีคิด วิธีเขียนและถ่ายทอด

ผมมองว่าวรรณกรรมสวยงาม และใน Gotoknow เองหากเราจะเขียนนิยายและเป็นนิยายที่เสริมความรู้ แทรกสอดสิ่งดีๆ ก็เป็นสิ่งที่ชอบในความคิดผม

คนส่วนใหญ่ไม่ปฏิเสธวรรณกรรม ผมเชื่ออย่างนั้น

ดังนั้นแล้ว ก็ขึ้นอยู่กับผู้อ่าน ไม่ได้กังวลกับ จำนวนผู้เข้ามาอ่านและให้ข้อเสนอแนะเลย

ผมมีอิสระในการคิดและเขียนมากใน Gotoknow

วัตถุประสงค์พื้นฐานก็ เป็นพื้นที่เขียนสิ่งที่เกิดขึ้นสำหรับตัวเอง เพื่อให้ตนเองอ่านสิ่งที่ผ่านมาเป็นสำคัญครับ

"จดหมายเหตุตัวเอง" ครับ เลือกที่จะนำเสนอบนพื้นที่เสมือนสาธารณะ เพื่อให้คนที่สนใจอ่านร่วมกัน คิดร่วมกันครับผม

ขอบคุณครับ

 

  • น่าไปจัง
  • อยากไป ยังไม่มีโอกาสสักที
  • ขอบคุณสำหรับภาพสวยๆครับ

สวัสดีครับ อาจารย์ขจิต ฝอยทอง

คิดว่าหากอาจารย์เสร็จสิ้นภาระกิจเรื่องเรียนน่าจะหาเวลามาเที่ยวภาคเหนือ เที่ยวชุมชนเพื่อพักผ่อนและเรียนรู้แบบนี้ได้ครับ

ผมมีข้อมูลและเครือข่ายชุมชนที่น่าสนใจมากมาย หากอาจารย์สนใจนะครับ

สวัสดีครับ ครูเอก

ขอชมเชยว่า ครูเอก ทำได้ดีอีกแล้วสำหรับ ลาหู่ :

พรานภูเขา   น่าทึ่งจริงๆ  

ชิวิตอิสระของคนๆหนึ่ง สามารถทำประโยชน์ได้หลากหลาย แก่ชุมชน ชนเผ่า และ สังคม  เพื่อการพัฒนา  แต่อย่างไรก็ตาม ขอฝากให้ ครูเอก เป็นผู้หนึ่งที่ อย่าทำให้การพัฒนา ของชนเผ่า เป็นการพัฒนาจนเลยเถิด  จนไม่เหลือความเป็นเอกลักษณ์ นะครับ

ไข่นุ้ยก็เป็นอีกกำลังใจครับ

  • เป็นบันทึกที่มีคุณค่ามากครับ
  • ขอชื่นชม และเป็นกำลังใจให้กับน้องจตุพร และชุมชนที่นั่นด้วยนะครับ

คุณจตุพรคะ..

พี่ชอบมากเลย...

"ผมมีอิสระในการคิดและเขียนมากใน Gotoknow วัตถุประสงค์พื้นฐานก็ เป็นพื้นที่เขียนสิ่งที่เกิดขึ้นสำหรับตัวเอง เพื่อให้ตนเองอ่านสิ่งที่ผ่านมาเป็นสำคัญครับ"... กับ...

"ส่วนนิยาย หากเขียนได้ก็เป็นสิ่งที่ควร นิยายเองก็สะท้อนความจริง นิยายเองก็เคลื่อนสังคมได้ หากมีวิธีคิด วิธีเขียนและถ่ายทอด"...และ

"ผมมองว่าวรรณกรรมสวยงาม และใน Gotoknow เองหากเราจะเขียนนิยายและเป็นนิยายที่เสริมความรู้ แทรกสอดสิ่งดีๆ ก็เป็นสิ่งที่ชอบในความคิดผม"

...มันทำให้พี่เข้าใจคุณ...และมีความมั่นใจในตัวเองในการเขียน...ตามความถนัดของเราเอง...และเป้าหมายของเราชัดเจนขึ้น...

...ขอบคุณจริงๆค่ะ....

อ่านบันทึกของคุณเอกเป็นประจำ และมีความสุขทุกครั้งที่ได้อ่าน และทุกครั้ง ก็เกิดคำถามว่า  อะไรที่หล่อหลอมให้เป็นคุณเอก  ทั้งความสุนทรียะ จิตนาการ ความสามารถด้านศิลปะ  ที่สำคัญ อุดมการณ์เพื่อสังคม 

  • เมื่อคืนนั่งแต่งกลอนให้คุณเอก
  • เริ่มต้นที่ "หอมกลิ่นความฝันจากฟากฝันอันไกลโพ้น..."
  • แต่ก็แต่งยังไม่พบ
  • อีกทั้งก็เขียนในคอนเซ็ป "ผู้นำข่าวสารความรักจากแดนไกล" 
  • ยังมีความสุขที่จะติดตามบันทึกของคุณเอกนะครับ
  • วันนี้...ที่องค์กรของผมก็ประชุม KM ผมก็ย้ำกับตัวเองและที่ประชุมว่า  การนำเสนอขึ้นอยู่กับกลวิธี (สไตล์) ของแต่ละคน 
  • เพราะเรื่องของเรา  เราต้องเล่า  ด้วยวิธีของเราเอง....
    สวัสดีค่ะ อาจารย์จตุพร พี่เพิ่งกลับจากเชียงใหม่ถึงบ้านเย็นนี้เอง พรุ่งนี้ขึ้นแม่สอดอีกสามวัน ได้เข้ามาเยี่ยมติดตามอ่านชิ้นงาน ได้สาระและบรรยากาศตามไปด้วย ."อิสระในความคิดไม่ติดสิ่งใดไปได้เรื่อยๆแต่ทรงคุณค่า" ประโยคนี้มอบให้อาจารย์ค่ะ ขอบคุณค่ะ

พี่ไข่นุ้ย ที่นับถือ

ผมบรรจุพี่ไข่นุ้ยเป็นแฟนประจำ Blog ผมแล้วครับ ขอบคุณที่ได้ให้คำปรึกษาในหลายๆเรื่อง ซึ่งผมเองมีความรู้เรื่องธุรกิจ และการตลาดน้อย ดังนั้นหากจะทำอะไรคงต้องปรึกษาพี่ไข่นุ้ยที่อยู่ในแวดวงธุรกิจ บ่อยครั้งนะครับ

 

ไปเที่ยวบ้านลาหู่ในครั้งนี้ ผมได้เรียนรู้หลายอย่างและก็คิดว่าจะถอดบทเรียนบางอย่างไว้คุยกับพี่น้องกลุ่มชาติพันธุ์ที่แม่ฮ่องสอนด้วย

ขอบคุณหนึ่งกำลังใจที่ดีๆจากพี่ไข่นุ้ยครับ

..............

พี่สิงห์ป่าสัก

ขอบคุณที่มาเยี่ยมพร้อมกำลังใจ ครับ ผมพยายามจะนำความรู้ที่ได้ไปสัมผัสเรียนรู้มาถ่ายทอดครับ

...............

พี่ กฤษณา สำเร็จ

การเขียนบันทึกทำให้ผมได้พัฒนาตนเองไปเรื่อยๆครับ ทั้งการเขียนกรสื่อความหมาย และสำคัญที่สุดการเป็นตัวตนที่แสดงออกมาผ่านวรรณกรรม

หากไม่ใช่ตัวเองก็ค่อนข้างฝืน หากเป็นแบบที่ตัวเองชอบก็เขียนได้เรื่อยๆ

ปรารถนาอยากให้ความรู้ที่มีบ้างในตน และความรู้ที่ได้สัมผัสด้วยตนเอง ถ่ายทอดออกมา ร่วมเป็นการจัดการความรู้ในภาพรวมของ Gotoknow ครับ

ตรง Concept บ้างไม่ตรงบ้างแต่ก็เป็นชีวิตหนึ่ง ที่เป็นเรื่องธรรมดาในโลกเสมือนแห่งนี้

ขอบคุณครับผม

สวัสดีครับ อาจารย์ รศ.พญ. ปารมี ทองสุกใส

ผมดีใจครับ ที่อาจารย์ติดตามบันทึกผมบ่อยครั้ง และดีใจมากขึ้นที่ทราบว่าบันทึกผมสร้างสุขให้บ้าง

ขอเป็นบันทึกพักเบรค ที่สอดแทรกสาระไปในตัวครับ

แรงกำลังใจเหล่านี้เอง ทำให้เขียนบันทึกที่ดีๆต่อไปผมต้องขอขอบคุณอาจารย์มากครับ

"เพราะเป็นคนหนึ่งในสังคม และอยากทำอะไรดีๆเพื่อสังคม เป็นความภาคภูมิใจในชีวิตหนึ่งครับ"

คุณแผ่นดิน

กัลยาณมิตรผู้เคียงข้าง ร่วมอุดมการณ์

ผมกำลังคิดว่า กลอนที่เขียนให้ผมนั้น จะออกมาอย่างไร ผมเชื่ออย่างหนึ่งว่ามีอะไรดีๆแทรกในคำสวยเหล่านั้น

ขอให้มีความสุขมากๆครับ ผมเองก็สุขที่ได้ติดตามฝันของคุณแผ่นดิน ผ่านบันทึกดีๆอยู่เสมอ

มาย้ำด้วยข้อความนี้ครับ

"เพราะเรื่องของเรา  เราต้องเล่า  ด้วยวิธีของเราเอง...."

อาจารย์ ผศ.สุณี   หิ่งห้อย

มาเชียงใหม่แต่ไม่ได้พบเจอท่านอาจารย์

ผมได้รับของจากอาจารย์เมื่อสองวันก่อน และได้กลับไปที่เมืองปาย จัดการแยกสิ่งของแบ่งเป็นกลุ่มๆ ในเวลาทั้งสองวันที่กลับบ้าน สามารถกระจายของออกไปได้ทั้งหมด รอบนี้เป็นรอบของวันเด็กครับ คุณครูต่างก็มารับสิ่งของกันอย่างดีอกดีใจ ผมสบายใจและสุขใจมากครับ

ต้องขอขอบคุณท่านอาจารย์มากๆนะครับ

ภาพกิจกรรมวันเด็กจะทยอยนำมาลงในบันทึกต่อไปครับ

สำหรับบันทึก อยากให้ทุกคนอ่าน อ่านง่ายๆได้สาระ และมีความสุข ผมก็รู้สึกสุขไปด้วยครับ

 

 

มาเยี่ยม 

ขอชื่นชมคุณที่เข้าไปสัมผัสวิถีธรรมชาติแล้วนำมาแบ่งปันความรู้ครับ 

 ครั้งหนึ่งผมเคยมานอนที่ไร่สาลี่ อ. อมก๋อย  มีนักศึกษา ป. โท  ตามมาด้วยเรามีหนึ่งรถตู้เลย ช่วงนั้นก็ได้สัมผัสวิถีธรรมชาติคล้าย ๆกัน...

สวัสดีครับ อาจารย์ ดร.อุทัยP

การเรียนรู้ชุมชนผ่านการบอกเล่า เป็นหนทางหนึ่งที่จะช่วยให้คนภายนอกเข้าใจวิถีของพวกเขามากขึ้น ความเข้าใจนำไปสู่การพัฒนาด้วยครับ

ผมทำหน้าที่ถ่ายทอด แต่ก็ได้เพียงเสี้ยวหนึ่ง มีโอกาสก็อยากจะเชิญเที่ยวชุมชนเพื่อการเรียนรู้และให้กำลังใจชุมชนครับ

มีเวลามาเยี่ยมที่แม่ฮ่องสอนได้นะครับ

อยากเป็นเช่นดวงตะวันฝันข้ามฟ้า ท่องในจินตนาหาความฝัน เก็บรักอุ่นทอแสงมาแบ่งปัน มอบหัวใจมุ่งมั่นให้ทุกคน... แด่พี่ชายครับ

สวัสดีปีใหม่ ไม่สายเกินไปนะครับ น้องสิทธิเดช กนกแก้ว

ปีใหม่นี้อบอุ่นด้วยกวีสวยๆที่มอบกำนัลแด่ผม จากน้องชายที่รักครับ

ขอบคุณและฝากสวัสดีวันเด็ก กับหลานน้อย "ร้อยแก้ว" ครับ

สวัสดีค่ะคุณจตุพร วิศิษฏ์โชติอังกูร

  • ไม่ได้มาเยี่ยมหลายวันเลยค่ะ งานยุ่งๆ
  • อ่านแล้วอยากไปเที่ยวแบบนี้บ้าง ได้อารมณ์ความรู้สึกมากๆ...
  • คนส่วนใหญ่เวลาท่องเที่ยวชอบเน้นความสะดวกสบาย
  • ทำไม มูเซอ จึงมีอีกชื่อว่า ลาหู่ มีที่มาที่ไปมั้ยค่ะ
  • ภาพสวย ได้บรรยากาศมากๆ

สวัสดีครับ อาจารย์ paew

  • ขอบคุณอาจารย์มากครับที่มาเยี่ยม
  • การท่องเที่ยวโดยชุมชน เป็นการท่องเที่ยวเพื่อการเรียนรู้ครับ ผมคิดว่าเป็นการท่องเที่ยวที่น่าสนใจ และมีแนวโน้มว่าจะนิยมมากขึ้นครับ
  • เรียก มูเซอ ไม่ค่อยสุภาพครับ เหมือนเราเรียก "แม้ว = ม้ง, ลีซอ = ลีซู,กระเหรี่ยง = ปกาเกอญอ ,ปาเกอญอ"  
  • มาเยี่ยมชมเรื่องจากชุมชนสม่ำเสมอนะครับ...ขอบคุณครับผม
อ้ออ....เข้าใจแล้วค่ะ...งั้นคำว่า แม้ว กระเหรี่ยง ลีซอ ก็ไม่ค่อยสุภาพด้วยหรอค่ะ.....เห็นคำว่า ปกาเกอญอ  ในบันทึกก่อนนึกว่าเป็นอีกชนเผ่า....ช่างไม่รู้เรื่องจริงๆ ...ขอบคุณมากค่ะ.....แล้วคำที่ไม่สุภาพนี่มาได้ไงละค่ะ....ขี้สงสัยค่ะ

อาจารย์  paew

จริงๆแล้ว พวกเขาก็เรียกตนเองมาจากคำดั้งเดิมที่อาจารย์เข้าใจครับ ต่อมา มีนักวิชาการบ้าง นักพัฒนาบ้าง ที่พยายามหาคำพูดที่ยกย่องให้เกียรติกลุ่มชาติพันธุ์ โดยมีศัพท์ใหม่ๆขึ้นมา (ผมเข้าใจแบบนี้) หากไม่ชัดเจนขออภัยด้วยครับ

คำว่า "กระเหรี่ยง" ตามจริงเป็นคำที่เป็นคำกลางๆครับ สมัยก่อนพื้นเมืองเรียกพวกเขา ว่า "ยาง" แต่พิจารณาดูแล้ว เป็นคำที่ไม่ให้เกียรติ มาใช้คำว่า "กระเหรี่ยง" แทน ต่อมาก็เห็นว่าด้วยภูมิปัญญา ด้วยการยกย่อง เปลี่ยนมาเป็น "ปกาเกอญอ" ต่ออีก

น่าจะมีที่มาประการฉะนี้

ดังนั้นแล้วปัจจุบัน คำเรียกใหม่ใช้กันมากขึ้น บางทีก็ใช้ปนกันไป ปนกันมา

ประเด็นนี้ผมขอชี้แจงเท่านี้ก่อนนะครับ...ผมจะหาข้อมูลมาเพิ่มเติมเร็วๆนี้

ดีคะ

ไม่ทราบว่านี้เป็นใครคะ

 

ลาหู่เป็นคนรักสงบและเรียบร้อย ผมคือคนกรุุงเทพที่มีภรรยาเป็นสาวลาหู่ ทุกปีเราจะกลับไปกินวอและเต้นจะคึ คำว่ามูเซอเป็นคำที่ฝรั่งใช้เรียกชนกลุ่มนี้เน้นหนักไปที่ลาหู่ฝั่งพม่า ส่วนลาหู่มักเรียกตัวเองว่าเป็นชาวลาหู่ครับ ลาหู่มีหลายสี พ่อตาผมเป็นลาหู่ดำ แม่ยายเป็นลาหู่เหลือง ต่างกันที่ภาษาและการแต่งกาย บางทีลาหู่ต่างสียังฟังกันเองไม่ค่อยรู้เรื่องเลยครับ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท