การแลกเปลี่ยนเรียนรู้ ที่ทำกันเกือบจะเรียกได้ว่าเป็นธรรมเนียมใน มน. อีกอย่างหนึ่งก็คือ การแลกจุลสารกันอ่านระหว่างหน่วยงาน
วิธีนี้ นับเป็น KM ได้เหมือนกันนะคะ......
อย่างวันนี้ ดิฉันได้รับ "จุลสารสองแคว" จุลสารประชาสัมพันธ์คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร ปีที่ 3 ฉบับที่ 3 กรกฎาคม - ธันวาคม 2549 เปิดอ่านแล้ว มาสะดุดที่เรื่องเล่าบนปกหลังของจุลสารดังกล่าว
ชื่อคอลัมน์ มุมสารศิลป์ เขียนโดย อาจารย์ธีรวุฒิ บุญยศักดิ์เสรี อาจารย์ประจำภาควิชาศิลปะและการออกแบบ
จึงขอนำมาเผยแพร่ขยายผลอีกต่อหนึ่ง เพราะโดนใจคนที่กำลังอินอยู่กับเรื่องการศึกษาค่ะ.... : ) : )
เรื่องเล่าใต้ต้นไม้ : ห้องเรียนแห่งศานตินิเกตัน
ผมเคยนั่งอยู่ใต้ต้นไม้ซึ่งกำลังผลิดอกสีชมพูบานสะพรั่ง ท่ามกลางความเหน็บหนาวของยามเช้าวันศุกร์ในเดือนธันวาคม นี่คือชั้นเรียนวิชา สุนทรียศาสตร์ ของมหาวิทยาลัยวิศวภารตรี แห่งเมืองศานตินิเกตัน ประเทศอินเดีย รายรอบตัวผมคือเพื่อนๆ รุ่นพี่ จากนานาประเทศที่กำลังตั้งใจฟังคุณครูฝรั่งบรรยายเรื่องราวว่าด้วยปรัชญาศิลปะตะวันตก
หลายปีที่แล้วที่ผมจากเมืองไทยมาศึกษาศิลปะ ณ มหาวิทยาลัยแห่งนี้ สภาพบ้านเมืองและผู้คนที่นี่ ถ้าจะเปรียบเทียบแล้วแทบจะไม่มีอะไรคล้ายกับชีวิตคนเมืองอย่างที่ผมคุ้นเคยเลย แต่ก็น่าแปลกว่า ผมไม่ได้รู้สึกว่าต้องพยายามปรับตัวอะไรเป็นพิเศษเลย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอาหารหรือภาษาพูดจา อยู่ที่นั่นผมตื่นนอนโดยเสียงนกร้องประมาณ 6 โมงเช้า ปั่นจักรยานไปโรงเรียน ชั่วโมงเรียนวิชาประวัติศาสตร์และปรัชญาศิลปะเริ่ม 7 โมง ถึง 9 โมงเช้า จากนั้นก็นั่งจิบชากับเพื่อนๆและคุณครู แล้วก็แยกย้ายกันเข้าสตูดิโอ บ่ายโมงก็ไปกินข้าวที่โรงอาหาร อาหารนั้นก็เหมือนกันทุกเช้าค่ำ คือแกงมันราดข้าวกับไข่ต้ม 1 ฟอง บ่ายสองโมงทุกคนก็แยกย้ายกันกลับที่พัก หลับสัก 1 - 2 ชั่วโมง จนประมาณ 4 โมง จึงกลับเข้าสตูดิโอ อยากจะทำงานถึงกี่โมงก็ตามใจ ใครไม่มีอารมณ์จะทำงานในสตูดิโอ แต่อยากจะไปนั่งชมตะวันตกดิน หรือเขียนรูปตามท้องทุ่งก็ตามแต่ความพอใจ 3 ทุ่มก็เป็นเวลาอาหารค่ำและกลับที่พัก เช้าวันรุ่งขึ้นก็ตื่นไปโรงเรียนตามเดิม ชีวิตเป็นภาพซ้ำแล้วซ้ำอีกอย่างนี้ทุกวัน
ผู้คนที่นั่นส่วนใหญ่มีการศึกษาสูง หลายๆคนเป็นโปรเฟสเซอร์ในสาขาต่างๆ บางคนเป็นศิลปินหรือนักคิดที่มีชื่อเสียง ประสบความสำเร็จในระดับโลก แต่เขาไม่ได้ใส่สูท ผูกไท ขับรถเก๋งคันหรู พวกเขาแต่งตัวง่ายๆตามฤดูกาล ส่วนใหญ่อัธยาศัยดี ไปไหนมาไหนด้วยการเดิน ปั่นจักรยาน หรือนั่งสามล้อ พวกเขาไม่เคยสอนผมด้วยวิธีการที่ผมคุ้นเคยตั้งแต่เล็กจนโตเลย ทุกๆวันเราจะพบกันในตอนเช้า กล่าวคำทักทาย จิบชา คุยเรื่องลมฟ้าอากาศหรือเทศกาลต่างๆ ถ้าผมถามปัญหาในเรื่องการเรียน คุณครูมักจะแนะนำหนังสือดีดีให้ไปอ่านในห้องสมุด
ด้วยการเดินตามแนวคิดที่ว่า ไม่มีครูคนใดสามารถสั่งสอนได้ดีเท่าการศึกษาจากธรรมชาติ ทั้งธรรมชาติรอบตัวและในตัวตนของเขา ที่ซึ่งในแต่ละคนย่อมมีธรรมชาติ ที่หมายรวมไปถึงความเป็นมา ที่สะสมจากสภาพแวดล้อมรอบๆตัวตั้งแต่เล็กจนโต หล่อหลอมจนเป็นบุคลิกภาพ รสนิยม ทัศนคติ หรือแง่มุมในการมองโลกที่แตกต่างกันออกไป การเรียนแบบรับฟังจากปากคนๆเดียว พร่ำบ่นให้คนทั้งชั้นเรียนเชื่อตามๆกันไป ซึ่งแม้จะได้ผลลัพธ์เร็ว มีมาตรวัดที่คงที่ และกำหนดได้ง่าย จึงไม่เป็นที่พึงปฏิบัติมากนักในสำนักนี้ พวกเขายินดีรอคอยความสำเร็จที่แท้จริงของนักเรียนเอง ดังที่ รพินทรนาถ ฐากูร กวีโนเบลไพรซ์คนแรกของเอเชีย ผู้ก่อตั้งสถาบันแห่งนี้ ได้กล่าวไว้ว่า "วันใดเราสามารถเล็งเห็นถึงองค์ความรู้บนใบไม้ที่หล่นอยู่บนพื้นได้ สรรพสิ่งในโลกก็คงสร้างองค์ความรู้ให้เราได้ทั้งหมด"
คำถามที่ว่า " การเรียนแบบนี้จะได้ผลจริงหรือ " สำหรับตัวผมเองก็ยังลังเลใจ อีกทั้งยังเคยหงุดหงิดอยู่บ่อยครั้งในช่วงที่ไปเรียนแรกๆ ว่าทำไมคุณครูถึงไม่เคยสอนอะไรเราเลย แต่การเรียนและชีวิตที่นั่น ได้นำพาผมไปสู่คำถามที่ธรรมดาแต่สำคัญที่สุดในชีวิตของผม "ทำไมคุณถึงวาดรูป" แต่นั่นคงไม่สำคัญเท่ากับที่ผมได้รับความสุขกับการเรียนมากที่สุด ในชีวิตการเป็นนักเรียนของผมตั้งแต่เล็กจนโต ที่มหาวิทยาลัยในหมู่บ้านเล็กๆแห่งนี้ที่ชื่อ ศานตินิเกตัน......
สวัสดีรับอาจารย์
สอดคล้องกับแนวคิดของหลวงปู่ชา วัดหนองป่าพง จังหวัดอุบลราชธานีที่ว่า ....หากเราเรียนรู้เส้นผมเพียงเส้นเดียวอย่างถ่องแท้ก็จะทำให้เข้าใจเส้นผมของคนทั้งโลกได้......เลยครับ
สวัสดีปีใหม่ค่ะ คุณดิศกุล
แหม! คนคอเดียวกันเลยนะค่ะเนี่ย : ) : )
เดือนที่ผ่านมาวิภาได้มีโอกาสร่วมงานกับท่านอาจารย์ธีรวุฒิ บุญศักดิ์เสรี ในการออกหน่วยบริการเคลื่อนที่ครั้งที่ผ่านมา เห็นท่านทุ่มเทให้กับการสอนวาดภาพมาก และยังออกเดินขึ้นเขาไปสำรวจทัศนียภาพเพื่อพัฒนาพื้นที่ให้สามารถเป็นแหล่งท่องเที่ยว ควบคู่กับอาจารย์ธนพงษ์ บุญญฤทธิ์ และ ดร.เสมอ ถาน้อย วิภาเลยมองว่าอาจารย์ได้ปฏิบัติตามหลักของท่าน รพินทรนาถ ฐากูร อย่างถ่องแท้เลยล่ะค่ะ ^^
ขอขอบคุณอาจารย์มาลินี...
คนในศานตินิเกตันขี่จักรยานกัน...
หรือว่า...
หมายเหตุ:
ชอบสันตินิเกตันมากค่ะ
อยากไปเรียนต่อที่นั่นมาก
ได้ไปครั้งนึงแล้วอยากไปอีกค่ะ