หน้าแรก
สมาชิก
opgkm
สมุด
เวทีเรียนรู้ของที...
โครงการกลไกด้านกา...
opgkm
กิติมาภรณ์ จิตราทร
สมุด
บันทึก
อนุทิน
ความเห็น
ติดต่อ
โครงการกลไกด้านการแนะแนวเพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหาเพศ และเอดส์
เป้าหมาย: บูรณาการงานป้องกันเอดส์เข้าไปในโรงเรียนทั้งระบบ ผ่านกลไกที่ทางสถานศึกษามีอยู่แล้ว คือ บุคลากรที่ทำหน้าที่ด้านการแนะแนว และให้คำปรึกษา เพื่อให้บุคลากรดังกล่าวได้มีความรู้ความเข้าใจ และเกิดทัศนคติที่ดีต่อการทำงานเรื่องเพศและเอดส์ โดยร่วมกับกระบวนการในการให้ความรู้โดยกลุ่มเพื่อน เพื่อให้นักเรียน/นักศึกษาได้เรียนรู้และเกิดความตระหนักในการป้องกัน และเพื่อให้สถานศึกษาเกิดแนวทางในการทำงานป้องกันปัญหาเพศ และเอดส์
โครงการกลไกด้านการแนะแนว
เพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหาเพศ และเอดส์
1
.คำสำคัญ
:
การบูรณาการ ปรับทัศนคติ
2
.จังหวัด
:
เชียงใหม่
3
.กลุ่มเป้าหมาย
:
กลุ่มอาจารย์แนะแนว/อาจารย์ที่ปรึกษา นักเรียน/นักศึกษาแกนนำ และนักเรียนในสถาบันการศึกษานำร่อง
4
แห่ง ประกอบด้วย สายสามัญ
2
แห่ง คือ ร.ร.กาวิละวิทยาลัย และร.ร.หางดงรัฐราษฎร์อุปถัมภ์ และสายอาชีพ
2
แห่ง คือ ร.ร.เทคโนโลยีเอเชีย กับร.ร.พายัพเทคโนโลยีและบริหารธุรกิจ
4
.เป้าหมาย
:
บูรณาการงานป้องกันเอดส์เข้าไปในโรงเรียนทั้งระบบ ผ่านกลไกที่ทางสถานศึกษามีอยู่แล้ว คือ บุคลากรที่ทำหน้าที่ด้านการแนะแนว และให้คำปรึกษา เพื่อให้บุคลากรดังกล่าวได้มีความรู้ความเข้าใจ และเกิดทัศนคติที่ดีต่อการทำงานเรื่องเพศและเอดส์ โดยร่วมกับกระบวนการในการให้ความรู้โดยกลุ่มเพื่อน เพื่อให้นักเรียน/นักศึกษาได้เรียนรู้และเกิดความตระหนักในการป้องกัน และเพื่อให้สถานศึกษาเกิดแนวทางในการทำงานป้องกันปัญหาเพศ และเอดส์
5
.สาระสำคัญของโครงการ
:
องค์การโปรเจคโฮพแห่งประเทศไทย เป็นองค์กรต่างประเทศที่ทำงานด้านสุขภาพ ที่ไม่แสวงหากำไร เริ่มก่อตั้งองค์การฯ ขึ้นในประเทศไทย เมื่อประมาณ ปี
2539
เน้นการทำงานในด้านให้การศึกษาด้านการป้องกันและนโยบายสุขภาพ โดยเฉพาะงานเอดส์นับเป็นโครงการแรกๆ ขององค์การฯ จนเกิดการพัฒนาเป็นโครงการนำร่องร่วมกับ ร.พ.สันทราย ขึ้นในปีพ.ศ.
2541
ชื่อว่า
“
โครงการส่งเสริมสุขภาพ คู่รักคู่สมรสโรงพยาบาลสันทราย
”
ถือเป็นงานวิจัยที่
จุดประกายให้แกนนำองค์กรหันมาให้ความสนใจกับกลุ่มเป้าหมายเพิ่มขึ้น คือ เยาวชน เนื่องจากพบสัญญาณวัยรุ่นเริ่มอยู่กินด้วยกัน และเริ่มพบด้วยว่า วัยรุ่นไปรักษาโรคติดเชื้อจากร.พ. องค์การโฮพฯ จึงเข้าไปประสานเชื่อมกับระดับโรงเรียน และมหาวิทยาลัย ในจ.เชียงใหม่ เพื่อจัดอบรมให้ความรู้เรื่องเพศ และเอดส์แก่นักเรียน และนักศึกษา
ผลของการจัดอบรมหลายๆ ครั้ง จึงได้รับข้อแนะนำจากเวทีต่างๆ ว่า เมื่อมีการฝึกอบรมครูเกิดขึ้น แต่เมื่อครูกลับไปร.ร.ก็จะพบข้อจำกัดในเรื่องของแรงสนับสนุนจากฝ่ายบริหารร.ร. เนื่องจากเป็นประเด็นที่อ่อนไหว ทำให้การผลักดันในร.ร.ไม่เกิดขึ้น ข้อแนะนำที่ได้รับจึงนำมาสู่การปรับปรุงหลักสูตร ขณะที่ข้อจำกัดต่างๆ อันเป็นอุปสรรคต่อการนำความรู้เรื่องเอดส์เข้าไปขับเคลื่อนในระดับร.ร. จูงใจให้องค์การโฮพฯ นำเสนอโครงการกลไกด้านการแนะแนวฯ ต่อสสส. โดยอาศัยประสบการณ์ที่ได้จากการทำงานและการจัดอบรมทั้งหมด พัฒนาขึ้นเป็นรูปแบบกลไกที่จะทำร่วมกับร.ร. และคาดหวังให้รูปแบบกลไกที่สร้างขึ้นช่วยทำให้ร.ร.ได้เรียนรู้เรื่องของการป้องกันเอดส์ทั้งระบบ
6
.เครื่องมือที่ใช้
:
การจัดกิจกรรม
2
ส่วน หลักๆ คือ
1
.
1
การจัดสัมมนาอบรมให้ความรู้เกี่ยวกับปัญหาเพศ และเอดส์ เพื่อปรับมุมมอง แก่อาจารย์แนะแนว/อาจารย์ที่ปรึกษา และแก่ตัวแทนนักเรียน
1
.
2
การจัดกิจกรรมในโรงเรียนภายใต้โครงการต่างๆ
กิจกรรมส่วนแรกเป็นการปูพื้นฐานความรู้และปรับทัศนคติมุมมองเกี่ยวกับปัญหาเพศ และเอดส์ให้กับกลุ่มเป้าหมายทั้ง
2
กลุ่ม โดยการแยกจัดสัมมนาออกเป็น
2
เวที คือ เวทีอาจารย์แนะแนว/อาจารย์ที่ปรึกษา กับเวทีนักเรียน/นักศึกษา เพื่อเปิดโอกาสให้นักเรียน/นักศึกษามีความกล้าที่จะแสดงความคิดความเห็นได้อย่างเต็มที่
หลังจากกลุ่มเป้าหมายได้รับรู้ปัญหาเกี่ยวกับเพศ และเอดส์แล้ว กลุ่มเป้าหมายทั้งหมดจะต้องมาร่วมสัมมนาด้วยกันอีก
1
ครั้ง เพื่อนำเสนอกิจกรรม (โครงการ) ที่จะต้องทำร่วมกันในโรงเรียน ซึ่งนำไปสู่กิจกรรมในส่วนที่สอง เป็นการลงมือปฏิบัติหลังจากได้รับความรู้มาแล้วจากการเข้าร่วมอบรมสัมมนา
7
.การจัดระบบ โครงสร้าง กระบวนการทำงาน
:
เน้นการประสานความร่วมมือระหว่างสถานศึกษา และบุคลากรในสถานศึกษากับเจ้าหน้าที่ประสานงานขององค์กรโฮพฯ
โดยใช้วิธีการทำงานร่วมกันตลอดกระบวนการทำงาน ตั้งแต่การวางแผน การดำเนินการ การประเมินผล และการวางแนวทางในการทำงานให้เกิดความต่อเนื่อง ภายใต้รูปแบบการทำงานเรียงลำดับตามขั้นตอนดังต่อไปนี้
·
สัมมนาอบรมอาจารย์แนะแนว/อาจารย์ที่ปรึกษาเกี่ยวกับปัญหาเพศ เอดส์
·
สัมมนา ตัวแทนนักเรียน เกี่ยวกับเพศ และเอดส์
·
อบรมผู้นำกลุ่มเพื่อน
ซึ่งจะทำหน้าที่เป็นตัวแทนนักเรียน/นักศึกษาในการขับเคลื่อนกิจกรรม
·
สัมมนาระหว่างอาจารย์แนะแนว อาจารย์ที่ปรึกษาและผู้นำกลุ่มเพื่อน เพื่อนำเสนอกิจกรรม (โครงการ) ที่ต้องทำร่วมกันในโรงเรียน
·
ดำเนินกิจกรรม (โครงการ) ในโรงเรียนๆ ละ
4
โครงการ รวมระยะเวลา
4
เดือน
·
ติดตามผล โดยผู้ประสานโครงการฯ ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่โฮพฯ จะคอยแวะเวียนไปตามโรงเรียนต่างๆ เพื่อกระตุ้นให้กลุ่มเป้าหมายดำเนินกิจกรรมให้เป็นไปตามระยะเวลาที่กำหนด
·
สรุปและอภิปรายผล
·
เวทีแลกเปลี่ยนเรียนรู้โดยการเชิญผู้บริหารโรงเรียน และอาจารย์แนะแนวทั้งหมดใน จ.เชียงใหม่
มาร่วมแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับ
4
ร.ร.นำร่อง ที่จะนำเสนอผลของการดำเนินกิจกรรม
·
8
.ขอบเขตและระยะเวลาดำเนินโครงการ
:
ดำเนินการกับอาจารย์แนะแนว/อาจารย์ที่ปรึกษา และนักเรียน/นักศึกษาใน
4
โรงเรียนนำร่อง ระยะเวลาระหว่าง วันที่
15
เมษายน
2547 – 15
เมษายน
2548
9
.การประเมินผลและผลกระทบ
:
หลังปิดโครงการฯ องค์กรโฮพฯ ได้ประเมินผลจากตัวชี้วัดทั้งในเชิงปริมาณและคุณภาพเพื่อประเมินคุณภาพของกิจกรรม ในเชิงปริมาณคือ มีผู้เข้าร่วมทุกเวทีสัมมนา ตลอดจนถึงเวทีแลกเปลี่ยนเรียนรู้เกินเป้าหมายจากที่กำหนดไว้ ขณะที่คุณภาพของกิจกรรมนั้น องค์กรโฮพฯ ตั้งไว้ที่ระดับ
4
ผลปรากฎว่าทุกกิจกรรมที่ดำเนินการอยู่ในระดับ
4
ซึ่งถือว่าบรรลุผลสำเร็จ
10
.ความยั่งยืน
:
ทั้งครูแนะแนวและอาจารย์ที่ปรึกษาจำนวนมากเรียกร้องให้องค์กรโฮพฯ จัดอบรมให้ความรู้กับกลุ่มครูเพิ่มขึ้น ขณะเดียวกันกิจกรรมที่จัดทำให้เกิดเครือข่ายจากการพบปะและจัดงานร่วมกันในงานวันเอดส์โลก ส่วนเครือข่ายอื่นๆ ก็สะท้อนว่าโครงการฯ ช่วยเปิดพื้นที่ให้องค์กรอื่นๆ เข้าไปทำกิจกรรมสร้างความเข้าใจเรื่องเพศ และเอดส์ในร.ร. เด็กๆ และร.ร.เองก็มีโอกาสเรียนรู้เรื่องเพศ และเอดส์จากองค์กรอื่นๆ
นอกจากนี้ผู้บริหารร.ร.บางแห่งเกิดความตระหนักและมองเห็นความสำคัญของปัญหา เห็นได้ชัดเจนจากผู้บริหารร.ร.ของ
4
ร.ร.นำร่องบางแห่ง แม้จะย้ายไปประจำอยู่ร.ร.อื่น ยังประสานมาที่องค์การโฮพฯ เพื่อขอจัดส่งทีมวิทยากรไปจัดอบรมเรื่องนี้ให้กับร.ร. รวมทั้งความต้องการของร.ร.ต่างๆ ที่เข้าร่วมในเวทีแลกเปลี่ยนเรียนรู้ซึ่งไม่อยู่ในโครงการนำร่อง เขียนระบุเอาไว้ในใบสมัครที่แจกว่า ต้องการให้องค์กรโฮพฯ ไปจัดอบรมให้กับร.ร. ซึ่งผลปรากฎว่า หลังดำเนินโครงการฯ จนถึงปัจจุบัน (ช่วงที่ทีมวิจัยจัดการความรู้ลงพื้นที่) องค์การโฮพฯ สามารถจัดอบรมให้กับร.ร.ต่างๆ ไปแล้วประมาณ
50
ครั้ง
สำหรับกิจกรรมที่ทำในโรงเรียนนำร่องพบว่า ร.ร.ที่ทำกิจกรรมอย่างต่อเนื่องภายใต้การทำงานในรูปแบบของชมรม คือ ร.ร.พายัพเทคโนโลยี ส่วนร.ร.กาวิละ ไม่มีกิจกรรมต่อเนื่อง แต่ใช้วิธีแทรกความรู้ในห้องเรียน ส่วนร.ร.เทคโนโลยีเอเชีย ไม่มีกิจกรรมต่อเนื่อง แต่เน้นกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติด
11
.จุดแข็งและอุปสรรค
:
ช่วงเวลาที่ดำเนินโครงการฯ
เอื้ออำนวยให้ทำโครงการฯ เนื่องจากสภาพปัญหาในเวลานั้นมีความชัดเจน ร.ร.เองมองว่าปัญหาเกิดขึ้นรอบๆ ตัว การวางแผนงานก็ค่อนข้างรัดกุม และมองถึงความเป็นไปได้ รวมทั้งมีเครือข่ายความสัมพันธ์ในการทำงานที่ค่อนข้างแน่นและเอาใจใส่ในการทำงานระหว่างเจ้าหน้าที่องค์การโฮพฯ กับครู ทำให้งานออกมาค่อนข้างดี ส่งผลทำให้เด็กได้สร้างระบบการเรียนรู้ หรืออย่างน้อยองค์การโฮพฯ เองได้เปิดเวทีสู่ระบบร.ร.ด้วยกัน
สำหรับอุปสรรค คือ กองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ปฏิเสธที่จะให้ทุนสนับสนุนเพื่อให้โครงการเกิดความต่อเนื่อง หลังจากองค์กรโฮพฯ เขียนโครงการขอทุนเพื่อขยายผลในระดับอำเภอ ในลักษณะโครงการนำร่อง และการเชื่อมเครือข่าย โดยให้ร.ร.มัธยมทำกับอำเภอๆ ละ
1
ร.ร. และให้ร.ร.ไปเชื่อมต่อกับร.ร.ขยายโอกาสในอำเภอของตัวเอง เหมือนกับเป็น
Leaning
Center
ด้านเพศและเอดส์ ขณะที่องค์การโฮพฯ จะช่วยสนับสนุนด้านเทคนิกและองค์ความรู้ แต่สสส.มองว่า การดำเนินโครงการเป็นไปได้ยาก
12
.ที่ติดต่อ
:
องค์การโปรเจคโฮพแห่งประเทศไทย สำนักงานประจำ จ.เชียงใหม่
เขียนใน
GotoKnow
โดย
opgkm
ใน
เวทีเรียนรู้ของทีมOpg KM
คำสำคัญ (Tags):
#การบูรณาการ
#ปรับทัศนคติ
หมายเลขบันทึก: 71623
เขียนเมื่อ 9 มกราคม 2007 11:51 น. (
)
แก้ไขเมื่อ 22 มิถุนายน 2012 00:21 น. (
)
สัญญาอนุญาต:
จำนวนที่อ่าน
จำนวนที่อ่าน:
ความเห็น (0)
ไม่มีความเห็น
ชื่อ
อีเมล
เนื้อหา
จัดเก็บข้อมูล
หน้าแรก
สมาชิก
opgkm
สมุด
เวทีเรียนรู้ของที...
โครงการกลไกด้านกา...
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID
@gotoknow
สงวนลิขสิทธิ์ © 2005-2023 บจก. ปิยะวัฒนา
และผู้เขียนเนื้อหาทุกท่าน
นโยบายความเป็นส่วนตัว (Privacy Policy)
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท