หน้าแรก
สมาชิก
opgkm
สมุด
เวทีเรียนรู้ของที...
โครงการค่ายพัฒนาส...
opgkm
กิติมาภรณ์ จิตราทร
สมุด
บันทึก
อนุทิน
ความเห็น
ติดต่อ
โครงการค่ายพัฒนาสุขภาพชีวจริต “ยุวชนโพธิสัจ”
เป้าหมาย : ต้องการให้เยาวชนเรียนรู้และทำกิจกรรมต่าง ๆ ด้วยการใช้ความคิดและจินตนาการ ในลักษณะของการเรียนรู้ด้วยตนเอง (active learning) โดยมีการสอดแทรกเนื้อหาสาระ ที่เป็นศีลธรรมจรรยา วิถีชีวิตที่ห่างไกลยาเสพติด ทั้งเหล้า บุหรี่ อาหารที่ไม่มีประโยชน์ต่าง ๆ รวมทั้งฝึกให้เด็กเรียนรู้การใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันในสังคม ฝึกทำงานเป็นทีม และการเป็นคนดี เสียสละเพื่อสังคม
โครงการค่ายพัฒนาสุขภาพชีวจริต
“
ยุวชนโพธิสัจ
”
1.
คำสำคัญ
:
ค่าย เด็กและเยาวชน
รณรงค์ต้านบุหรี่
2.
จังหวัด
:
มหาสารคาม
3.
กลุ่มเป้าหมาย
:
เด็กและเยาวชนระดับชั้น ประถม
4 –
มัธยม
2
4.
เป้าหมาย
:
ต้องการให้เยาวชนเรียนรู้และทำกิจกรรมต่าง ๆ ด้วยการใช้ความคิดและจินตนาการ ในลักษณะของการเรียนรู้ด้วยตนเอง (
active learning
) โดยมีการสอดแทรกเนื้อหาสาระ ที่เป็นศีลธรรมจรรยา วิถีชีวิตที่ห่างไกลยาเสพติด ทั้งเหล้า บุหรี่ อาหารที่ไม่มีประโยชน์ต่าง ๆ
รวมทั้งฝึกให้เด็กเรียนรู้การใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันในสังคม ฝึกทำงานเป็นทีม และการเป็นคนดี เสียสละเพื่อสังคม
5.
สาระสำคัญของโครงการ
:
มูลนิธิมหาญาณโพธิสัจ มีการจัดค่ายมาก่อนหน้าที่จะขอทุน สสส. เป็นการเข้าค่ายแบบ
3
วัน และมาค้างคืนที่วัด รวมทั้งค่ายแบบไปกลับ เรียกว่า
“
ค่ายชีวจริต
”
–
คือค่ายที่พูดถึงชีวิตที่เปลี่ยนแปลงได้ ชีวิตที่แก้ปัญหาได้ด้วยความคิด
(
ชีวะ คือร่างกาย จริต คือ จิต
+
ความคิด
)
เมื่อมาค่ายจะเป็นการจำลองชีวิตที่เปลี่ยนแปลงได้
(
ในช่วงที่อยู่ค่าย
)
คือก่อนมาค่ายจะเป็นอย่างไรมาก็ช่าง มาแบบโล่ง ไม่มีอะไรติดตัวมา แต่มาที่นี่ทุกคนจะอยู่แบบเดียวกัน มาเรียนรู้จากที่นี่ จากสิ่งที่มี ให้หัดฝืนใจตัวเอง เน้นการกินอยู่อย่างเรียบง่าย เช่น สมุนไพร ไม่กินอาหารแปลกปลอม ฝึกสมาธิ เป็นต้น โดยที่มาของการจัดค่ายแบบนี้มาจากการที่ญาปู่เคยเป็นเด็กเกเร และไม่อยากให้เด็กรุ่นใหม่หลงไปกับอบายมุข จึงมุ่งให้เด็กคิดได้ก่อนที่จะเสียคน หรือเด็กที่เสียคนไปแล้วก็สามารถกลับตัวได้ โดยญาปู่จะเล่าประสบการณ์พฤติกรรมที่ไม่ดีของตนเองเป็นตัวอย่าง และทำให้เห็นว่าทุกคนสามารถปรับตัวเป็นคนดีได้
เมื่อได้รับทุนจาก สสส. ได้มีการปรับกิจกรรมมาเป็นค่ายแบบวันเดียว ไป
–
กลับ เรียกว่า
“
ร้อง
–
เล่น
–
ละเลง
–
เล่า
”
สอดแทรกมิติเรื่องสุขภาพ และให้เด็กห่างไกลยาเสพติด โดยเฉพาะบุหรี่ และเพิ่มกิจกรรมการณรงค์เรื่องบุหรี่ เช่น จัดบอร์ด ทำแผ่นพับ ทำป้ายผ้า ใบปลิวเพื่อจัดนิทรรศการในวันงดสูบบุหรี่โลกด้วย
6.
เครื่องมือที่ใช้
:
กิจกรรมหลักคือให้ความรู้และจัดกระบวนการเรียนรู้ผ่านการเข้าค่าย แต่จะมีกิจกรรมและจัดกระบวนการเรียนรู้กับเด็ก เรื่องของสุขภาพ ยาเสพติด สมุนไพร สมาธิ
เรียกว่า
“
ร้อง
–
เล่น
–
ละเลง
–
เล่า
”
ทุกครั้งเมื่อจะสอนอะไรญาปู่จะปรับเนื้อหาโดยทำเป็นเพลง
(
ร้อง
)
เพื่อให้เขาฝึกร้องให้ติดปากก่อน แม้กระทั่งบทสวดมนต์ก็ยังแต่งเป็นกลอน เด็กร้องเป็นเพลงได้ เพราะฉะนั้นจะจำง่าย พัฒนาง่าย ติดปาก จากนั้นก็จะคิดเกม
(
เล่น
)
เพราะธรรมชาติของเด็กคือชอบเล่น พอได้เล่นแล้วจะสนุก สิ่งที่เป็นเนื้อหาก็ถ่ายทอดผ่านการเล่น จะค่อย ๆ ซึมซับไปเอง นอกจากนั้นแล้วยังมีกิจกรรมให้เด็กไประบายสี ทำเป็นภาพ
(
ละเลง
)
เพราะจะได้ผลดีกว่าให้เขาเขียนเป็นตัวหนังสือ ส่วนสุดท้าย คือการพูดคุยสิ่งที่เป็นเนื้อหาหนัก ๆ
(
เล่า
)
โดยส่วนนี้จะเอาไว้หลังสุด เพราะเด็กชอบน้อยที่สุด
7.
การจัดระบบ โครงสร้าง กระบวนการทำงาน
:
ค่าย
1
วันแบ่งเป็น
3
ช่วง คือเรียนรู้สิ่งแวดล้อม ธรรมชาติวิทยา และพูดคุยก่อนกลับ จะมีเด็กหลายรุ่นที่มาร่วมกิจกรรม บางคนก็มาแล้วมาอีก หลังผ่านการอบรมแล้ว เด็กทุกคนจะได้รับประกาศนียบัตร เอกสารต่าง ๆ ที่จะนำไปใช้เป็นประโยชน์ในการรณรงค์ต่อต้านบุหรี่ เช่น แผ่นพับ โปสเตอร์ต่าง ๆ นอกจากนี้ยังได้เป็นสมาชิกยุวชนโพธิสัจและเครือข่าย
ASMK
ทำงานต้านภัยบุหรี่จากทั่วโลก
8.
ขอบเขตและระยะเวลาดำเนินโครงการ
:
ดำเนินการ
1
ปี (
15
มกราคม
2548 – 14
มกราคม
2549
)
9.
การประเมินผลและผลกระทบ
:
โครงการไม่มีการประเมินผลอย่างเป็นทางการ แต่มีการประเมินผลจากการพูดคุยกับผู้ปกครอง ว่าเด็กเปลี่ยนไปหลังมาอยู่ค่าย เป็นเด็กเรียบร้อยขึ้น และปฏิเสธที่จะสนับสนุนผู้ปกครองในการเสพอบายมุข เช่น ไม่ไปซื้อเหล้า / บุหรี่ให้ ร้องเพลงเตือนว่าการสูบบุหรี่/ ดื่มเหล้าเป็นสิ่งไม่ดี เป็นต้น นอกจากนี้มีการพูดคุยกับครูพบว่า เด็กที่เป็นเด็กค่ายจะมีกริยามารยาทเรียบร้อย มีความเป็นผู้นำ และมีทัศนคติที่ดีต่อเพื่อนและต่อการดำเนินชีวิต
10.
ความยั่งยืน
:
ปัจจุบันยังคงมีกิจกรรมค่ายอย่างต่อเนื่อง เป็นค่ายครึ่งวันบ้าง
1
วันบ้าง (ซึ่งมีหลักสูตรที่แตกต่างกัน)
และขยายไปทำงานกับเด็กระดับอุดมศึกษาเพิ่มขึ้น สิ่งที่เป็นความยั่งยืนคือวิธีคิด วิธีมองโลก และการอยู่ร่วมและทำงานกับคนอื่น ๆ ที่ติดตัวเด็กไป เด็กค่ายหลายคนเป็นผู้นำจัดกิจกรรมในโรงเรียนด้วย
บางคนเป็นพี่เลี้ยงชวนรุ่นน้องมาเข้าค่ายที่มูลนิธิฯ โดยมีการปรึกษาเนื้อหาของกิจกรรมกับญาปู่ เพราะอยากให้รุ่นน้องมีประสบการณ์อย่างที่ตนเองเคยผ่าน
11.
จุดแข็ง และ อุปสรรค
:
ญาปู่หรือแกนนำคือจุดแข็งของโครงการเพราะมีประสบการณ์และวิธีคิดที่แตกต่าง สามารถเอาปัญหาที่ตนเองเคยประสบมาถ่ายทอดในรูปแบบที่น่าสนใจและดึงให้เด็กเกิดความรู้สึกที่จะเปลี่ยนแปลงตัวเอง การออกแบบกิจกรรมสอดคล้องกับความต้องการของเด็ก อีกทั้งยังมีลูกศิษย์ลูกหามาก ทำให้มูลนิธิฯ ได้รับการสนับสุน และมีเครือข่ายที่จะทำงานได้อย่างต่อเนื่อง ส่วนอุปสรรคสำคัญก็คือตัวญาปู่เองซึ่งเป็นแกนนำ เนื่องจากไม่มีใครสามารถทำได้แบบนี้หรือดึงดูดเด็กได้แบบนี้ เพราะต้องมีประสบการณ์และเทคนิคการดึงความสนใจจากเด็กแบบเฉพาะตัว โดยเฉพาะการพูดเรื่องการกลับตัวของเด็กที่มีปัญหา ดังนั้นหากไม่มีญาปู่ ก็อาจจะไม่สามารถทำกิจกรรมต่อได้
12.
ที่ติดต่อ
:
มูลนิธิมหาญาณโพธิสัจ อาคารมหาญาณ
2546
ถ.จุฑางกูร อ.เมือง จ.มหาสารคาม
โทรศัพท์
043-711-369
ติดต่อญาปู่ ผ่าน
ร.อ.
สมทรง ระวิโรจน์
07-228-3682 , 043-712-783
ติดต่อญาปู่ทาง
e-mail :
[email protected]
เขียนใน
GotoKnow
โดย
opgkm
ใน
เวทีเรียนรู้ของทีมOpg KM
คำสำคัญ (Tags):
#ค่าย
#เด็กและเยาวชน
#รณรงค์ต้านบุหรี่
หมายเลขบันทึก: 71619
เขียนเมื่อ 9 มกราคม 2007 11:49 น. (
)
แก้ไขเมื่อ 21 พฤษภาคม 2012 21:01 น. (
)
สัญญาอนุญาต:
จำนวนที่อ่าน
จำนวนที่อ่าน:
ความเห็น (0)
ไม่มีความเห็น
ชื่อ
อีเมล
เนื้อหา
จัดเก็บข้อมูล
หน้าแรก
สมาชิก
opgkm
สมุด
เวทีเรียนรู้ของที...
โครงการค่ายพัฒนาส...
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID
@gotoknow
สงวนลิขสิทธิ์ © 2005-2023 บจก. ปิยะวัฒนา
และผู้เขียนเนื้อหาทุกท่าน
นโยบายความเป็นส่วนตัว (Privacy Policy)
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท