กระบวนการเรียนรู้ : ๑ ตอน BBL/Memory/Subconcious


สร้างคนดีก่อน เรื่องของจิตใจเป็นเรื่องสำคัญ ตัวที่จะรับรู้ทุกอย่าง เข้าใจทุกอย่างคือจิตสำนึกของเรา เราจะมีการบันทึกข้อมูลทุกอย่างอยู่ในจิตใต้สำนึกของเรา และสำหรับรูปแบบอันนี้น่ะครับ ข้อมูลที่เราบันทึกไว้ไม่หายไปไหน ไม่มีการลบล้างออกไปครับ

          กระบวนการเรียนรู้ตาม Model ของท่านอาจารย์ ดร.อาจองชุมสาย ณ อยุธยา ท่านอธิบายไว้อย่างน่าสนใจ โดยเปรียบเทียบกับ Brain Base Learning ของฝรั่งว่า  วิธีคิดและผลลัพธ์ต่างกันอย่างไร  ท่านไม่ได้ตั้งชื่อ Model ของท่านไว้ ดิฉันจึงขอตั้งให้จำง่ายๆ ว่า กระบวนการเรียนรู้แบบ ไตรสิกขา-เมตตา ดังนี้


          นี่ก็คือรูปแบบการเรียนการสอนในโรงเรียนสัตยาไส น่ะครับ  ด้านบนตรงนี้เกี่ยวข้องกับผู้เรียน ตรงนี้เราจะสอนให้ผู้เรียนรู้จักตัวเอง รู้จักวิธีการเรียนรู้ กระบวนการเรียนรู้ของมนุษย์เป็นอย่างไร เขาจะต้องเข้าใจน่ะ แล้วก็ด้านล่าง ตรงนี้ก็คือบทบาทของครู ครูจะสอนอย่างไร จะช่วยให้เด็กเป็นคนดีได้อย่างไร

 

          เอาล่ะ  เรามาดูบทบาทของผู้เรียนก่อน สมมติว่านี่คือผู้เรียนครับ ในพื้นที่ตรงนี้น่ะครับ พวกเราทุกคนก็คือผู้เรียน ไม่ใช่แต่เด็กนักเรียน เพราะการเรียนรู้ของมนุษย์นี่เหมือนกัน ไม่ว่าจะเป็นใครนะครับ แล้วก็ในรูปแบบของอันนี้เราจะใช้เรื่องของจิตใจเป็นหลัก

 

          ผมก็ทราบดีว่ากระทรวงศึกษาฯ ก็พยายามขอให้เราโรงเรียนทุกโรงเรียนใช้ BBL (Brain Base Learning) แต่ท่านครับ  พิจารณากันให้ดี เรามีของดีอยู่ในประเทศไทยของเรา แต่เราพยายามไปตามแบบฝรั่ง เขาใช้ Brain Base กันในยุโรป

            Brain Base นี่ก็คือการใช้สมอง ในสมองของเรา เรามี 1 แสนล้านเซลล์น่ะครับ ..แล้วสมองซึ่งเราจะต้องพยายามเชื่อมโยงกันให้มากที่สุด ยิ่งเชื่อมโยงกันมากเท่าไร เรายิ่งฉลาดเท่านั้น เพราะว่าเซลล์ตัวนึงก็เหมือนกับหน่วยความจำอันนึง แล้วเมื่อเป็นหน่วยความจำ เราเข้าไปจุดนั้น ถ้าเผื่อมันเชื่อมกับที่อื่น แป๊บเดียวเราก็เข้าใจอะไรต่ออะไรทุกสิ่งทุกอย่าง แต่ถ้าเผื่อมันไม่มีการเชื่อมโยงเราก็รู้แค่นั้น แล้วเราก็ไม่เข้าใจเราก็ไม่รู้จะเอาไปทำอะไร เกี่ยวข้องกับเรื่องอื่นได้อย่างไร เพราะฉะนั้นใน Brain Base Learning เราพยายามสร้างให้เด็กฉลาดโดยการเชื่อมโยงพวกเซลล์ในสมอง

      แต่มันมีปัญหา..ถ้าเผื่อเราใช้เพียงแค่นั้น อย่าไปตามหลังฝรั่งเขาเลย เพราะถ้าเราไปตามหลังฝรั่ง  สังเกตดูเด็ก เยาวชนของเขาเป็นอย่างไร เขาใช้ Brain Base Learning เด็กเขาจะฉลาด แต่ดูปัญหาในสังคมของเขา เด็กฝรั่ง เด็กอเมริกัน ติดยาเสพติดกันเยอะมาก มั่วเซ็กส์กันตลอด เพราะว่าในการที่เขาเชื่อมโยงสมองของเขาเนี่ย เขาจะรู้เลยว่าเขามีเสรีภาพ เขาเป็นตัวของตัวเอง เขาจะคิดอะไรก็ได้ ทำอะไรก็ได้ เขาจะคิดอย่างนั้น

           ..แล้วก็ปัญหาของ Brain Base Learning ก็คือ เมื่อเราตาย สมองตาย ..จบ! ไม่มีอะไรเหลือ เพราะฉะนั้นพวกคนที่เขาใช้ Brain Base Learning เนี่ยเขาก็จะคิดว่า..เรามีเวลาเพียงแค่นี้ เราจะสนุกสนานกันอย่างเต็มที่ เราจะทำอะไรก็ได้ เราจะไม่ต้องไปฟังเรื่องศิลธรรม คุณธรรมอะไร เพราะว่าเรามีเวลาแค่นี้ แล้วเราก็ตาย..ก็จบสิ้น แล้วมีประโยชน์อะไรที่จะสร้างความดี เขาจะคิดวิเคราะห์ออกมา เพราะไหนๆ ก็ต้องตายกันอยู่แล้ว ไหนๆ มันก็จบสิ้นแล้ว เพราะสมองมันจบแล้วน่ะฮะ  ถ้าเกิดใช้ Brain Base Learning เขาจะคิดวิเคราะห์ออกมาอย่างนี้แล้วก็สร้างปัญหาให้กับสังคม เพราะว่าเขาไม่ต้องสร้างความดีเลยน่ะ เขาอยู่ของเขาไปวันๆ นึง เขาจะเสพยาเสพติดก็ได้ เขาจะมั่วเซ็กส์อะไรเนี่ยถือว่าแค่ชีวิตเดียวน่ะ งั้นเอาเต็มที่เลย ทุกอย่างน่ะครับ ...นี่คือ Brain Base Learning แล้วเราไปตามเขาทำไม? ผมไม่เข้าใจจริงๆ  ทำไมเราต้องไปตามฝรั่งในเมื่อเรามีของดีอยู่ในประเทศไทยของเรา

          เราต้องใช้รูปแบบของจิตใจ  จิตใจนี่มันไม่ได้ตายไปพร้อมกับสมอง จิตใจของเรานี่น่ะครับมันไม่ได้ขึ้นอยู่กับสมองอย่างเดียว เราไม่ต้องห่วงหรอก ถึงเวลาเมื่อเราฝึกจิตใจของเราให้ดี สมองมันจะเชื่อมกันเองครับ แล้วเด็กก็ฉลาด เขาก็จะคิดวิเคราะห์ได้เก่ง

          ปัญหาของสังคมของเรา..ใช่...เด็กของเราคิดวิเคราะห์ไม่เก่ง ตอน สมศ. ไปตรวจโรงเรียนต่างๆ ก็สอบตกด้วยข้อสี่ ข้ออะไรเนี่ยนะครับ มาตรฐานพวกนี้ซึ่งเกี่ยวข้องกับการคิดวิเคราะห์นะฮะ ...แต่เราไม่ต้องไปห่วงจุดนี้ครับ สร้างคนดีก่อน  เรื่องของจิตใจเป็นเรื่องสำคัญ ตัวที่จะรับรู้ทุกอย่าง เข้าใจทุกอย่างคือจิตสำนึกของเรา ส่วนนี้สำคัญมาก ที่เราจะต้องฝึก ต้องอบรมเด็กของเรา ฝึกเขาให้ได้น่ะ ถ้าเผื่อจิตใจมันกระโดดโลดเต้นวิ่งทั่วไปหมด เขาก็เรียนหนังสือไม่ได้ เด็กสมาธิสั้นนี้น่ะครับ เดี๋ยวต้องกระโดดไปโน่น กระโดดไปนี่ เราต้องฝึกให้จิตสงบ ให้นิ่ง เพราะฉะนั้นต้องดึงสติมาอยู่กับตัว การเรียนรู้ก็จะเกิดขึ้น ความเข้าใจอะไรต่ออะไรการรับรู้ก็จะเกิดขึ้น จุดนี้น่ะสำคัญที่สุดที่เราจะต้องฝึกให้ได้ ไม่ใช่ไปฝึกเชื่อมโยงตัวสมอง น่ะครับ มันจะเกิดขึ้นอัตโนมัติ เรื่องนั้นเราไม่ต้องไปห่วงอย่าไปเน้นตรงจุดนั้นน่ะครับ มาเน้นที่จิตใจของเราดีกว่า

          การเรียนรู้นี่ทุกคนก็รู้ว่า ..เอาล่ะทั่วโลกยอมรับกัน วิทยาศาสตร์ยอมรับกันว่า เราต้องมีปฏิสัมพันธ์กับสิ่งแวดล้อม เรารับข้อมูลเข้ามาโดยผ่านประสาทสัมผัสทั้ง 5 น่ะ ..เราใช้ตาในการมอง หูในการฟัง อันนี้ไม่มีใครเขาเถียงนะฮะ เราต้องเรียนรู้อย่างนั้น ...แต่อย่าไปคิดว่านี่คือวิธีเดียวที่เราจะเรียนรู้ ไม่ใช่ มันเป็นแค่ส่วนเดียวเราต้องเข้าใจว่าข้อมูลที่เรารับไว้นี่มันก็จะบันทึกไว้ใน memory ของเรา เหมือนกับตอนใส่ข้อมูลในคอมพิวเตอร์  มันก็เข้าไปอยู่ใน Memory จะชั่วคราวหรือจะถาวรอะไรก็ว่าไปนะครับ แต่เราจะมีการบันทึกข้อมูลทุกอย่างอยู่ในจิตใต้สำนึกของเรา และสำหรับรูปแบบอันนี้น่ะครับ ข้อมูลที่เราบันทึกไว้ไม่หายไปไหน ไม่มีการลบล้างออกไปครับ

                    ถ้าเผื่อทฤษฎีของฝรั่งเขาจะบอกว่า เรามี Short term memory / Long term memory ความทรงจำระยะสั้น ความทรงจำระยะยาว อะไรที่เป็นความทรงจำระยะสั้น ประเดี๋ยวเดียวมันก็เลือนหายไป ถ้าเกิดเราไม่ใช้ เพราะอะไรครับ เพราะว่าในสมองของเรานี่  เมื่อเขาใช้ทฤษฎีของสมอง ถ้าเผื่อเราไม่ใช้เซลล์ในสมองของเรา มันจะค่อยๆ ฝ่อ แล้วมันก็ตายไป มันก็จะหายไปจากระบบ  แต่จิตใต้สำนึกของเราไม่มีวันหายไปไหน มันจะอยู่ตลอดครับน่ะ เราอาจจะคิดว่าเราลืมไปแล้ว มันหายไปแล้ว แต่ความทรงจำอันนั้นยังคงอยู่ต่อแล้วเราสามารถพิสูจน์ได้โดยการเจาะเข้าไปในจิตใต้สำนึกน่ะครับ

          มีนักวิทยาศาสตร์ มีนักจิตวิทยา เขาพยายามแล้ว ก็มีวิธีการอันหนึ่งที่จะเข้าไปสู่จิตใต้สำนึกได้ก็คือ การสะกดจิต แล้วเราก็ถามคนที่โดนสะกดจิตย้อนหลังกลับไป ปรากฏว่าความจำ..โอ้โฮ..เยอะแยะไปหมดเลยครับ ย้อนหลังกลับไปตอนที่เกิดใหม่ๆ เรานึกว่าเด็กจำอะไรไม่ได้ ที่ไหนได้ครับ ข้อมูลเพียบเลย เด็กรู้เลยว่าเขาอยู่ในห้องคลอด มีพยาบาลกี่คน รูปร่างหน้าตาเป็นอย่างไร พูดว่าอย่างไร ทุกคำพูดบันทึกไว้ตั้งแต่แรกเกิด เพราะจิตใต้สำนึกของเราทำงานน่ะครับ แต่เราดูเหมือนว่าเราลืมไปแล้ว จำไม่ได้แล้ว

 

          แล้วเราก็จะสังเกตว่า ทุกยุค ทุกสมัย ลูกของเราจะเก่งกว่ารุ่นพ่อ หลานจะเก่งกว่ารุ่นลูก เพราะเกิดจากการสะสมประสบการณ์ เราเก็บไว้ บันทึกไว้ อยู่ในจิตใต้สำนึกของเรา เราไม่รู้ตัว เราเรียนแป๊บเดียว เราก็เข้าใจแล้ว รุ่นลูก รุ่นหลานเขาจะเข้าใจอะไรต่ออะไรได้เร็วขึ้นเยอะเพราะว่าเราค่อยๆ สะสมประสบการณ์มันอยู่ในจิตใต้สำนึกของเราครับ เพราะฉะนั้นเราอย่าไปใช้ Brain Base learning เลย กระทรวงศึกษาฯ พยายามบอกให้เราใช้ แต่เดี๋ยวเราไปคุยกันใหม่ด้วยเหตุ-ด้วยผล ดูซิว่าเรามีของดีอยู่ในประเทศไทย เราต้องใช้ของเราครับ ไม่ต้องไปตามหลังฝรั่งเขาหรอก เรามีของดีวิเศษมากแต่เราไม่รู้ตัว เราจะคิดอยู่เสมอว่าของฝรั่งดีกว่า เราจะพยายามไปตามหลังเขาอยู่เสมอ

 


ตอนต่อไป 

กระบวนการเรียนรู้ : ๒ ตอน Data Retrieval

         

หมายเลขบันทึก: 71535เขียนเมื่อ 9 มกราคม 2007 07:53 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 17:44 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (4)
ชอบอ่านบล็อกของอาจารย์ค่ะ  ได้รับรู้ข้อมูลที่มีประโยชน์ดีมากเลยค่ะ

ดิฉันชอบคำว่า  "สร้างคนดีก่อน" จังเลยค่ะอาจารย์

ติดตามอ่านบล็อกของอาจารย์มาระยะหนึ่งแล้วค่ะ อาจารย์เขียนอ่านเข้าใจง่าย ได้ข้อคิด  อ่านแล้วสบายใจด้วยค่ะ

เคยฟังอาจารย์พูดเวทีไหนจำไม่ได้ แต่ยังประทับใจอยู่

วันนี้ได้อ่านยิ่งประทับใจ รู้สึกมีกำลังใจในการสอนคน (ไม่ใช่สอนหนังสือ)

สักวันจะขอไปเยี่ยมชมโรงเรียนอาจารย์คะ

ดิฉันเคยอ่านเจอมาว่า ถ้าทำจิตให้สงบได้ในระดับหนึ่งเราจะเข้าใจภาษาได้ทุกภาษา

อาจารย์มีความคิดเห็นว่าอย่างไรคะ

โรงเรียนสัตยาศัย ของ ดร.อาจอง ชุมสายฯ ดิฉันก็ยังไม่เคยไปเยี่ยมชมเลยค่ะ  แต่อยากไปสักวันเช่นกัน  ข่าวว่ามีผู้เข้าเยี่ยมชมกันปีละมากมาย หัวบันไดไม่แห้งทีเดียว

ดิฉันเชื่อค่ะว่า "ถ้าทำจิตให้สงบได้ในระดับหนึ่งเราจะเข้าใจภาษาได้ทุกภาษา"  โดยภาษาในที่นี้  มันมีความหมายลึกเกินกว่าภาษาพูด/ภาษาเขียนนะคะ 

แต่เป็นภาษากายและภาษาจิตค่ะ  เหมือนอย่างที่คำพังเพยที่ว่า  แค่มองตาก็รู้ใจ ไงคะ........

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท