กำหนดเพศ
อัลกุรอาน อายัตที่ 45- 46 สูเราะฮฺ อัน-นัจมฺ ...
وَأَنَّهُ خَلَقَ الزَّوْجَيْنِ الذَّكَرَ وَالأُنْثَى، مِنْ نُطْفَةٍ إِذَا تُمْنَى ﴾ [النجم:45- 46﴿
ความว่า : และแท้จริงพระองค์(อัลลอฮฺ)ทรงสร้างสามีภรรยาคู่หนึ่ง เป็นเพศชาย และเพศหญิง จากหยดน้ำที่หลั่ง(เข้าสู่มดลูก) (อัลกุรอาน 53/45-46)
อัลลอฮฺทรงสร้างมนุษย์เป็นชีวิตคู่ เป็นเพศชายและเพศหญิง ซึ่งมนุษย์ทั้งสองเพศนี้อัลลอฮฺสร้างมาจากหยดน้ำ ที่เป็นทั้งหยดน้ำอสุจิที่ประกอบด้วยตัวเซลล์อสุจิ และหยดน้ำที่มาในรูปของเซลล์ไข่ ทั้งสองเซลล์นี้จะมีแถบโครโมโซมเพียงครึ่งหนึ่ง คือ 23 แถบ เซลล์อสุจิจะมีโครโมโซมแถบสุดท้ายที่เรียกว่าโครโมโซมเพศเป็น X หรือ Y ส่วนเซลล์ไข่จะมีโครโมโซมเพศ เป็น X เท่านั้น
หลังจากมีการร่วมเพศระหว่างพ่อกับแม่แล้ว อสุจิก็จะเคลื่อนเข้าสู่ช่องคลอด มดลูกและเข้าไปสู่ท่อนำไข่ มดลูกและท่อนำไข่จะหดตัวและกระตุ้นให้อสุจิเคลื่อนที่ไปได้เร็วขึ้น เซลล์อสุจิจะเคลื่อนที่โดยใช้พลังงานงานที่สะสมไว้บริเวณลำตัวและหาง และโดยการทำงานของขนพัดโบกในมดลูกและปีกมดลูก ลื่นไหลไปตามท่อนำไข่อย่างที่เราเรียกว่า น้ำที่ฉีดพุ่ง(ماء دافق) ตามที่ได้กล่าวมาข้างต้น
อสุจิจะอยู่ในอวัยวะเพศหญิงได้เพียง 12 – 24 ชั่วโมง อสุจิหลายล้านตัวจะอยู่บริเวณช่องคลอด มีเพียงเพียงไม่กี่ร้อยตัวที่สามารถวิ่งเข้าไปตามท่อรังไข่ได้ และมีเพียงตัวเดียวเท่านั้นที่ผ่านชั้น Zona pellucida ที่ห่อหุ้มเซลล์รังไข่โดยอาศัยเอมไซดจากอะโครโซม(Acrosome containing enzymes) ที่ส่วนหัวของอสุจิ เมื่อหัวของอสุจิตัวใดตัวหนึ่งเข้าไปในเซลล์ไข่แล้ว ไข่ก็จะหลั่งสารออกมาทำให้ Zona pellucida ไม่เหมาะสมที่อสุจิตัวอื่นๆจะเจาะเข้าไปได้อีก เป็นการป้องกันไม่ใช้ไข่ผสมกับอสุจิหลายเซลล์(Polyspermy) อย่างที่เราเรียกว่า อสุจิที่ได้เข้าไปผสมกับไข่นั้นเป็นเซลล์ที่ถูกเลือกสรรจากหยดน้ำอสุจิ (سلالة من ماء مهين)
เมื่ออสุจิเคลื่อนที่ผ่านเปลือกหุ้มไข่ไปได้แล้ว เซลล์อสุจิก็จะเคลื่อนที่ช้าๆในไซโตพลาซึมของไข่ โดยไม่นำหางไปด้วย โครโมโซมของทั้งสองเซลล์จะรวมกัน ขบวนการนี้เรียกว่า ขบวนการปฏิสนธิ (Fertilization) ซึ่งจะเกิดขึ้นในบริเวณท่อนำไข่ ในขั้นแรกโครโมโซมของแต่ละเซลล์จะรวมตัวกันเป็นกระจุกเดียวกันก่อน แล้วจะเคลื่อนที่มาตรงกลางและเชื่อมกั้นเป็นโครโมโซม 23 คู่(46 แถบ) และไข่ที่ผสมแล้วนี้ เรียกว่า ไข่ปฏิสนธิ(Zygote) หรือที่เราเรียกว่า หยดน้ำที่ผสม (أمشاج) โครโมโซมคู่สุดท้ายจะเป็นคู่ที่กำหนดว่าเซลล์ที่จะพัฒนาต่อไปจะเป็นทารกเพศชายหรือเพศหญิง ที่เรียกว่าโครโมโซมเพศ ถ้าทารกมีโครโมโซมเพศเป็น XY จะเป็นเพศชายแต่ถ้าโครโมโซมเพศเป็น XX จะเป็นเพศหญิง โครโมโซมที่จะเป็นตัวกำหนดเพศของทารกว่าจะเป็นชายหรือหญิง คือ โครโมโซมจากตัวอสุจิของฝ่ายชาย เพราะจะมีทั้ง โครโมโซม X และโครโมโซม Y ตามที่กล่าวมาข้างต้น
รายงานจากหะดีษนบี(ศอลฯ) ว่า นักบวชยิวผู้หนึ่งได้เข้าไปทักทายนบีและกล่าวว่า :
جِئْتُ أَسْأَلُكَ عَنْ الْوَلَدِ قَالَ مَاءُ الرَّجُلِ أَبْيَضُ وَمَاءُ الْمَرْأَةِ أَصْفَرُ فَإِذَا اجْتَمَعَا فَعَلاَ مَنِيُّ الرَّجُلِ مَنِيَّ الْمَرْأَةِ أَذْكَرَا بِإِذْنِ اللهِ وَإِذَا عَلاَ مَنِيُّ الْمَرْأَةِ مَنِيَّ الرَّجُلِ آنَثَا بِإِذْنِ اللهِ قَالَ الْيَهُودِيُّ لَقَدْ صَدَقْتَ وَإِنَّكَ لَنَبِيٌّ ثُمَّ انْصَرَفَ فَذَهَبَ فَقَالَ رَسُولُ اللهِ صَلَّى اللهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ لَقَدْ سَأَلَنِي هَذَا عَنْ الَّذِي سَأَلَنِي عَنْهُ وَمَا لِي عِلْمٌ بِشَيْءٍ مِنْهُ حَتَّى أَتَانِيَ اللهُ بِهِ (رواه مسلم /473)
ความว่า : ฉันมาเพื่อถามท่านเกี่ยวกับ(การกำเนิด)เด็ก ท่านนบีก็ตอบว่า “น้ำของฝ่ายชายสีขาวและของฝ่ายหญิงสีเหลือง เมื่อทั้งสองได้รวมกัน ถ้าน้ำฝ่ายชายเหนือกว่าน้ำฝ่ายหญิงก็จะเป็นชาย ด้วยความประสงค์ของอัลลอฮฺ และถ้าน้ำฝ่ายหญิงเหนือกว่าฝ่ายชายก็จะเป็นหญิงด้วยความประสงค์ของอัลลอฮฺ” ยิวคนนั้นก็ตอบว่า “ถูกต้อง แน่แท้ท่านคือนบี” แล้วเดินจากไป ท่านรอซูลุลอฮฺ(ศอลฯ) กล่าวว่า “เขาได้ถามฉันในสิ่งที่ฉันไม่รู้เลย จนกระทั่งอัลลอฮฺได้สอนฉันในเรื่องนี้” (รายงานโดย มุสลิม)
หะดีษนี้ ทำให้เข้าใจได้ว่า การกำหนดเพศนั้นอยู่ที่ทั้งฝ่ายชายและฝ่ายหญิง ถ้าน้ำอสุจิของฝ่ายชายมีอิทธิพลเหนือกว่าน้ำของฝ่ายหญิง ทารกที่คลอดออกมาก็จะมีเพศเป็นชาย และในตรงกันข้ามถ้าน้ำของฝ่ายหญิงมีอิทธิพลเหนือกว่าน้ำอสุจิของฝ่ายชาย ทารกที่คลอดออกมาก็จะมีเพศเป็นหญิง แต่จากกรณีโครโมโซมข้างต้นนั้นเซลล์อสุจิของฝ่ายชายเท่านั้นที่เป็นตัวแปรกำหนดเพศของทารกจะเป็นชายหรือหญิง ดังนั้นอาจจะมองว่า หะดีษนี้ไม่ตรงกับข้อพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์ แต่จริงๆแล้ว หะดีษนี้เป็นความรู้ที่นบีเองก็ไม่รู้มาก่อนจนกระทั่งอัลลอฮฺมาสอนท่านจึงสามารถตอบชายยิวคนนั้นได้ ซึ่งเป็นที่ยืนยันได้ว่า หะดีษถูกต้องและเป็นความจริงไม่สามารถที่จะลบล้างได้ แต่ในเวลาเดียวกันความรู้ทางวิทยาศาสตร์ที่ไม่สามารถเปลี่ยนเป็นอื่นได้ก็ปฏิเสธไม่ได้เช่นกัน เพียงแต่ว่า ในการตีความหมายหะดีษอาจจะตีความหมายไปในอีกมุมมองอื่นเลยทำให้ดูเหมือนว่าหะดีษกับวิทยาศาสตร์ไม่สอดคล้องกัน
ในหะดีษนี้ นบี(ศอลฯ) กล่าวถึงน้ำของฝ่ายที่มีอิทธิพลเหนือกว่าน้ำของฝ่ายหญิง นั้นหมายถึงอสุจิสามารถฝันฝ่าอุปสรรคต่างๆทั้งในช่องคลอด โพรงมดลูก ท่อนำไข่ จนกระทั้งสามารถเจาะเข้าไปผสมกับไข่ได้ ทารกที่คลอดออกมานั้นเป็นชาย แต่ถ้าน้ำของฝ่ายหญิงที่เป็นสารในลักษณะต่างๆมีอิทธิพลเหนือกว่าอสุจิทารกที่คลอดออกมาก็จะเป็นหญิง
อสุจิที่มีโครโมโซมเพศ เป็น X ตัวรีและใหญ่ หางสั้น เคลื่อนไหวช้า จะเป็นตัวกำหนด เพศหญิง
อสุจิที่มีโครโมโซมเพศ เป็น Y ตัวจะเล็ก หางยาว เคลื่อนไหวรวดเร็ว ชอบสภาพความเป็นด่าง มีอายุสั้นกว่าอสุจิโครโมโซมเพศที่เป็น X และจะเป็นตัวกำหนดเพศชาย
อสุจิที่ถูกหลั่งเข้าสู่ช่องคลอดของฝ่ายหญิง จะต้องวิ่งผ่านด่านที่มีสภาพเป็นเป็นกรด ฉะนั้นอสุจิที่มีโครโมโซมเพศเป็น Y จะต้องเป็นตัวที่แข็งแรงมากถึงจะวิ่งผ่านเข้าโพรงมดลูกได้ นั้นหมายถึงน้ำของฝ่ายชาย(อสุจิ)มีอิธิพลเหนือกว่าน้ำของฝ่ายหญิง (علا مني الرجل مني المرأة)
อสุจิโครโมโซม Y ก็สามารถเข้าร่วมกับไข่ที่มีโครโมโซมเพศเป็น X เซลล์ที่ได้จากการปฏิสนธิก็จะมีโครโมโซมเพศเป็น XY ทารกที่คลอดออกมาก็จะเป็นชายวันไหนที่อสุจิโครโมโซม Y ไม่มีความสามารถพอ ก็ไม่สามารถวิ่งผ่านด่านที่เป็นสารต่างๆในชองคลอดและมดลูกได้ อสุจิโครโมโซม X ก็จะเป็นตัวที่เข้าไปผสมกับไข่ โครโมโซมเพศของทารกที่คลอดออกมาก็จะเป็น XX ซึ่งเป็นเพศหญิง นั่นหมายถึงน้ำฝ่ายหญิงมีอิทธิพลเหนือกว่าน้ำฝ่ายชาย (علا مني المرأة مني الرجل)
(بِإِذْنِ اللهِ)
วัลลอฮุอะลัม(والله أعلم) – อัลลอฮฺเท่านั้นเป็นผู้ทรงรู้ที่สุด-
http://www.obec.go.th/news/_develop_media/multi/secondary/health/health_baby/index.html
ไม่มีความเห็น