บ่อยครั้งที่เรามักจะพบได้ยินคำบ่นว่า นักเรียน นักศึกษา ไม่ได้เป็นดังที่เราคิดว่าควรจะเป็น อย่างเ่ช่น ควรจะมีความสามารถมากกว่านี้ ควรจะขยัน มีระเบียบวินัยมากกว่านี้ ควรจะหาความรู้ใหม่ ๆ อยู่เสมอ รวมทั้ง ไม่ควรจะลอกการบ้าน ควรจะมีความซื่อสัตย์สุจริต
จริง ๆ แล้ว ตอนนี้เข้าใจแล้วว่า ตัวอาจารย์เองนั้นแหละที่จะต้องฝึกให้ตนเองเป็นอย่างนั้นก่อน เริ่มจาก การสอนหนังสือในปัจจุบัน อาจารย์ไม่ควรจะสอนสิ่งเดิม ๆ อาจารย์ควรจะเอาเทคโนโลยีที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น ที่มีการนำไปใช้จริงในโลกภายนอกในขณะนั้น มาศึกษา ซึ่งหมายความว่า อาจารย์ก็ต้องแสดงบทบาทเป็นนักศึกษาเช่นกัน เพียงแต่บทบาทนักศึกษาที่อาจารย์แสดงนี้ ไม่มีอาจารย์มาคอยชี้แนะ ไม่มีอาจารย์มาแนะนำ ไม่มีอาจารย์มาคอยแก้ปัญหาหรือตอบคำถาม อาจารย์ในบทบาทของนักศึกษาจะต้องเรียนรู้ด้วยตนเอง สามารถแก้ปัญหาด้วยตนเอง อาจจะมาจากการคิดเอง หรือค้นหาความรู้จากอินเทอร์เน็ต ซึ่งแน่นอนว่าจะต้องมีความยากลำบากกว่าการเข้ารับการอบรม หรือการเข้าเรียนทำหน้าที่เป็นนักศึกษาที่มีอาจารย์คอยชี้แนะ แต่ถ้าอาจารย์ไม่ได้เป็นจุดเริ่มต้นของการเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ เทคโนโลยีและเศรษฐกิจก็คงจะพัฒนาไปได้ช้า
ถ้าสังคมเราไม่มีอาจารย์ที่ดี ก็ยากที่สังคมจะพัฒนาได้อย่างยั่งยืนและเจริญ มีหลายคนถามว่า ทำไมประเทศเรา สังคมเราจึงหาผู้นำที่เป็นทั้งคนดีและคนเก่งได้ยากนัก ส่วนหนึ่ง คิดว่า เป็นเพราะว่า ประเทศเรามีครูบาอาจารย์ที่เ็ป็นทั้งคนดีและคนเก่งน้อย คนที่เรียนดีส่วนใหญ่ ก็เป็นแพทย์ วิศวกร กัน เพราะฉะนั้นจุดเริ่มต้นของการพัฒนาประเทศ น่าจะอยู่ที่การพัฒนาการศึกษา ซึ่งน่าจะเริ่มต้นจากการผลิตและพัฒนาคุณภาพของครูบาอาจารย์
อะไรเป็นสิ่งที่บ่งชี้ที่สำคัญที่สุดของคุณภาพของครูอาจารย์ หลายคนอาจจะตอบว่า ความรู้ แต่บางทีเราอาจจะมองข้ามสิ่ง ๆ หนึ่งที่สำคัญไม่น้อยกว่า ความรู้ คือ จิตวิญญาณของความเป็นครู ซึ่งในทีนี้ หมายถึง ความปรารถนาดี ความตั้งใจ ความพยายาม ความมานะอุตสาหะที่จะทำทุกอย่างเท่าที่จะทำได้เพื่อจะให้ลูกศิษย์มีความรู้มากขึ้น มีความสามารถมากขึ้น ใช้ความรู้ของตนเพื่อประโยชน์ของผู้อื่น และมีความสุขมากขึ้น หากเรามีจิตวิญญาณเช่นนั้นแล้ว สิ่งอื่นย่อมพัฒนาตามมาเองได้โดยง่าย
ชอบเนื้อหานี้จัง เรื่องของการเลือและการพัฒนาบุคคลที่จะมาเป็นครู ทั้งๆ ที่รู้กันอยู่แต่ลงสู่การกำหนดเ็ป็นนโยบายไม่ได้สักที
อาจารย์มีแนวทางดี ๆ ก็เสนอแนะหน่อยครับ
ขอบคุณคุณ Bright Lily และ คุณ prachit ที่เข้ามาอ่านและเสนอความคิดเห็นค่ะ
ต่อข้อซักถามของคุณ prachit พอดีวันนี้ได้เข้าร่วมประชุมคณะกรรมการวิชาการของคณะ ในส่วนของการพิจารณารางวัลนักศึกษาที่มีผลการเรียนดี ในขณะที่พิจารณาเรื่องนี้อยู่ ก็มีความรู้สึกลึำก ๆ ในใจว่ารางวัลนี้เน้นแต่เรื่องผลการเรียน จริง ๆ น่าจะมีตัวชี้วัดตัวอื่นด้วย แต่ก็ไม่ได้ในใส่ใจในความรู้สึกนี้มากจนกระทั่งเจอคำถามของคุณ prachit จึงมีแนวคิดว่า
การที่จะพัฒนาบุคคลที่จะมาเป็นครูที่ดีและเก่งนั้น
1) ต้องพัฒนาตัวเองก่อน ซึ่งพัฒนาได้เรื่อย ๆ อย่างตัวเองก็พยายามที่จะพัฒนาให้เป็นคนดี เก่ง และมีความสุขอยู่ทุกวัน เชื่อว่าตนเองมีส่วนที่ต้องปรับปรุง แก้ไข และพัฒนา
2) ในส่วนของการเตรียมเยาวชนรุ่นปัจจุบันเพื่อจะเป็นครูที่ดีในอนาคตนั้น คิดว่าควรจะส่งเสริมให้เยาวชนมีความคิดที่เห็นแก่ผู้อื่นด้วย อย่างเ่ช่น ควรจะมีรางวัลส่งเสริมนักศึกษาที่ส่งเสริมให้ผู้อื่นเรียนดี ถ้าเป็นผู้บริหารและมีเงินอยู่ 4000 บาท แทนที่จะให้กับนักศึกษาที่ไ้ด้เกรดเฉลี่ย 3.9 ก็เลือกที่จะให้กับนักศึกษาที่ได้เกรดเฉลี่ย 3.8 แต่มีการติวและช่วยเหลือแนะนำเพื่อนในการเรียนสม่ำเสมอ แน่นอนว่าการทำความดีนั้นวัดออกมาเป็นรูปธรรมยาก เพราะฉะนั้นรางวัลอาจจะอยู่ในรูปแบบของการให้รางวัลกับกลุ่มนักศึกษาที่มีผลการเรียนดีขึ้นด้วย รางวัลนี้ก็จะช่วยส่งเสริมให้นักศึกษาทำงานกันเป็นกลุ่ม เก่งกันเป็นกลุ่มมากขึ้น สามัคคีกันมากขึ้น และน่าจะทำให้วัฒนธรรมของนักศึกษาเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้น โดยเห็นว่า การช่วยคนอื่นนั้นมีผลทำให้กลุ่มหรือสังคมของตนได้รับผลดีไปด้วย
ได้ศึกษาblogเมื่อสองสามวันก่อน พยายามอ่านลักษณะที่ดีของการสร้างบล็อค
ได้แนวคิดว่าคงต้องมีเครือข่ายเรื่องที่สนใจเหมือน ๆ กัน เลยสมัครแล้วพานักศึกษาเรียนรู้ไปพร้อม ๆ กันและให้นักศึกษาสมัครเป็นสมาชิก ขอขอบคุณ ที่อนุญาตให้ใช้ประโยชน์จากบทความ-ข้อคิดเห็นของอาจารย์ และ้คำแนะนำครับ
คิดเอาเองว่าแต่ก่อนเรามีปมด้อยว่าเกิดมาเป็นคนบ้านนอก มาตอนนี้ภูมิใจนิด ๆที่เกิดอยู่บ้านนอกเพราะมีความสุขจังเมื่อนึกถึงตอนเป็นเด็ก เห็นบรรยากาศ การเรียนการสอนสมัยนั้นติดตา ชอบครูคนไหนก็เอาอย่างจริง ๆ พอได้อ่านประวัติอาจารย์ก็เลยนึกถึงตัวเอง ที่พยายามใช้การศึกษาเป็นเครื่องมือในการพัฒนาตนเอง
และคิดว่าน่าจะคุยเป็นเครือข่ายได้ก็เลยลองเมล์คุยครับ
คิดว่าอาจารย์คงช่วยพัฒนาประเทศด้านนี้ได้เยอะขอให้กำลังใจครับ
เจริญพร อาจารย์
เข้ามาอ่านสองครั้งแล้ว ก็อยากเสนอความเห็นบ้างตามมุมมองเชิงจริยศาสตร์...
แนวคิดจริยศาสตร์คุณธรรม มีประเด็น "ตัวแทนทางศีลธรรม" นั่นคือบุคลที่เป็นแบบอย่างให้มีผู้เลียนแบบ ..ตามบันทึกของอาจารย์ก็สงเคราะห์ในเรื่องนี้ได้...
ปัญหาเรื่อง ตัวแทนทางศีลธรรม ก็คือ ขาดมาตรฐานเป็นหนึ่งเดียว นั่นคือขาดการบ่งชี้ว่า ตัวแทนทางศีลธรรมควรจะเป็นอย่างไร ?
เจริญพร
ที่จริงการเรียนรู้ของเรา...มักอ้างอิงมาตรฐานอ่ะครับ....
ซึ่งคำว่าดีมีคุณธรรม...ตามตัวหนังสือนั้น...กินความหมายแค่ไม่ถึง 1 % ของความหมายทั้งหมดเท่านั้น... ความหมายที่ซ่อนอยู่หลังตัวหนังสือ...จึงหามาตรฐานอะไรมาเรียนรู้แล้ววัดผลให้ได้มาตรฐาน(เชิงประจักษ์)ได้...
แต่สามารถซึมซับได้...
ครูทั้งหลาย...ที่ผ่านการเรียนรู้ทั้งในระบบการศึกษาและประสบการณ์ การเกิด การเลี้ยงดู จากครอบครัวสังคมวัฒนธรรม ที่แวดล้อมอยู่ ก็ได้อาศัยองค์ประกอบต่าง ๆ เหล่านี้...สร้างให้เขาเป็นครูคนหนึ่ง...ที่ต้องสอนหนังสือไปตามตำราพร้อม ๆ กับสิ่งที่ถ่ายทอดคุณธรรมความดี(และเลวร้าย)ซึ่งพกพาอยู่เบื้องหลัง(Backpack)ของเขา...
อย่างไรก็ตาม...นักเรียนนักศึกษา... ก็ไม่ได้รับสิ่งที่ครูถ่ายทอดให้ทั้งหมดหรอกครับ... เพราะเขาก็มีเบื้องหลัง(Backpack)อยู่ไม่น้อย... เพียงแต่เราคาดหวังว่า...จะมีครูจำนวนมาก ที่สามารถถ่ายทอดสิ่งที่ดีงามให้กับศิษย์ได้...แม้ไม่ทั้งหมดก็ตาม....
สวัสดีค่ะอาจารย์
ดิฉันตามมาอ่านบล็อกอาจารย์ เพราะได้ทราบความสนใจของอาจารย์เรื่องธรรมะ ดิฉันกำลังพยายามสอนเด็กๆเรื่องนี้ แต่พูดเป็นภาษาพระไม่เป็น
มาเจอบล็อกนี้ของอาจารย์เข้าเลยได้ข้อคิดดีๆไปปรับปรุงตัว จะได้สอนเด็กๆอย่างมีความสุขค่ะ
ดิฉันเชื่อว่าอาจารย์เป็นครูสายวิทย์ที่เข้าใจจิตวิญญาณของความเป็นมนุษย์ ซึ่งเป็นโชคดีของนักศึกษาที่ได้เรียนกับอาจารย์ค่ะ
ขอให้อาจารย์สอนและทำงานอย่างมีความสุขนะคะ
อ.ต้อม
เห็นด้วยอย่างมากเลยค่ะว่าเราเองก็ต้องทำตัวให้เป็นอาจารย์ที่ดีด้วย คิดอยู่เสมอว่าเราเป็นด่านสุดท้ายก่อนที่เขาจะออกไปฝ่าฟันกับโลกภายนอก ฝึกเขาได้มากเท่าไหร่ ก็จะดีเท่านั้น ไม่ได้หมายถึงเรื่องการเรียนอย่างเดียว แต่ก็ต้องด้านอื่นด้วย ถึงแม้เราจะได้รับเขามาตอนที่เขาอาจจะเริ่มเป็นไม้แข็งเล็กน้อยแล้ว แต่อย่างน้อยก็ยังพอทำอะไรได้บ้าง
เราว่าเราคิดถูกมากๆที่เลือกอาชีพนี้