จากข้อสรุปการไปดูงานและแลกเปลี่ยนเรียนรู้ที่ฐานที่ตั้งกองพลเม็กดำเมื่อวานนี้ (๕ มกราคม ๒๕๕๐) ผมได้เรียนรู้อะไรเพิ่มเติมมากมายด้านโมเดลการจัดการความรู้แบบน้ำพริกปลาทูอีสาน หรือ “ป่นปลา” (หรือ “ป่นปู” ก็ได้ ถ้าใช้ปู)
ที่ทางกลุ่มกองทัพหมูเขี้ยวตัน “ไม่กลัวน้ำร้อน” ได้
และ สิ่งที่ผมมองเห็นมา ก็คือ
· มีการใช้โมเดล “ป่นปลา” (น้ำพริกปลาทูอีสาน) เพื่อการจัดการความรู้ในระดับปัจเจก กลุ่ม องค์กร และชุมชน เพื่อสนับสนุนกระบวนการเรียนรู้ของนักเรียน ให้เป็นผู้พร้อมที่จะเรียน ทั้งในและนอกโรงเรียน
· กลุ่มผู้ทำงาน มีกระบวนการเรียนรู้ทั้งในระดับตัวบุคคลและระดับภาพรวมของกลุ่มในการจัดการสนับสนุนกระบวนการเรียนรู้ อย่างต่อเนื่อง
· องค์กร มีการพัฒนาโครงสร้างการทำงาน การวางแผน การบริหารโดยเน้นการได้รับประโยชน์ของผู้เรียน ครู ชุมชน และการเรียนรู้ตลอดชีวิตเป็นหลัก
· ชุมชน ได้เรียนรู้ถึงกระบวนการจัดการเรียนรู้ของนักเรียนแบบมีส่วนร่วมของคนในชุมชน และ “ผู้เฒ่า” ในชุมชนเป็นแกนนำ
· ผลที่ได้ของการจัดการเรียนรู้ เป็นของทุกคนในชุมชน อันรวมถึงเด็กนักเรียน ผู้ปกครอง ครู ผู้นำชุมชน โรงเรียน และองค์กรในชุมชน
· สมองของระบบการจัดการความรู้กระจายอยู่ทั่วทั้งระบบ ที่
แต่ ก็ยังมีจุดที่ท้าทายการทำงานแบบนี้ว่า การทำงานสนับสนุนการเรียนรู้แบบนี้จะยังสามารถทำให้นักเรียนสามารถผ่านเกณฑ์ “มาตรฐาน” การศึกษาของระบบที่เป็นอยู่ได้หรือไม่
แต่ผมก็มีความเชื่อมั่นว่า ท่านขุนพลเม็กดำ คงจะไม่ปล่อยในบางประเด็น จนทำให้ระบบของท่านไม่ผ่านเกณฑ์หรอกนะครับ และเราก็มีพันธมิตรดีๆ อย่างเช่น โรงเรียนแสงอรุณ โรงเรียนสัตยาไส เป็นแสงสว่างนำทางอยู่แล้ว อีกด้วย
เพราะถ้าปล่อยให้เป็นเช่นนั้น ระบบที่เรากำลังพัฒนาอยู่นี้คงต้องโดนผู้หวังดี แต่ประสงค์ร้ายเล่นงานจนไปไม่รอดแน่ๆ เลยครับ
โดยเฉพาะจากนักวิชาการระดับปากคาบคัมภีร์ ที่สถิตประจำบนหอคอยงาช้าง ที่ท่านไม่เคยมองเห็นความสวยความงามของการทำงานแบบแตกแถว ออกมาหาทางเลือกที่อาจจะดีกว่า
แต่ท่าน
ชอบที่จะเห็นทุกคน “อยู่ในกรอบ” ให้ท่านคาบคัมภีร์โบราณไว้ได้อย่างสบายใจ
ชาวบ้าน สังคม ประเทศชาติจะเสียหายอย่างไร ช่างหัวมัน
สู้ต่อไปนะครับ เรามาถูกทางแล้ว
วันหนึ่งหอคอยงาช้างต้องพินาศแน่นอน
ตอนนี้เก้าอี้งาช้างบางตัวก็เริ่มขาหัก ขาคลอนแล้วครับ
ขอเอาใจช่วยอย่างเต็มที่ครับ
ดูเหมือนจะรุนแรง และแข็งกร้าวจังนะอาจารย์ .. แต่กร้าวเพราะรัก นี่หลายคนชอบครับ รวมทั้งผมด้วย
... ตอนนี้เก้าอี้งาช้างบางตัวก็เริ่มขาหัก ขาคลอนแล้วครับ ขอเอาใจช่วยอย่างเต็มที่ครับ
ข้อความตอนท้ายบันทึกนี้ อาจแปลแบบนี้ได้ใช่มั้ยครับ
1. ขอเอาใจช่วย ท่าน ท่านขุนพลเม็กดำ
2. ขอเอาใจช่วย ให้ เก้าอี้งาช้างที่เริ่มขาหัก ขาคลอนแล้ว .. พังจริงๆเสียที !
ข้อหนึ่งนั้น ผมก็ขอเป็นอีกคนที่เอาใจช่วยท่าน ขุนพลเม็กดำ ส่วนข้อสองนี่ผมหาเรื่องลากเข้าความเอง .. และผมอยากให้มันเป็นอย่างนั้นจริงๆ อาจารย์จะยอมให้ผมตีความเช่นนี้ และเห็นด้วยหรือไม่ครับ
เม็กดำมีข้อดีที่สร้างกิจกรรมแล้วเรียนรู้ เมื่อรู้ผลแล้วนำมาปรับแก้เป็นแผนการสอนที่เหมาะสม
ไม่นั่งทางในเขียนแผนหรือลอกแผนการสอนที่เลอเลิศแต่ปฏิบัติไม่ได้มาทำผลงาน
สอนวิชาการความรู้ตามหลักสูตรสากลในวันจันทร์ถึงพฤหัสบดี
วันศุกร์สอนบูรณาการเป็นกลุ่มช่วงชั้น มีครู พ่อครูแม่ครูช้างน้าวมาช่วย นักเรียนเลือกเรียนตามความสนใจ ห้องเรียนมีให้ไม่จำกัดตั้งแต่ริมห้วยถึงทุ่งนา ป่าและแปลงถั่ว แปลงนา
ความรู้ที่จะนำไปสอนเพื่อให้ผ่านเกณฑ์มาตรฐานคงไม่ยากเกินกำลัง เชื่อมั่นค่ะ เชื่อมั่น
นี่คือ