ผมรู้สึกตื่นเต้นมากเมื่อผมได้มีโอกาสไปเยี่ยมชมการจัดกระบวนการเรียนการสอนของโรงเรียนเม็กดำ เมื่อวันที่ ๕ มกราคม ๒๕๕๐ ที่ผมได้เห็นความกล้าคิดกล้าทำของครูกลุ่ม “หมูไม่กลัวน้ำร้อน” ในโรงเรียนที่จัดกระบวนการเรียนรู้แบบเรียนเองรู้เอง
ครูเป็นผู้สนับสนุนกระบวนการเรียนรู้ที่แท้จริง การเรียนส่วนใหญ่เน้นการเรียนกับธรรมชาตินอกห้องเรียนอยู่กับธรรมชาติ และชีวิตจริงที่ทำให้เด็กกล้าแสดงออก ดูผิวเผินแล้วอาจคิดไปว่าเด็กแก่แดด ที่กล้ามานำเสนอเล่าเรื่องที่ตัวเองเคยเรียนรู้มาอย่างไม่กลัวผิด
ผมคิดว่านี่แหละคือต้นแบบของการเรียนรู้ที่แท้จริงที่เริ่มต้นการค้นหาด้วยการ “ไม่กลัวผิด” ที่แม้จะพลาดบ้างก็เป็นการเรียนรู้อยู่ดี แบบลองไปเรียนไป อย่างเป็นKMธรรมชาติ
ผมไปยืนสังเกตการณ์ด้วยความตื่นเต้น และอิจฉาว่าทำไมในวัยเด็ก ผมไม่มีโอกาสแบบนี้บ้าง
แต่พอพิจารณากลับไปหาวัยเด็กจริงๆ ผมก็ยังคิดว่า
ด้วยความที่ผมเป็นเด็กเลี้ยงควาย อยู่กับไร่กับนา มาไม่น้อยกว่า ๗ ปีของผม ก็ได้หล่อหลอมประสบการณ์และวิธีคิดของผมให้เข้าใจวิถีและความยากลำบากของการเป็นชาวนา จนทำให้ผมมาเรียนวิชาเกษตรกรรมแบบเข้าใจชาวบ้านมากกว่าคนอื่นๆที่เรียนและทำงานแบบเดียวกับผม
พอกลับมาดูเด็กนักเรียนที่เม็กดำจึงได้เข้าใจอย่างชัดเจนมากขึ้น ทั้งจากประสบการณ์ตรงของชีวิตผม และประสบการณ์การสอนในมหาวิทยาลัยว่า
“ทำไมนักศึกษาจึงไม่ค่อยเข้าใจชาวบ้าน ทั้งๆที่เป็นลูกหลานเกษตรกร”
วันนี้ผมได้คำตอบที่ชัดขึ้นมาอีกระดับหนึ่งที่ว่า
เขาเหล่านั้นอาจไม่มีโอกาสได้เรียนแบบที่นักเรียนที่เม็กดำได้สัมผัส
จนเป็นคนที่ กล้าคิด กล้าพูด กล้าแสดงออก ในสิ่งที่ตนคิด เรียนรู้ และไต่ตรองมาอย่างดีแล้ว
แม้แต่ผมถามเล่นๆในกลางที่ประชุมว่า “เม็กดำ” แปลว่าอะไร
แทนที่ “ครู” หรือ “ผู้เฒ่า” จะเป็นผู้ตอบ แต่ปรากฏว่าเด็กนักเรียนได้ยกมือขึ้นตอบเองอย่างฉาดฉานมั่นใจ
ทำให้ผมถึงกับทึ่งในความเก่งกล้า จนฝันกลางวันไปว่า “ถ้าเด็กไทยเป็นอย่างนี้ทั้งประเทศ” ประเทศไทยคงไม่อับจนแน่นอน
ผมจึงคิดว่าระบบการเรียนรู้ของนักเรียนที่เม็กดำทีดำเนินการภายใต้การทำงานสนับสนุนที่ทรงพลังของ “กองพลเม็กดำ” น่าจะเป็นตัวอย่างที่ดี และน่าจะนำไปพัฒนาต่อยอดขยายผลเข้าสู่ระบบการศึกษาของชาติได้
เพียงแต่ต้องปรับกระบวนการคิดของผู้บริหารการศึกษาคนอื่นๆ ให้กล้าคิด กล้าทำ กล้านำในสิ่งที่ถูกต้อง ที่จะยังประโยชน์ให้กับระบบการศึกษา การจัดกระบวนการเรียนรู้ การพัฒนาและใช้ภูมิปัญญาท้องถิ่น และการจัดการสนับสนุนการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ตลอดชีวิต
ทั้งในระดับปัจเจก (Best practice) ระดับองค์กร (LO) ระดับชุมชน (COP) และ ระดับนโยบาย ได้เป็นอย่างดี เมื่อมีโอกาส ผมจะนำความก้าวหน้าของเรื่องนี้มานำเสนออีกครั้งหนึ่ง แต่กลุ่มเม็กดำเองก็คงค่อยๆปล่อยคลื่นความรู้เข้าสู่กระแสการจัดการความรู้ ใน gotoknow อย่างไม่ขาดสายแน่นอน
อีกไม่นานเกินรอหรอกครับ
ขอบคุณครับ
ผมมีกำลังใจมากๆเลยที่งานที่ผมทำมีโอกาสต่อยอด และอาจจะส่งผลในทางปฏิบัติได้ตามที่ฝันไว้ จริงๆ
ขอบพระคุณมากครับ ที่นำสิ่งดีๆ มาแบ่งปัน