การดูดาวขั้นต้น
ในยามค่ำคืนเดือนมืด ท้องฟ้าโปร่ง เมื่อเราเงยหน้าดูท้องฟ้า จะเห็นแสงระยิบระยับของดวงดาวเต็มท้องฟ้า เพื่อให้การดูดาวในท้องฟ้าอย่างถูกต้อง ผู้สนใจเตรียมตัวเป็นนักดูดาว ต้องมีความรู้เบื้องต้นดังต่อไปนี้
1.ต้องรู้จักทิศ ต้องรู้ว่าตำแหน่งที่เราสังเกตนั้นทิศเหนือ ทิศใต้ อยู่ด้านไหน อาจจะต้องใช้เข็มทิศช่วย
2.เมื่อรู้ตำแหน่งทิศเหนือแล้ว เมื่อดวงอาทิตย์ตก ควรมองหาดาวเหนือได้หรือถ้าหาเข็มทิศไม่ได้ก็ควรใช้ดาวบนท้องฟ้า ช่วยหาดาวเหนือเป็น
3.รู้จักการวัดมุมบนท้องฟ้า โดยร่างกายของเราหากไม่มีอุปกรณ์
4.ควรรู้จักความแตกต่างของดาวบนท้องฟ้าว่า ดวงใดคือดาวฤกษ์ ดวงใดคือดาวเคราะห์
5.รู้จักกลุ่มดาวบนท้องฟ้าที่สำคัญๆ หรือที่เห็นเด่นชัด อย่างน้อย 20 กลุ่ม จากทั้งหมด 88 กลุ่ม
6.สามารถใช้แผนที่ดาวได้ ปัจจุบันสังคมดาราศาสตร์จัดทำแผนที่ดาว
7.เมื่อรู้จักทั้ง 6 ข้อข้างต้นดีแล้ว ขั้นสูงขึ้นมาอีกนิด คือรู้จักเส้นสมมุติต่างๆบนท้องฟ้า และจุดสำคัญๆที่ใช้เรียกทางดาราศาสตร์
8.รู้จักระบบการบอกตำแหน่งดาวบนท้องฟ้า มีแบบใดบ้างและใช้เรียกอย่างไร
9.รู้จักอุปกรณ์ดูดาวตั้งแต่ กล้องสองตา จนถึง กล้องดูดาวแบบต่างๆ
การดูดาวขั้นต้น
การดูดาวฤกษ์ในท้องฟ้าเพื่อให้รู้จักดวงดาวต่างๆ และรู้ว่าอยู่ในกลุ่มดาวอะไรนั้น ควรศึกษาจากแผนที่ดาวกับบนท้องฟ้าจริงๆ และจำไว้ให้ได้เสีย ก่อนและเมื่อรู้จักแล้ว ก็สามารถนำมาเป็นหลักนำไปสู่กลุ่มดาวอื่น หรือดาวดวงอื่นตามต้องการได้ ในบริเวณขั้วท้องฟ้าเหนือ มีกลุ่มดาวที่รู้จักกันทั่วไป คือ
กลุ่มดาว Ursa Major (Great Bear หรือ Big Dipper) ซึ่งเรียกว่า กลุ่มดาว หมีใหญ่ หรือ กลุ่มดาว กระบวยใหญ่ คนไทยเรียกว่า ดาวจระเข้ ประกอบไปด้วยดาว 7 ดวง มีรูปร่างคล้ายกระบวย 4 ดวงของกลุ่มดาวนี้เป็นรูปสี่เหลี่ยมคางหมูซึ่งเป็นตัวกระบวย ปากของ กระบวย ที่เปิดอยู่จะหัน ไปทางขั้วท้องฟ้าเหนือ ชาวเรือใช้ดาวในกลุ่มนี้ 3 ดวง ในการเดินเรือคือ Dubhe,Alioth และ Alkaid ดาว Dubhe และ Merak ซึ่งเป็นดาวที่ประกอบ เป็นตัวกระบวย เรียกว่า ดาวชี้ (The pointer) เพราะว่าเมื่อลากเส้นผ่านดาวสองดวงนี้ไปทางเหนือ ประมาณ 5 เท่า ใกล้กับดาวเหนือมาก ซึ่งในบริเวณ นั้นจะไม่มีดาวดวงใดสุกใสเท่ากับดาวเหนือเลย
กลุ่มดาว Ursa Minor (Little Bear หรือ Little Dipper) ซึ่งเรียกว่า กลุ่มดาว หมีเล็ก หรือ กระบวยเล็ก ประกอบไปด้วยดาว 7 ดวง มีรูป เหมือนกลุ่มดาวหมีใหญ่ แต่รูปเล็กกว่า ความสว่างน้อยกว่า รูปของดาวหมีเล็กจะกลับกับดาวหมีใหญ่ พอมองเห็นได้ชัดเจนเพียง 3 ดวงเท่านั้น ชาว เรือโบราณใช้ดาว 2 ดวงในการเดินเรือคือ Polaris และ Kochab ทั้ง 2 ดวงนี้เป็นดาวชั้นที่ 2 ดาว Polaris หรือดาวเหนือจะอยู่ที่ปลายสุดของด้าม กระบวย หรือที่ปลายสุดของหางหมี
กลุ่มดาว Cassiopeia ซึ่งเรียกว่า กลุ่มดาวพระราชินี หรือ เก้าอี้พระราชินี มีรูปคล้ายกับอักษร W หรือ M อยู่ห่างจากดาวเหนือไปทางทิศตรงข้ามกับกลุ่มดาวหมีใหญ่ในระยะทางประมาณเท่าๆ กัน ฉะนั้น เมื่อกลุ่มดาวหมีใหญ่อยู่บนเมอริเดียนเบื้องบน กลุ่มดาว Cassiopeia จะอยู่บนเมอริเดียนเบื้องล่าง สำหรับประเทศไทยถ้าเห็นกลุ่มดาวหมีใหญ่ ก็จะไม่เห็นกลุ่มดาว Cassiopeia และตรงกันข้ามถ้าเห็นกลุ่มดาว Cassiopeia ก็จะไม่เห็นกลุ่มดาวหมีใหญ่
เมื่อดาวกลุ่มนี้ขึ้นบนท้องฟ้าและเป็นรูป M (คือเมื่ออยู่บนเมอริเดียนเบื้องบน) ดาวดวงทางซ้ายมือสุดชื่อ Caph ถ้าลากเส้นจากดาวเหนือผ่านดาวดวงนี้ก็จะผ่านจุดราศีเมษ ดาวดวงที่ 2 ถัดมาชื่อ Schedar ซึ่งเป็นดาวที่สว่างกว่าดาว Caph แต่ทั้งสองดวงนี้ก็เป็นดาว ชั้นที่ 2 เหมือนกัน (ประมาณกลางเดือนเมษายน กลุ่มดาวหมีใหญ่จะปรากฏบนท้องฟ้า และประมาณกลางเดือนตุลาคมกลุ่มดาว Cassiopeia จะปรากฏให้เห็นบนท้องฟ้า)
ในขณะที่ดาวหมีใหญ่ปรากฏบนท้องฟ้าก็จะทำให้หาดาวดวงอื่นๆได้ คือ เมื่อต่อเส้นไปตามทางโค้งของหางหมีใหญ่ จะพบดาวสว่างสุกใสดวงหนึ่งชื่อ Arcturus ซึ่งอยู่ในกลุ่มดาว Bootes (คนเลี้ยงหมี) และลากเส้นโค้งต่อไปในระยะทางเท่าๆ กัน จะพบดาวสุกใสอีกดวงหนึ่งชื่อ Spica ซึ่งอยู่ในกลุ่มดาว Virgo (นางงามหรือหญิงสาวพรหมจารีย์) ดาวทั้งสองดวงนี้จะเป็นดาวชั้น 1 ถ้าลากเส้นจากดาว Pointers ของกลุ่มดาวหมีใหญ่ลงมาทางใต้ จะพบดาวชื่อ Regulus ซึ่งอยู่ปลายสุดของด้ามเคียวหรือรูปเครื่องหมายคำถาม ดาวดวงนี้อยู่ใน กลุ่มดาว Leo (สิงโต) และเป็นดาวชั้นที่ 1 ระหว่างดาว Reulus กับ Arcturus จะผ่านใกล้ๆ กับดาวชั้นที่ 2 ดวงหนึ่งชื่อ Denebola ซึ่งอยู่ปลายสุดของของหางสิงโต Arcturus, Denebola, และ Spica เมื่อลากต่อกันจะเป็นรูปสามเหลี่ยมหน้าจั่วพอดี
กลุ่มดาว Corvus ประกอบไปด้วยดาวชั้นที่ 3 จำนวน 4 ดวง เป็นรูปสี่เหลี่ยมคล้ายใบเรือมีเสาชี้ไปที่ดาว Spica ทางใต้ของกลุ่มดาว Corvus จะเป็นดาว Southern Cross (กางเขนใต้) ในกลุ่มดาว Hydry (งูใหญ่) มีดาวที่ใช้ในการเดินเรืออยู่เพียงดวงเดียวคือดาว Alphard เป็นดาวชั้นที่ 2 เป็นดาวที่หาง่าย คือถ้าต่อเส้นจาก Pointers ผ่าน Regulus ลงไปทางใต้ก็จะพบดาว Alphard ดาว Alpheccs ซึ่งเป็นดาวที่สว่างดวงหนึ่งในกลุ่มดาว Corona Borealis (มงกุฎฝ่ายเหนือ) แต่เป็นดาวชั้นที่ 2 จะอยู่ทางตะวันออกของดาว Arcturus จาก Regulus ลากเส้นผ่าน Spica ลงไประยะประมาณเท่ากันจะพบดาว Antares ซึ่งอยู่ในกลุ่มดาว Scopio (แมลงป่อง) ทางเหนือของกลุ่มดาวแมลงป่อง และทางตะวันออกของกลุ่มดาวมงกุฎฝ่ายเหนือ จะมีดาวชั้นที่ 1 จำนวน 3 ดวงคือ Vega, Deneb และ Altair ซึ่งจะประกอบเป็นรูปสามเหลี่ยมมุมฉาก มีดาว Vega อยู่ที่มุมฉาก
ดาว Deneb เป็นดาวที่อยู่ในกลุ่มดาว Cygnus (หงส์) มีรูปเป็น Northern Cross (กางเขนเหนือ) ดาว Deneb จะอยู่ที่หัวหงส์ หรือ หัวกางเขน ดาว Rasalhague ซึ่งเป็นดาวชั้นที่ 2 เมื่อประกอบกับดาว Vega และ Altair จะเป็นรูปสามเหลี่ยมด้านเท่า ประมาณกลางเดือนตุลาคม กลุ่มดาวกางเขนเหนือ จะอยู่ขอบฟ้าตะวันตก กลุ่มดาว Cassiopeia จะปรากฏอยู่ประมาณกลางท้องฟ้าค่อนไปทางเหนือ ทางใต้ของกลุ่มดาว Cassiopeia จะมีดาว 4 ดวงประกอบกันเป็นรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัสขนาดใหญ่เรียกว่า กลุ่มดาว Pegasus (ม้าปีก) หรือ The Square of Pegasus ใน 4 ดวงนี้มีดวงที่สว่างสุกใสอยู่ 2 ดวง ซึ่งเป็นดาวชั้นที่ 2 อยู่ที่มุมตรงข้ามกันคือ Alpheratz และ Markab ดาว Alpheratz จะอยู่ทางเหนือ
จากกลุ่มดาว pegasus ถ้าลากเส้นตรงจากด้านของสี่เหลี่ยมทางด้านตะวันออกลงไปทางใต้ จะพบดาวชั้นที่ 2 ชื่อ Diphda ซึ่งอยู่ในกลุ่มดาว Cetus (มังกรทะเล) ในทำนองเดียวกันถ้าลากเส้นตรงจากด้านของสี่เหลี่ยมทางตะวันตกลงไปทางใต้จะพบดาวชั้นที่ 1 ชื่อ Fomalhaut และลากผ่าน กึ่งกลางของรูปสี่เหลี่ยมนี้ไปทางตะวันออก จะพบดาวชั้นที่ 2 ชื่อ Hamal ซึ่งอยู่ในกลุ่มดาว A
อยากดูดาวจังเลยคร้า
hgdytdyhst7ygyvhfrjgfyu6hgtjdfir5yi zshub86nsernw4gr6ysnuzytebvgen