อยากเขียนบางเรื่องที่ค้างใจมาแต่วันสิ้นปีเก่า แต่พอไปอ่าน บันทึกนี้ ของ ท่านผู้นี้ ก็ให้ต้องเปลี่ยนใจ ไปแสดงความเห็นต่อท้ายไว้ให้ท่านดังนี้ครับ ...
แกล้งโง่ หรือแสร้งทำเป็นไม่รู้ ผมก็ใช้บ้างตามโอกาสอันควรครับ มันเป็นเทคนิคการเข้าไปมีส่วนร่วมในกระบวนการเรียนรู้ของผู้คน บางครั้งสิ่งที่เรารู้แล้วหลายๆอย่าง ต้องเก็บงำเอาไว้ก่อนเพื่อให้เวทีเป็นของผู้เรียนมากๆ เมื่อเห็นเขาแสดงกันเต็มที่แล้ว ขาดเหลืออะไรเราก็ปล่อยสิ่งที่กั๊กเอาไว้มาเสริม อย่างนี้เป็นการแกล้งโง่เพื่อให้คนอื่นไม่ต้องโง่ครับ
แต่ถ้าเป็นการแสดงตน แนะนำตัวเพื่อร่วมกันทำงาน ผมไม่ค่อยเห็นด้วยกับการเกรงใจไม่กล้าบอกความความรู้ ความสามารถของตัวเอง การแกล้งโง่ ในกรณีเช่นนี้ แม้ดูเหมือนจะดูดี ไม่ขี้โอ่ ขี้อวด รู้จักถ่อมตน แต่ผลที่ตามมาทำให้เสียโอกาสที่คนในกลุ่มจะได้ใช้ศักยภาพเพื่อช่วยให้งานสำเร็จลุล่วงด้วยดี วิธีที่ใช้คือบอกตรงๆว่าเราชำนาญอะไร เล่นเรื่องไหนมากๆมาแล้ว ตัวแก้เพื่อไม่ให้ดูน่าเกลียดก็คือ หาจุดอ่อนด้อย หรือสิ่งที่เราไม่ถนัดจริงๆมาเสนอประกอบด้วย คือเมื่อบอกเขาว่า ฉลาดอะไร ก็ตรวจสอบตัวเอง แล้วบอกเขาไปว่า โง่อะไร ด้วย .. อย่างนี้ก็จะทำให้ไม่ต้องมา แกล้งโง่ ให้เสียเวลากันอีกต่อไปครับ
สวัสดีค่ะอาจารย์
ขอบคุณค่ะอ่านแล้วได้ข้อคิดดีค่ะ
แน่นอนครับ
ใครแกล้งโง่ไม่เป็นอยู่ยากครับ
และโง่จริงๆ ก็ยิ่งยากหนักเข้าไปอีกครับ
อยู่แบบโง่บ้าง ฉลาดบ้างได้ไหมครับ
มันเป็นธรรมชาติดี
ส่วนจะแกล้งโง่หรือไม่ เป็นศิลปะเฉพาะตัว และเหตุการณ์อันควร ถ้าไปแยกอันไหนโง่อันไหนฉลาดเดี๋ยวตกรถไฟขบวนสุดท้ายนะครับ
สวัสดีปีใหม่ อีกครั้ง และขอบคุณทุกท่านครับ
ขอบคุณครับ คุณน้องชาย นาย ขจิต ฝอยทอง