หมื่น แสน ล้านคนที่พานพบ
เธออาจจะรักและศรัทธาใครต่อใครหลาย ๆ คน
หลายสิ่งอย่างที่สั่งสมและเติบโตอยู่ในตัวเธอ
ย่อมมีส่วนที่ได้รับอิทธิพล
จากคนที่เธอรักและศรัทธา
แต่นั่น - ก็ไม่ได้หมายความว่า
ทุกสิ่งอย่างที่เธอได้กระทำ
ต้องเกิดจากการหล่อหลอม
และถอดแบบมาจากคนที่เธอรักและศรัทธา - เสมอไป
การปรับเปลี่ยนตนเอง
ด้วยวิธีการเลียนแบบอย่างงมงาย ไร้สติ
และปราศจากการตรึกตรอง
ย่อมนำไปสู่การสูญเสีย
"ความเป็นตัวของตัวเอง" อย่างสิ้นเชิง
และหากแม้นเป็นเช่นนั้นจริง
ก็ไม่อาจเรียกได้ว่าเป็นกระบวนการเติบโต
และงอกงามของชีวิต
เพราะมันเป็นแต่เพียงการ "เลียนแบบ"
หาใช่ "การเรียนรู้" เลยแม้แต่น้อย
.....
นี่คือบทสนทนาที่เกิดขึ้นในเวทีเสวนาเมื่อเร็ววันที่ผ่านมา ซึ่งผมได้รับเชิญเป็นวิทยากร ... ผมบอกเล่ากับนิสิตว่า เราต่างก็มีวีรบุรุษที่เรารักและศรัทธากันทั้งนั้น ....
วีรบุรษดังกล่าว คือต้นแบบ หรือแรงบันดาลใจในการก้าวเดินไปในเส้นทางของชีวิต แต่เราก็ต้องฉลาดที่จะเรียนรู้และสังเคราะห์เอาบางสิ่งบางอย่างมาใช้ประโยชน์ให้เหมาะสมกับตัวเรา แต่ต้องมิใช่การเลียบแบบ หรือถอดแบบออกมาอย่างไม่มีการหยั่งคิดว่าสิ่งใดเหมาะสมกับตัวเรา หรือสอดรับกับกาละใด ๆ มากน้อยแค่ไหน
การค้นหาตัวตนของตนเอง คือ สาระสำคัญที่ต้องกระทำ ซึ่งอาจจะมาจากการเก็บเกี่ยวจากประสบการณ์ในการใช้ชีวิตและเรียนรู้ชีวิตโดยตรงของเราเอง หรือแม้แต่การเรียนรู้ ซึมซับและศึกษาจากคนรอบข้าง
แต่เราก็ต้องเรียนรู้ที่จะเปลี่ยนแปลงตนเองอย่างมีเหตุผล มิใช่เปลี่ยนแปลงเพื่อเป็น "จุดเด่น" ที่จะ "แตกต่าง" จากคนรอบข้างโดยไม่คำนึงถึงความเป็นจริง โดยเฉพาะความเป็นจริงที่อยู่ในตัวเรา !!
ก่อนจบการเสวนา, ผมโยนคำถามข้ามฟากไปยังนิสิตชายท่านหนึ่ง เพราะทรงผมของเขาสะดุดตาสะกิดใจผมมาก และผมก็ถามเขาด้วยน้ำเสียงระคนขันว่า "ทรงผมนั้นท่านได้ แต่ใดมา..?"
นิสิตท่านนั้นตอบด้วยความซื่อและเชื่อมั่นว่า "เป็นทรงผมของดาราดังท่านหนึ่ง"
ทุกคนในเวทีเสวนาหัวเราะ ขบขันกันดังลั่น บ้างก็ปรบมือให้กับความมั่นอกมั่นใจของนิสิตท่านนั้นที่กล้าหาญชาญชัยแต่งผมทรงนี้อย่างไม่สะทกสะท้าน !!
(ทั้ง ๆ ที่เราต่างก็ช่วยกันดูและลงมติตรงกันว่า มันไม่เหมาะสมกับเขาเอาซะเลย)
มันช่างเป็นการเรียนรู้ "ที่จะเป็น" โดยปราศจากการ "เบิ่งมอง"ตนเองอย่างชัดเจน
หรือเพราะเขาเองก็มีความสุข "ที่จะเป็น" เช่นนั้น, .... ผมก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน ?
สวัสดีปีใหม่อีกครั้งค่ะคุณ แผ่นดิน
บันทึก ที่ดีดี มีถมถืด
ขอให้ยืด การเขียน เพียรพร่ำสอน
ขอให้ยืด การเขียน ให้ถาวร
ครูอ้อยวอน การสอนอ่าน จากแผ่นดิน
เด็กๆรุ่นใหม่สูญเสียความเป็นตัวของตัวเอง
สาเหตุหนึ่งน่าจะมาจากการเลียนแบบ
เลียนแบบด้วยหลงในรูป รส กลิ่น เสียง
เป็นกำลังใจ ในภารกิจที่คุณแผ่นดินทำ
และยินดีในการเรียนรู้ร่วมกัน ครับ
ครูอ้อย ที่เคารพ
เพราะเขาคงอยากมี "จุดเด่น" ที่จะ "แตกต่าง"
ยิ่งเพื่อนปรบมือ โห่ร้อง หัวเราะชอบใจ นั่นคือสิ่งที่เขาพึงปรารถนา
ชอบจังค่ะคำนี้...
เพราะมันเป็นแต่เพียงการ "เลียนแบบ"
หาใช่ "การเรียนรู้" เลยแม้แต่น้อย
"เรียนแบบ แต่ไม่รู้จักที่จะเรียนรู้" เราจึงควรเรียนรู้โดยการถอดแบบเพื่อให้ได้ตัวแบบที่ดี...ดีกว่าที่จะมาเรียนแบบแล้วค่อยเรียนรู้ งง...ใหม? (ยิ้มๆ)
คุณ nutim
อาจารย์ เม็กดำ 1
อาจารย์ Vij
สวัสดีครับพี่พนัส ผมฉัตร ครับ ผ่านไปประมาณ 6-7 ปี แล้วสินะครับที่เราไม่ได้พูดคุยกัน ปีใหม่แล้วคงสะบายดีนะครับ
ป-ระเด็นอยู ่ที่ว่า การเรียนรู้ หรือการเรียนแบบ เราไม่อาจจะสรุปได้หรอกว่าน้อง ๆเค้าตั้งใจที่จะเรียนแบบหรือจะเรียนรู้ หรือเรียนแบบเพื่อเรียนรู้ แต่เด็กเขารู้โดยตัวของเขาเองว่าจะเขาจะเป็น จะทำ อะไร เพื่ออะไร เหตุผลเท่ากับวุฒิทางอารมณ์ จิตใจ สังคม ที่เด็กพึงจะมี เราเอาตัวและประสบการณืเราเข้าวัดคงวัดยาก เราอยากจะบอกแทบเป็นแทบตายว่าสิ่งใหนควรมิควร แต่ขึ้นอยู่กับเขาว่าจะเลือกทางเดินอย่างไร บางสังคมต้นแบบมีมากมาย แต่แล้วเด็กที่โตขึ้นมาก็แวกแตกหน่อผิดแปลกไปก็มี อะไรที่ผู้ใหญ่ว่าเหมาะ อาจไม่เหมาะกับเขาครับ เหมือนกับกิจกรรมในมหาวิทยาลัยเวลาเสนอโครงการขององค์กรนิสิต ผู้ใหญ่มักมีเหตุผลมีคัดค้านต่อความคิดของเด็ำกทั้ง ๆที่โครงการนั้นเด็กเขาร่วมมือร่วมใจกันทำ แต่ผู้ใหญ่มักมองว่า จะมีประสิทธิภาพหรือประสิทธิผลคุ้มค่าหรือไม่ แต่หากไม่สนใจในกระบวนการแก้ไขปัญหาของเด็ก ไม่สนใจว่าเด็กจะเลือกกระบวนการบริหารจัดการอย่างไร ให้เขาเรียนรู้ผมว่าจะได้ประโยชน์มากกว่าสนองเจตนารมณ์ของผู้ใหญ่ เราต้องการสร้างเด็กมิใช่หรือครับ ถึงแม้วิธีนี้จะมีช่องว่างแต่ก็ไม่ได้ก่อให้เกิดผลเสียอะไรมิใช่หรือครับเพราะ-เรามีองค์กรที่คอยดูแลให้คำปรึกษา ซึ่งเรามิได้ปล่อยให้เขาเดินเพียงลำพัง
รักและเคารพ
ฉัตร
ได้แวะเวียนเข้ามาอ่าน...ก็พบว่าบันทึกนี้น่าชื่นชมยิ่งนัก...มีผู้เข้ามาแลกเปลี่ยนเรียนรู้ในหลากหลายมุมมอง ต่อเติมเป็นพลังในการทำงานให้คุณแผ่นดินได้ดีขอแสดงความยินดีและนับถือ
คุณ จ๊ะจ๋า