ชี้นำสังคม


เราลืมนึกถึงวิธีทำหน้าที่ชี้นำสังคมที่ทรงคุณค่ากว่าการบอก คือการชี้นำโดยการทำ

ชี้นำสังคม

        เราพูดกันติดปาก ว่ามหาวิทยาลัยมีหน้าที่สร้างความรู้     เป็นแหล่งสะสมองค์ความรู้ สำหรับใช้ชี้นำสังคม     เราติดกระบวนทัศน์ "ชี้นำสังคมโดยการบอก"     บอกโดยคำพูดหรือข้อเขียน    ในการสัมมนา อภิปราย หรือไปทำโครงการในฐานะที่ปรึกษา

       หลังจากการไปเยี่ยมชื่นชมหน่วยงานต่างๆ ของมหาวิทยาลัยมหิดล      ผมก็นึกออก ว่าเราลืมนึกถึงวิธีทำหน้าที่ชี้นำสังคมที่ทรงคุณค่ากว่าการบอก     คือการชี้นำโดยการทำ     ทำให้เห็นเป็นตัวอย่าง     ทำในสิ่งที่คนทั่วไปไม่คิดว่าสำคัญ     ทำในสิ่งที่คนทั่วไปไม่คิดว่าทำได้     แล้วพิสูจน์ให้เห็นว่าได้สร้างสรรค์สิ่งที่มีคุณค่ายิ่งต่อสางคม     เป็นการทำโดยต้องอดทนฟันฝ่า

        ชี้นำสังคมโดยการกระทำ     กล้าทำสิ่งที่แหวกแนว

        เป็นการชี้นำที่ทำยาก  และต้องใช้เวลายาวนาน     ต้องทำเอง     ทำแบบพิสูจน์ให้เห็นจากการกระทำ

        มหาวิทยาลัยมหิดลมีผลงานชี้นำสังคมแบบนี้  ที่น่าชื่นชมมากมายหลายอย่าง     ตัวอย่างได้แก่ วิทยาลัยดุริยางคศิลป์    ที่ชี้นำการสร้างสรรค์วิชาดนตรีให้เป็นวิชาแห่งนักปราชญ์ เป็นวิชาชีพ     วิทยาลัยราชสุดา ที่ชี้นำสังคมให้มีมุมมองใหม่ต่อผู้พิการ     ให้เห็นว่าความพิการจำกัดอยู่เฉพาะบางส่วนของร่างกาย     ส่วนอื่นที่ไม่พิการสามารถสร้างคุณค่าให้แก่สังคมได้  เป็นต้น

        มหาวิทยาลัยต้องมุ่งชี้นำสังคมโดยการกระทำ     กระทำการสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ ที่คนนึกไม่ถึง ให้แก่สังคม

        เรามุ่งออกนอกระบบราชการ ก็เพื่อความเป็นอิสระ ความคล่องตัว ในการใช้และประยุกต์จินตนาการ เพื่อทำหน้าที่ชี้นำโดยการกระทำอันทรงคุณค่านี้ ต่อสังคม

วิจารณ์ พานิช
๓๐ ธค. ๔๙

หมายเลขบันทึก: 70294เขียนเมื่อ 31 ธันวาคม 2006 09:48 น. ()แก้ไขเมื่อ 21 มิถุนายน 2012 16:38 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (2)
  • ผมได้ไปชมคอนเสิร์ตครั้งแรก..(ในชีวิต..แบบสดๆ) ที่วิทยาลัยดุริยางคศิลป์
  • รู้สึกถึงความลงตัวของ Science & Art
  • ผมว่า Science & Art เป็นของคู่กัน
  • และใช่เลย..ว่า วิทยาลัยดุริยางคศิลป์นี้ชี้นำสังคมแน่ๆ เลย

  มหาวิทยาลัยมีหลายระดับ

บ้างอยู่ก้นหลุม

บ้างทำท่าจะปีนหลุม

บ้างเกาะอยู่ปากหลุม

ทั้งหมดนี้เกิดจากวัฒนธรรมชาวมหาลัยเองที่สะสมกันมานาน  มหาวิทยาลัยชั้นแนวหน้า อาจจะต่อแต้มไต่ระดับไปได้  แต่ก็ยังมีหลายแห่งที่กำลังต่อสู้กับตัวเองก็ทั้งยาก  ไม่เคยเงยหน้ากล้ามองออกไปนอกรั้วมหาลัย

ป้ายปณิธานเขียวไว้สวยๆ ไม่ได้ไว้เพื่อปฏิบัติ

ไม่มีอะไรน่าวิตกเท่ามหาวิทยาลัยเอาตัวไม่รอด ทั้งภาควิชาการและบริการสังคม

ขนมผสมน้ำยา ไม่รู้ว่าจะเอาไม้ซีกไปงัดไม้ซุงได้อย่างไร ไม่มีอะไรน่าสมเพศเท่ากับเป่าปี่ให้ควายหูหนวกฟัง ยังห่างไกลความเป็นมหาวิทยาลัยมากนัก ปล่อยไว้ให้ผลิตบัณฑิตโหลๆออกมาเป็นปัญหาของชาติ

อาจารย์ก็นึกดูเถิดว่าลูกหลานเราไม่ว่าจะระดับไหนล้วนมีปัญหาเฉพาะกลุ่มเฉพาะวัยที่บาดตาบาดใจ มีคำถามว่า มหาวิทยาลัยกำลังทำอะไร รับผิดชอบได้จริงแค่ไหน จะสอนบัณฑิตให้มีความรู้ความสามารถจริงได้สักเท่าไหร่ เรื่องนี้ก็อยู่ในระดับช้างตายทั้งตัว เอาพลาสติกมาปิด มันก็อึงอลอยู่อย่างนั้น เหมือนเสี้ยนปักเล็บ นี่ก็เป็นหมายเหตุประเทศไทยที่โทนโท่ให้ทุกข์ทนกันทั่วหน้า

 

 

ยิ่งกว่าเป่าปี่ให้ควายฟัง เพราะควายตัวนั้นมันหูหนวก

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท