ตามไปดู KM บุรีรัมย์ที่ฐานการเรียนรู้ บ้านตะแบง


ตกเย็นหลังจากทานข้าวปลาอาหารเย็นกันแล้ว เพิงข้างบ้านพ่อสำเริงก็จะเป็นแหล่งชุมนุมลูก ๆ หลาน ๆ รวมถึงคนเฒ่าคนแก่ได้ใช้เป็นที่พบปะพูดคุยกันเล่น สนุกสนานกันไปพร้อม ๆ กับการนั่งทอสื่อที่หมุนเวียนเปลี่ยนกันเข้าไปทอ เด็ก ๆ ที่ทอยังไม่เป็นก็ถือโอกาสเข้าไปนั่งทอลองเรียนรู้จากการปฏิบัติกันตอนนั้นเลย
        ตอน : ว่าง สร้างงานทอ สานฝันของความพอเพียง          
                 
ข้างบ้านของพ่อสำเริง และสมาชิกเครือข่ายที่บ้านอยู่ในละแวกเดียวกัน จะมีพื้นที่ว่างเปล่าข้างบ้าน นอกจากทำเป็นสวนครัวเล็ก ๆ ที่มีผักต่าง ๆ ที่ใช้ในชีวิตประจำวันแล้ว  ยังมีการปลูกต้นไหล (กก)ไว้ในพื้นที่นั้นด้วย ถ้าบ้านไหนมีพื้นที่ข้างบ้านมากหน่อยก็จะได้แปลงใหญ่ขึ้น  
                  
จากการที่ได้พูดคุยกับพ่อสำเริง เหตุผลที่ปลูกต้นกกไว้ข้างบ้านอีกเหตุผลหนึ่งคือ การได้ใช้เวลาว่างทำกิจกรรมเพื่อสร้างงานอีกแบบหนึ่ง คือการทอเสื่อ เป็นการทำงานโดยใช้เวลาว่างของวันจริง ๆ  โดยเริ่มจากใช้เวลาว่างตัดต้นกกที่แก่ ไว้วันละเล็กละน้อยตามแต่ต้นกกจะแก่ (ถ้าตัดพร้อมกันทั้งแปลงก็จะง่ายต่อการตัดแต่ละครั้ง เพราะกกจะแก่พร้อม ๆ กันเป็นส่วนมาก) แล้วนำไปผ่าแบ่งครึ่งลำต้น นำไปตากแดดให้แห้ง เก็บรวมกันไว้  โดยเฉลี่ยถ้าปลูกรวมพื้นที่ประมาณ 25 ตารางวา ตัดภายใน 1 เดือน นำมาทอสื่อได้ 2 ผืน และยังเหลือกกไว้ทำของใช้เล็ก ๆ น้อย ๆ  เช่น กระติ๊บใส่ข้าวเหนียว ได้อีก สื่อที่ทอได้ถ้าคิดราคา จะตกผืนละ 150 บาท เป็นการลดค่าใช้จ่ายได้อีกทางหนึ่ง หรือหากขายก็ถือเป็นการเพิ่มรายได้เช่นกัน
                 
พ่อสำเริงบอกว่าที่เลือกปลูกกกไว้เพราะเหตุว่า  ต้นกกปลูกง่าย  โตเ็ร็ว ไม่ต้องรดน้ำ ตัดได้ตลอดปี อายุของต้นกกที่แก่พอตัดใช้งานได้คือประมาณ 1 เดือน นั่นคือต้องตัดทุกเดือนเพื่อให้แตกหน่อต้นใหม่เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ  จากที่ปลูกกอเล็กตัดไปแล้วจะแตกหน่อ กอจะใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ จะได้ปริมาณเพิ่มขึ้น ที่สำคัญคือไม่ต้องไปเก็บไกลบ้าน และเป็นการจัดการกับเวลาว่างได้เป็นอย่างดี ลูกหลานก็สามารถช่วยงานได้ และอีกอย่างที่เพิ่มขึ้น ปลูกกกแล้วได้เพื่อนบ้าน ได้สิ่งของอื่นที่เราคิดไม่ถึง เช่น ปู ปลา อาหาร  รวมถึงของใช้ในครัวเรือน อีกเยอะแยะมากมาย เพราะเพื่อนบ้านนำสิ่งอื่นที่พ่อสำเริงไม่มีมาแลกกับสื่อที่ทอไว้ หรือไม่ก็ขอกกเพื่อไปทอเองนั่นเอง
                 
ตกเย็นหลังจากทานข้าวปลาอาหารเย็นกันแล้ว เพิงข้างบ้านพ่อสำเริงก็จะเป็นแหล่งชุมนุมลูก ๆ หลาน ๆ รวมถึงคนเฒ่าคนแก่ได้ใช้เป็นที่พบปะพูดคุยกันเล่น  สนุกสนานกันไปพร้อม ๆ กับการนั่งทอสื่อที่หมุนเวียนเปลี่ยนกันเข้าไปทอ เด็ก ๆ ที่ทอยังไม่เป็นก็ถือโอกาสเข้าไปนั่งทอลองเรียนรู้จากการปฏิบัติกันตอนนั้นเลย ก่อนที่จะดึกแล้วแยกย้ายกัน
                 
มาถึงวันนี้มีคนที่เข้าไปเยี่ยมชม ดูงานที่บ้านพ่อสำเริง เห็นต้นกกสวย ก็ขอซื้อไปเป็นไม้ประดับที่บ้าน แต่พ่อสำเริงไม่ขาย(ให้ฟรีนะคะ) เลยแอบกระซิบบอกว่าน่าจะหากระถาง หรืออ่างดินเผาเล็กมาปลูกไว้ให้กกแตกกอ ก็สามารถขายเป็นไม้ประดับ เพิ่มรายได้อีกทางนะคะ  และสื่อที่ทอถ้าหากทำสีสันเป็นลวดลายขิด ลายมัดหมี่ (ลายเหมือนผ้าไหม) ก็จะยิ่งราคาแพงมากขึ้น เพราะนำไปประยุกต์เป็นของใช้อื่นได้อีกแทนที่จะใช้ปูพื้นอย่างเดียว จากการจัดการเวลาว่างเพื่อสร้างงานทอ ให้เกิดความพอเพียงแล้ว หากต่อยอดจัดการนำความรู้ใส่เข้าไปในงานที่ทำ ผลผลิตที่ได้จะมีมูลค่าเพิ่มขึ้นอีกมากมาย     

   

หมายเลขบันทึก: 70264เขียนเมื่อ 30 ธันวาคม 2006 23:48 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 กุมภาพันธ์ 2012 16:53 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (2)

พอเห็นดินติดเท้ามาบ้าง ค่อยยังชั่วหน่อย

ติดมามากๆ แสดงว่าเดินมากนะครับ

     ตอนนี้กำลังถอดรองเท้าเดินค่ะ ขอบคุณอาจารย์เป็นอย่างสูงที่คอยต่อพลังให้มีเท้าที่แข็งแรงขึ้นค่ะ

 

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท