แอบดูฝรั่งจัดการเรียนรู้: ไม่มีอะไรในกอไผ่


ทำไมจึงมีตำราแปลกๆ ออกมา และเป็นช่องทางให้นักวิชาการปากคาบคัมภีร์ ได้คาบถูกคาบผิด มาเล่าให้คนไทยที่นับถือเขาฟัง แล้วก็มีการนำไปใช้ต่อแบบไม่ต้องคิดอะไร
 

ผมค่อนข้างอึดอัดมากในระยะหลายปีที่ผ่านมา ที่มีนักวิชาการระดับ ปากคาบคัมภีร์ ชอบเอาตำราฝรั่งมาอ้างว่าต้องทำอย่างโน้นอย่างนี้จึงจะถูกต้องในการทำงานดังที่ ต่างชาติ ว่าไว้ในคัมภีร์

 

พอฟังแล้วทำให้ผมคิดไปว่า ทำไมฝรั่ง(ต่างชาติ)เขาถึงโง่ขนาดนั้น แล้วถ้าเขาโง่อย่างนั้นจริง ทำไมเขาจึงพัฒนาประเทศเขาได้

 

มีครั้งหนึ่งเพื่อนต่างชาติที่เป็นอาจารย์มหาวิทยาลัยชื่อดังใน

ประเทศของเขา เขาบอกผมว่า คนเก่งๆของชาติ เขาจะพยายามดูแลอย่างดี ปล่อยไปแต่พวกนักวิชาการตกเกรด” (ให้ไปทำงานต่างชาติ)

 ผมมาถึงบางอ้อว่า ทำไมจึงมีตำราแปลกๆ ออกมา และเป็นช่องทางให้นักวิชาการปากคาบคัมภีร์ ได้คาบถูกคาบผิด มาเล่าให้คนไทยที่นับถือเขาฟัง แล้วก็มีการนำไปใช้ต่อแบบไม่ต้องคิดอะไร  

เพราะในสมองของคนกลุ่มนี้เป็นแบบ ฝรั่ง สรณัง คัจฉามิ อยู่แล้ว

 

แต่พอผมลองไปดูจริงๆ ฝรั่งที่ดีๆ และลึกซึ้งในปรัชญาการเรียนรู้ที่ใช้ได้ทั่วไปเขาก็มี และที่ฉาบฉวยใช้ได้เฉพาะแห่งก็มี

 

แล้วทำไมจึงไปเลือกที่ตื้นๆมาใช้ทำไม หรือคิดว่าคนไทยโง่ ใช้ตื้นๆก็พอแล้ว (อันนี้มองแบบแง่ดีสุดๆ เลยครับ- แง่ร้ายกว่านี้คิดเอาเองครับ)

 

เอาละครับ ประเด็นที่ผมเห็นว่าดีมากทีเดียว ก็ได้มาจาก ลิ้งค์ ที่สรุปว่า

 
  •  ความรู้ที่เรียนมาในรูปแบบต่างๆ มักฝังลึกอยู่ในตัวคน จะสะท้อนออกมาในกระบวนการคิดและการทำงาน และมักไม่ออกมาในคำพูด
  • การเรียนรู้มาจากการแลกเปลี่ยนมากกว่าการเรียนด้วยตัวเอง
  • การเรียนรู้เกิดทั้งในระบบของการจดจำและความฝังใจ แต่ความฝังใจจะมีผลต่อการเรียนมากกว่า
  • คนเรียนรู้จากประสบการณ์ และการบอกเล่าแลกเปลี่ยนเพื่อสร้างความรู้
  •  คนจะเรียนรู้เมื่อมีเหตุผล และจำเป็นที่จะต้องเรียน
  • การทำจริงเป็นสิ่งที่ทำให้เราได้เรียนรู้อย่างแท้จริง มิเช่นนั้นก็เป็นเพียงการท่องจำคำต่างๆ ไปเล่าให้คนอื่นฟัง
  •  เราทุกคนมีวิธีการเรียนที่แตกต่างกัน และวิธีการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ มีทั้งกลุ่มที่หลีกเลี่ยงการใช้เทคโนโลยีแม้แต่โทรศัพท์ธรรมดา จนกระทั่ง ถึงกลุ่มคนที่ชอบใช้เทคโนโลยีแบบสุดๆ และมีคนที่ชอบแตกต่างกันกระจายตัวอยู่ระหว่าง ๒ ขั้วอย่างไม่มีกลุ่มใดมากกว่ากัน และนอกจากนี้ ยังมีเกณฑ์การแบ่งอีกหลายวิธี หลายเกณฑ์ที่หลากหลายมาก ที่ควรระวัง
 

เห็นไหมครับปรัชญาการจัดการความรู้ อย่างน้อยเท่าที่ผมถ่ายทอดมา ก็สอดคล้องกับวิธีที่คนไทยเราปฏิบัติอยู่แล้ว 

ไม่ต้องไป ลอกมาเราก็ปฏิบัติเป็นปกติอยู่แล้ว มีแต่ว่าเราจะเสริมให้ระบบเข้มแข็งกว่าเดิมได้อย่างไร

 

แล้วนักวิชาการ ผู้ทรงเกียรติ์ เขาไปคาบเอาคัมภีร์เล่มไหนมาหนอ ที่ไม่ตรงกับจริตคนไทย แล้วก็สรุปว่าคนไทยทำ KM ไม่ได้

 

มึนตึ้บ จริงๆครับ

เชิญอัด.... เอ้ย แสดงความเห็นได้ครับ

 

หมายเลขบันทึก: 70189เขียนเมื่อ 30 ธันวาคม 2006 10:29 น. ()แก้ไขเมื่อ 25 มีนาคม 2012 00:23 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (9)
  • ที่ท่านอาจารย์แสวง สรุปมานี่ตรงใช้ผมจริงๆ ครับ...
  • แต่ผมชอบ ประโยคที่เหน็บแนมนักวิชาการหลายคนบ้านเรานะครับที่ว่า "ฝรั่งนักวิชาการดีๆ เขาดูแลเก็บไว้ใช้บ้านเขา ปล่อยนักวิชาการตกเกรดให้มาช่วยงานบ้านเรา"
  • โถบ้านเรามีนักวิชาการเก่งๆ ทำไมไม่ใช้
  • ความจริงผมว่าบ้านเราคงไม่ได้ขาดนักวิชาการเก่งๆ หรอกครับ
  • แต่เราขาดนักจัดการความรู้ เพื่อไปใช้จัดการนักวิชาการเก่งๆ ต่างหากเล่าครับ..จัดการให้ทำงานเป็นทีม

สวัสดีค่ะท่าน   ดร. แสวง รวยสูงเนิน

  • ครูอ้อยมีความเห็นคล้อยตามในเรื่อง..คนไทยเรามีการจัดการความรู้มานานแล้วค่ะ
  • เรื่องเทคโนโลยี  มาทีหลัง  ทำให้คนไทยกลัวมัน
  • ก็เลยเหมาจ่ายว่า  KM จะไม่สำเร็จมั้งคะ  ท่าน

ขอบคุณค่ะ  เขียนเก่งจัง

ขอบคุณครับคุณ Beeman ครูอ้อย ที่มาเสริมให้

ผมพยายามต้านกระแส ฝรั่งนิยม ไม่ทราบจะไหวไหม

ไทยนิยม (ทำเริ่มจากความเป็นไทยไทย ไม่ปฏิเสธอาหารเสริม) จะไปรอดไหมครับ

หรือจะเริ่มจากฝรั่งดีครับ สู้ไม่ได้ก็เป็นทาสเขาซะเลย ให้รู้แล้วรู้รอดไป

  ไม่ต้องชวนก็ "อัด" อยู่แล้ว

แต่อัดในใจ เพราะวัฒนธรรมไทย

รักษาน้ำใจ แต่ ไม่ปราณีปราศัยน้ำตา

ถ้าน้ำเช็ดหัวเข่าแล้วเข้าใจKM.

ก็ยังนับคุ้มค่านะ  ท่านเล่าฮู

   มีเรือดีๆไม่ขี่ข้าม

ไปเอาเรือรั่วน้ำมาข้ามขี่

ราชการไม่ใช่งานคนดี

ไปเลือกแต่อัป..มาทำงาน

ปลาไหลอยู่ในตม   คนไทยใช้เหล็กแหลม

แทงเอาขึ้นมา  เป็นปลาไหลต้มเปรต

ผักในป่า  คนไทยใช้อยู่  ใช้กิน  ตลอดสิบสองเดือน

ปลาในหนอง  ในบึง  ในคลอง พี่น้องไทยสร้างเครื่องมือ  ถือลงน้ำ  ก็ได้ปลามากิน 

ถ้าจะคาบคัมภีร์  ควรคิดให้ดี     พี่น้องไทยได้อะไร

ปากคาบคัมภึร์ก็ไม่ต้องใช้สมอง

หรือไม่มีสมองจะใช้นะซี้......ฮ่วย

    ไม่ว่าอะไรๆที่ฝรั่งว่า ทำไปทำมา พบอยู่ในพุทธศาสนา แทบทั้งสิ้น .. มีของดีอยู่ในมือ ได้แต่ถือ  ไม่รู้จักใช้  อายเขามั้ยล่ะ !

อาจารย์พินิจครับ

ผมก็ว่าอย่างนั้นแหละครับ

ถึงบอกครับว่า ไม่มีอะไรในกอไผ่ แล้วทำไมพวกปากคาบคัมภีร์ถึงบูชาต่างชาติเป็นพระเจ้า และเยียบย่ำคนไทยล่ะครับ

พระชื่อดังทางเชียงใหม่ เคยเขียนไว้ในวัดว่า

"ไม่หลงของเก่า ไม่เมาของใหม่ เป็นหัวใจของการพัฒนา"

 

ทำไมไม่รู้กันบ้าง

ผมยังไม่เห็นแนวคิดอะไรเหนือศาสนาพุทธ ผมเลยไม่กลัวฝรั่ง และไม่เคยกราบฝรั่งแทนพระพุทธรูปเลยครับ

 

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท