ความน้อยใจของผู้เป็นแม่


น้อยใจ
ดิฉันขึ้นเวรจ่ายยาผู้ป่วยสุภาพสตรีสูงอายุท่านหนึ่งมารักษาโรคกระดูก  หลังส่งมอบยา อธิบายวิธีทานยาแต่ละรายการ  ท่านบอกลืมบ่อยๆ จึงแนะนำให้ลูกหลานช่วยเตือนจะได้ไม่ลืม เท่านั้นแหละ ดิฉันไปชี้ต่อมความน้อยใจที่ผู้ป่วยมีต่อลูกของท่านทันที่  ท่านน้ำตาคลอเบ้าบ่นลูกไม่รักอยากตาย  ดิฉันต้องคุยปลอบโยนอยู่นานกว่าจะสงบลง เล่นเอาดิฉันใจแป๋วไปเลย  ได้ขอเบอร์ท่านโดยรับปากที่จะโทรไปคุยด้วย  สภาพสังคมในปัจจุบันทำให้คนแก่ถูกทอดทิ้ง   ส่วนตัวดิฉันเลี้ยงลูกโดยให้ความรู้เพื่อจะเขาเติบโตเป็นคนดีของสังคมไม่เบียดเบียนผู้อื่นและช่วยตนเองได้ ก็ชื่นใจแล้วค่ะกับความเหนื่อยยากที่ผ่านมา ไม่รู้คนอื่นจะคิดเหมือนกันหรือไม่
หมายเลขบันทึก: 70134เขียนเมื่อ 29 ธันวาคม 2006 21:23 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 กุมภาพันธ์ 2012 16:53 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (3)

เคยโกรธลูกเหมือนกันค่ะ   แต่ต้องปรับใจเราเอง

  • เป็นเรื่องเศร้าที่ได้ยินก่อนวันปีใหม่
  • แต่มันก็เป็นปรากฏการณ์จริงในสังคมทุกเชื้อชาติ
  • ขอชื่นชมน้ำจิตน้ำใจของผู้เขียนที่ทำหน้าที่ได้เกินหน้าที่อย่างเอื้ออาทร..
  • สังคมควรจะมีเจ้าหน้าที่เช่นนี้เยอะ ๆ ครับ

 อ่านแล้วเข้าใจจิตใจของคนเป็นแม่นะคะ  ขอฝากลูกดีกว่าค่ะ สักวันเราก็ต้องแก่ ขอให้กลับไปดูแลพ่อแม่กันให้มากๆ เถอะค่ะ  เพราะคนที่รักเราที่สุดก็พ่อกับแม่นี่แหละค่ะ เอาใจใส่ท่านให้มากๆนะค๊ะ นึกถึงตอนที่เราเป็นเด็ก ท่านไม่ห่างหายคอยดูแลเฝ้าทะนุถนอม พอเราโตมาด้วยการงานที่มากมาย อาจจะทำให้ไม่มีเวลาดูแลท่าน ท่านก็เหงา ที่สำคัญค่ะเรื่องคำพูด  บางที่เราอาจจะใช้คำพูดที่แรง หรือเถียงท่าน ท่านก็อาจจะน้อยใจได้ ทางที่ดีควรพูดดีๆ ไม่เถียงท่าน เพราะปกติของผู้ใหญ่จะขี้บ่น นะค๊ะ เราก็ฟังท่านเฉยๆ พาท่านไปวัดไปทำบุญบ้างนะค๊ะ  ท่านจะได้ปลื้ม เวลาที่เหลือของท่านก็น้อยแล้วควรจะให้ท่านได้รับแต่ความสบายใจสุขใจดีกว่านะค๊ะ   หรือทางที่ดีที่สุดให้ท่านดูรายการธรรม ที่มีแต่เรื่องบุญกุศล เช่น รายการ DMC  ก็จะเหมือนวัดมาอยู่ที่บ้านเลยนะคะ

 

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท