ค่าเงินบาทในปี 49 ที่แข็งค่าขึ้นมากจากต้นปี อยู่ที่ 41 บาท/เหรียญสหรัฐ มาอยู่ที่ระดับ 36 บาท/เหรียญสหรัฐ หรือแข็งค่ากว่าระดับปกติถึง 14% แข็งค่ากว่าประเทศเพื่อนบ้านมาก ขณะที่แนวโน้มค่าเงินในเอเชียปี 50 นักวิเคราะห์หลายสถาบันคาดการณ์ว่าจะแข็งค่าขึ้นทุกสกุลโดยเฉพาะเงินหยวน ที่ ซิตี้กรุ๊ป ประเมินว่าหยวน ของจีนจะแข็งค่าถึงระดับ 7.330 หยวน/ดอลลาร์สหรัฐ ในสิ้นปี 50 และจะแข็งค่าขึ้นอีกเป็น 6.89 หยวน/ดอลลาร์สหรัฐ ในสิ้นปี 51 สอดคล้องกับ ฟิตช์ เรตติ้งคาดการณ์ว่าในปี 50 ทางการจีนจะปล่อยเงินหยวนแข็งค่าเร็วขึ้น ด้านเงินวอนของเกาหลีใต้ จะแข็งค่า ขึ้นไปอีกจากปีนี้ที่ทำสถิติแข็งค่ามากที่สุดในรอบ 9 ปี โดยแข็งค่าขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 928.3 วอน/ดอลลาร์สหรัฐ ส่วนเงินริงกิต ของมาเลเซีย คาดการณ์กันว่าปี 50 อาจจะแข็งค่าถึง 3.5 ริงกิต/ดอลลาร์สหรัฐ เช่นเดียวกันกับเงินสิงคโปร์มีแนวโน้มแข็งค่าขึ้นต่อเนื่องในปีหน้า หันมาดูเงินบาทของไทย แม้ว่าธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) จะให้ยาแรงออกมาตรการสกัดการเก็งกำไรด้วยการสั่งสถาบันการเงินกันสำรองเงินต่างประเทศ 30% และอาจจะใช้มาตรการดังกล่าวจนถึงกลางปี 50 แต่นักวิเคราะห์และผู้เชี่ยวชาญด้านการเงิน เห็นพ้องต้องกันว่าค่าเงินบาทต่อดอลลาร์จะอ่อนค่าลงแค่ไตรมาส 1 ปี 50 จากนั้นจะกลับมาแข็งค่าขึ้นอีก ในไตรมาส 2 และคาดว่าหากธปท.ไม่แทรกแซงจะทำให้ค่าเงินบาทแข็งค่ามาอยู่ที่ 30-35 บาท/ดอลลาร์
เงินบาทที่แข็งค่าขึ้นนั้นย่อมส่งผลกระทบกับการส่งออกอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ดังนั้นผู้ส่งออกต้องปรับโครงสร้างต้นทุนการผลิตและสร้างมูลค่าเพิ่มให้สินค้าส่งออกให้อยู่ในระดับที่แข็งขันได้ เพื่อให้สามารถฝ่าวิกฤตค่าเงินไปได้
ข่าวสด : 29 ธ.ค. 49
ไม่มีความเห็น