จากไข้หวัดนกจนถึงไข้หวัดน๊อก น๊อกชาวบ้านจนไก่ซึ่งเป็นอาหารโปรตีน คู่ชีวิตของชาวบ้านละลายไปกับนโยบาย X-Ray ทุกตารางนิ้ว ชาวบ้านก็ ต้องหันไป ซื้อไก่ ของฟาร์มใหญ่ ๆ ที่ได้โอกาสขึ้นราคาไก่และไข่ตามใจชอบจนร่ำรวยบนความทุกข์ยากของชาวบ้าน
วันนี้เหมือน "สวรรค์มีตา" ส่งผู้กล้าฉายา "นักวิชาการติดดิน อ.วนิดา และ อ .สวัสดิ์จากกรมปศุสัตว์ หอบหัวใจและความหวังมาเพื่อช่วยฟื้นกลับโปรตีนราคาถูกให้กลับมาอยู่กับชาวบ้าน
แนวคิดของการมาครั้งนี้เพื่อค้นหาวิธีการช่วยชาวบ้านในการสร้างอาหารโปรตีนราคาถูกจากการเลี้ยงไก่ไข่ พันธ์ใหม่ของไทย ขึ้นมาใช้ในการทดแทนไก่ไข่นำเข้าบางส่วน ซึ่งไก่พันธุ์นี้เลี้ยงง่ายและเลี้ยงได้ดีในโรงเรือนเปิดทั่วไป ภายใต้สภาพภูมิอากาศไทย โดยคัดเลือกเกษตรกรที่สนใจ เข้าร่วมโครงการที่มีความหวังในชีวิต ที่จะสร้างงาน สร้างอาหารให้กับตัวเองครอบครัวและชุมชนของเขา นอกจากนี้ยังไปสนับสนุนนักเรียนของโรงเรียนเม็กดำให้เลี้ยงไก่ไข่เพื่อการเรียนรู้และเป็นอาหารกลางวันด้วย
โจทย์ของงานนี้คือ เราจะทำนโยบายอย่างไรเกษตรกรรายย่อยจึงจะรอด "เพราะที่ผ่านมานโยบายของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ทำให้เกษตรกรไปอยู่ในกระทรวงแรงงาน ถ้ายังดำเนินนโยบายแบบเก่า ๆ เกษตรกรจะหมดไปจากประเทศไทย
ความหวังของโครงการนี้ (ลึก ๆ ในหัวใจ) คงจะได้เห็นเครือข่ายของชาวบ้านในแต่ละชุมชนร่วมกันสร้างงาน จากเลี้ยงไก่ไข่ ให้ครบวงจร ภายในชุมชนตั้งแต่ ผลิตลูกไก่ เลี้ยงไก่รุ่น เลี้ยงไก่ไข่ คนขายไข่ไก่ ตัวแทนซื้อขายอุปกร์และอาหารไก่ในชุมชนเอง มี ช่างไม้ ช่างเหล็ก ในการจัดทำอุปกรณ์เกี่ยวกับการเลี้ยงไก่ในชุมชน
นอกจากนี้ยังหวังไว้ว่า อบต.จะเข้ามามีส่วนเรียนรู้กระบวนการสร้างงานให้กับชุมชนและเชื่อมโยงกับ หน่วยงาน ของรัฐเพื่อลงมาช่วยเหลือชาวบ้านอย่างเต็มที่เพราะอบต.เองก็มีทั้งอำนาจและเงินที่น่าจะสามารถผลักดันกระบวนการสร้างงานให้กับชุมชนบนพื้นฐานการพึ่งตนเองและพึ่งพาตัวเอง
ถ้าทำได้จะดีมากเลยค่ะ
ต้องขายความคิดให้กับ อบต.ด้วยนะครับ
เพื่อเราจะได้ร่วมกันผลักดันให้ความฝันนั้นเป็นจริง
ขอบคุณครับ และขอให้มีความสุขกับปีใหม่นะครับ
ขอบคุณครับ
อุทัย
เรียน อาจารย์แสวงที่เคารพ(ตลอดกาล)
เรียนคุณ จันทรรัตน์
ขอให้สุขกายสบายใจในปีใหม่ ครับ
กลั๊วกลัว การลอกกากแนวคิดมาทำทั้งดุ้น
กิจกรรมอะไรที่ไม่เกิดจากเนื้อในของชุมชนเองยั่งยืนยาก ดูแต่สมัยที่พัฒนากรไปประกวดหมู่บ้าน แจกรางวัล แจกรถแทรกเตอร์
วันเจ้าหน้าที่มาตรวจ ชาวบ้านอดนอนมาคอยเก็บใบไม้ไม่ให้หล่นที่พื้นแม่แต่ใบเดียว รั้วบ้านทาสี ตบแต่งยังกะจัดงานพืชสวนโลก กรรมการก็หลับหูหลับตาตรวจให้รางวัลกันไป
พอผ่านไปปีเดียว หมู่บ้านที่ชนะการประกวดมีแต่ป้ายเก่าๆร่องแร่ง หาร่องรอยพัฒนาไม่เจอ
นี่คิดการพัฒนาในวัฒนธรรมของราชการ เดี่ยวนี้ก็ยังคิดยังทำอย่างนี้อยู่
ในนามของนักศึกษาต้องมองแล้วคิดแบบสายตาเหยี่ยว อย่าตื่นตูมกับข้อมูลดาด ดูเหตุผลเป็นหลัก ดูความเหมาะสม ความเป็นไปได้ ย้อนไปดู..ระดับ
ดูวัวให้ดูหาง ดูนางให้ดูแม่
ไม่ใช่ไปดูขาอ่อนสวมถุงไนหล่อนแล้วบอกว่า..ขาขาวๆยังพอไหว
เดี๋ยวก็ตกบันไดพลอยโจนไปกับข้อมูลเสมือนจริงเต็มรายงาน จะหยิกให้ก้นเขียวเชียวแกละ