ประเทศออสเตรเลียได้ดําเนินการปฏิรูปอุดมศึกษาอย่างขนานใหญ่ในช่วง 12 ปีที่ ผ่านมา และได้ดําเนินการอย่างเป็นจริงเป็นจังตั้งแต่ปี ค.ศ. 1987 โดยเริ่มจากการตีพิมพ์ เอกสารเพื่อประกอบการอภิปรายนโยบายอุดมศึกษา ซึ่งเรียกว่า Green Paper โดย Mr. John Dawkins รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการฯ ในขณะนั้น ตามด้วยการตีพิมพ์แถลงการณ์นโยบายอุดมศึกษา (White Parper) ในรูปของพระราชบัญญัติให้เงินอุดหนุน การอุดมศึกษา (Higher Education Funding Act 1988) วัตถุประสงค์ของการปฏิรูปในครั้งนั้นเพื่อพลักดันให้การอุดมศึกษามีประสิทธิภาพ ประสิทธิผลและตอบสนองได้โดย ตรงต่อความต้องการทางเศรษฐกิจของออสเตรเลีย
การปฏิรูปดังกล่าวได้ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างขนานใหญ่ในระบบอุดมศึกษาของออสเตรเลีย ซึ่งผลที่ได้รับที่สําคัญที่สุดอย่างหนึ่งคือทําให้เกิดการรวมตัวของสถาบันอุดมศึกษาจากเดิมที่มี 2 ระบบ คือ ระบบวิทยาลัยเทคนิคและอาชีวศึกษา กับระบบมหาวิทยาลัยเหลือเพียงระบบเดียว เรียกว่า ระบบเอกภาพแห่งชาติ (Unified National System) โดยสถาบันเกือบทั้งหมดใช้ชื่อเป็นมหาวิทยาลัย อันเป็นผลให้ปัจจุบัน ประเทศออสเตรเลียมีมหาวิทยาลัยรวมทั้งสิ้น 39 แห่ง ซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยรัฐ 37 แห่ง และมหาวิทยาลัยเอกชน 2 แห่ง กับวิทยาลัยอีก 4 แห่ง ได้แก่ Batchelor College, Australian Maritime College, Avondale College และ Marcus Oldham College
ผลของการปฏิรูปในช่วงนั้น ทําให้เกิดการถ่ายโอนอํานาจการบริหารมหาวิทยาลัยจากรัฐบาลกลางลงไปยังมหาวิทยาลัยต่าง ๆ มากขึ้น โดยมหาวิทยาลัยต้องเป็นฝ่ายรับผิดชอบการใช้งบประมาณอย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล ซึ่งผลจากการนี้ได้ก่อให้เกิดการ เปลี่ยนแปลงในวัฒนธรรมองค์กรของมหาวิทยาลัยต่าง ๆ กล่าวคือ มีความตระหนักใน เรื่องคุณภาพการเรียนการสอนมากขึ้น ขณะเดียวกันก็มีการพัฒนารูปแบบการบริหารไป ในแบบธุรกิจเอกชนมากขึ้น เพื่อให้มหาวิทยาลัยสามารถตอบสนองได้อย่างรวดเร็วต่อการเปลี่ยนแปลงในทางเศรษฐกิจและสังคมโดยที่ยังสามารถคงความเป็นอิสระทางวิชา การในอันที่จะกําหนดแนวทางการเรียนการสอนและการวิจัยเอาไว้ได้
A. การปฏิรูดมศึกษาในปลายทศวรรษ 1980
การปฏิรูปการบริหารจัดการอุดมศึกษาของออสเตรเลียตามแนวทางที่แถลงไว้ใน White Paper ของออสเตรเลีย เมื่อปี 1988 นั้น ได้เน้นให้มีการสร้างความแข็งแกร่งในการบริหารในระดับสถาบัน และได้เสนอแนะให้มีการลดขนาดขององค์กรระดับนโยบายของมหาวิทยาลัย ซึ่งได้แก่ สภามหาวิทยาลัย ซึ่งมหาวิทยาลัยต่าง ๆ ก็ได้มีการตอบสนองในระดับหนึ่ง
ในการปฏิรูปอุดมศึกษาดังกล่าวนี้ รัฐบาลของประเทศออสเตรเลียได้ดําเนินการช่วยเหลือสนับสนุน เพื่อให้มหาวิทยาลัยต่าง ๆ บรรลุเป้าหมายต่อไปนี้คือ (DEET,1993)สิ่งที่น่าสังเกตประการหนึ่งอันเป็นผลมาจากการปฏิรูปอุดมศึกษาของออสเตรเลีย คือการเพิ่มความแข็งแกร่งและบทบาทของสํานักงานอธิการบดี เป็นอย่างมาก นอกจากนั้นหลายมหาวิทยาลัยได้เพิ่มทั้งจํานวนและบทบาทของรองอธิการบดี โดยหลายแห่งมี บุคลากรในตําแหน่งรองอธิการบดีหรือผู้ช่วยอธิการบดีจํานวน 6 คน หรือมากกว่ายิ่งกว่านั้น หลังจากการปฏิรูปได้มีการสับเปลี่ยนหมุนเวียนบุคลากรในตําแหน่งผู้บริหารระดับสูงเหล่านี้ในระหว่างมหาวิทยาลัยต่าง ๆ บ่อยขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
แนวโน้มสำคัญอีกประการหนึ่งคือ ระบบอุดมศึกษาของออสเตรเลียกำลังก้าวไปสู่ระบบมหาวิทยาลัยมวลชนมากขึ้นเรื่อยๆ ในปี ค.ศ. 1998 ปรากฏว่า มีจํานวนนัก ศึกษาในมหาวิทยาลัยของรัฐในประเทศออสเตรเลียถึง 671,853 คน ซึ่งเพิ่มขึ้นเกือบเป็น 2 เท่าจากเมื่อ 15 ปีก่อนหน้านั้นนอกจากนี้ยังได้มีการถ่ายโอนอํานาจการบริหารจัดการลงไปยังระดับคณะ-ภาควิชาเป็นอย่างมากด้วย โดยให้แต่ละเป็นศูนย์ต่างหากจากกัน มีการเพิ่มอำนาจหน้าที่ความรับผิดชอบแก่คณบดีและหัวหน้าภาควิชา และมีการเปลี่ยนแปลงวิธีการได้มาซึ่งคณบดีและหัวหน้าภาควิชาจากวิธีเลือกตั้งมาเป็นการแต่งตั้งจากกระบวนการสรรหาเป็นส่วนใหญ่ สําหรับหัวหน้าภาควิชานั้นได้เพิ่มงานในหน้าที่รับผิดชอบอีกเป็นอันมาก เช่น ในเรื่องเกี่ยวกับการดูแลรับผิดชอบบุคลากร การจัดทํางบประมาณรายจ่ายและเพิ่มเงินรายได้จากภายนอก การรับนักศึกษา การประกันคุณภาพทั้งในด้านการเรียนการสอนและการวิจัย การประชาสัมพันธ์และการนํานโยบายต่าง ๆ ของมหาวิทยาลัยไปปฏิบัติ เป็นต้นB. การปฏิรูดมศึกษาในปลายทศวรรษ 1990
เมื่อเดือนมิถุนายน ค.ศ.1995 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการฯ (DEETYA) ของประเทศออสเตรเลียได้แต่งตั้งคณะกรรมการทบทวนการบริหารจัดการอุดมศึกษาขึ้น โดยมีนักบริหารธุรกิจชื่อ Mr. David Hoare ซึ่งเป็นประธาน Bankers Trust Australia ทําหน้าที่เป็นประธานคณะกรรมการชุดนี้
หน้าที่ความรับผิดชอบของคณะกรรมการดังกล่าวได้แก่ การสํารวจตรวจสอบและให้ข้อเสนอแนะในอันที่จะให้ออสเตรเลียมีภาคการอุดมศึกษาที่มีคุณภาพ ประสิทธิภาพ และประสิทธิผลสูง โดยพิจารณาถึงประเด็นใน เรื่องการบริหารจัดการและการตรวจสอบได้ ในหัวข้อดังต่อไปนี้อย่างไรก็ดี ยังไม่มีความชัดเจนเกี่ยวกับการนําข้อเสนอแนะจากรายงานของคณะกรรมการชุดนี้ไปใช้ในทางปฏิบัติโดยมหาวิทยาลัยแต่ละแห่ง แต่อาจกล่าวได้ว่าในปัจจุบันมีความเห็นพ้องกันในประเทศออสเตรเลียถึงความจำเป็นที่จะต้องผลักดันให้การปฏิรูปอุดมศึกษาดำเนินการไปอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ สามารถสรุปได้ว่า การปฏิรูปที่กําลัง ดําเนินอยู่ในประเทศออสเตรเลียในขณะนี้นั้น มีเป้าหมายสําคัญ 5 ประการได้แก่
C. การปฏิรูปวิชาการ
จากรายงานการสัมมนาร่วมระหว่าง สภาการอุดมศึกษา (Higher Education Council) และเสวนาวิชาการแห่งชาติ (National Academic Forum) ของประเทศออสเตรเลียเมื่อเดือนกรกฎาคม ค.ศ.1997 ซึ่งเป็นการสัมมนาที่จัดขึ้นเพื่อสนองตอบต่อข้อเสนอแนะในรายงานเฉพาะประเทศขององค์การความร่วมมือและพัฒนาการทางเศรษฐกิจ (Organization for Economic Co-operation and Development) เรื่อง “Thematic Review of the First Years of Tertiary Education Australia” ที่ประชุมได้ตั้งข้อสังเกตว่า “แม้ว่าระบบอุดมศึกษาของออสเตรเลียในขณะนี้จะมีความแกร่งกล้า และมีพลวัตจากการที่ได้ ผ่านการปรับเปลี่ยนอย่างขนานใหญ่มาแล้วช่วงหนึ่ง” และสถาบันอุดมศึกษาต่าง ๆ ก็ได้แสดงให้เห็นถึง “จิตวิญญาณของความสามารถที่จะปรับตัวในเชิงความเป็นผู้ประกอบการ” ก็ตามที แต่ก็ยังมีประเด็นพิจารณาที่เร่งด่วน ดังต่อไปนี้
จากประเด็นพิจารณาดังกล่าว ผู้เข้าร่วมการสัมมนาได้สรุปหัวข้อที่ควร ให้ความสําคัญเป็นพิเศษในด้านการปฏิรูปการเรียนการสอนของออสเตรเลียดังนี้
และปรับปรุงคุณภาพของการอุดมศึกษา
ผลของการศึกษาในครั้งนั้นได้ออกมาเป็นข้อเสนอแนะในการจัดตั้งกลไกการประกันคุณภาพและการประเมินมหาวิทยาลัยของออสเตรเลียที่ประสงค์จะเข้าร่วมในโครงการ ในปีค.ศ.1992 จึงได้มีการจัดตั้งคณะกรรมการประกันคุณภาพอุดมศึกษา (Committee for Quality Assurance in Higher Education) ขึ้น
ในปี ค.ศ.1995 กระทรวงศึกษาธิการของออสเตรเลียได้จัดการประชุม สัมมนาที่รู้จักกันในนามของ Eltham Symposium ในหัวข้อเรื่อง “การบริหารคุณภาพใน การเรียนการสอนของมหาวิทยาลัย” ขึ้นที่เมือง Eltham นครเมลเบิร์น เพื่อรวบรวมความเห็นของผู้เชี่ยวชาญด้านการจัดการและประกันคุณภาพ และเผยแพร่หลักการและแนวปฎิบัติที่เป็นตัวอย่าง (Best Practice)
ข้อสรุปที่สําคัญจากการประชุมสัมมนา Eltham Symposium นี้ ได้แก่นอกจากนี้ ได้มีความพยายามที่จะจัดทําแนวทางการประกับคุณภาพในด้านต่าง ๆ เช่น การพัฒนาและประเมินหลักสูตร การรักษาคุณภาพทางวิชาการและการติดตามตรวจสอบมาตรฐานในการเรียนการสอนชั้นบัณฑิตศึกษาและโครงสร้างการประกันคุณภาพในการเรียนการสอนที่อาศัยเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารโทรคมนาคมทั้งในมหาวิทยาลัยและนอกมหาวิทยาลัย เป็นต้น
ปัจจุบันการเรียนการสอนไม่เพียงแต่ถือกันว่าเป็นกิจกรรมหลักภายใน มหาวิทยาลัยเท่านั้น แต่ปรากฏว่ามีความพยายามอย่างมากที่จะปรับปรุงปัจจัยต่าง ๆ เพื่อ สนับสนุนการเรียนการสอน ได้แก่
D. การปฏิรูปการวิจัย
ออสเตรเลียได้เพิ่มการให้ทุนสนับสนุนจากภาครัฐในด้านการวิจัยและพัฒนามาก ขึ้น ในขณะที่รัฐบาลของประเทศ OECD ส่วนใหญ่ได้ลดเงินลงทุนในส่วนนี้ไป โดย ภาคอุดมศึกษาได้รับงบประมาณถึง 27 เปอร์เซ็นต์ของค่าใช้จ่ายการวิจัยและพัฒนาใน ช่วงปี 1994-1995 แสดงให้เห็นว่า รัฐบาลได้มุ่งเน้นให้สถาบันอุดมศึกษาเป็นหน่วยงานวิจัยและพัฒนาที่สําคัญของประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านการวิจัยพื้นฐาน
ภายใต้ทิศทางการปฏิรูปดังกล่าว การวิจัยและการเรียนการสอนที่มีการวิจัยในสถาบันอุดมศึกษาได้พัฒนาไปสู่ลักษณะที่มีการวางแผนและมีความเป็นมืออาชีพมากขึ้น มหาวิทยาลัยต่าง ๆ มีการเพิ่มความหลากหลายในการให้การศึกษาด้านการวิจัยโดยการ เปิดหลักสูตรที่มีรายละเอียดการเรียนเป็นส่วนประกอบ ใช้เทคนิคการศึกษาทางไกล และการชักนำให้นักศึกษาปริญญาโทและปริญญาเอกเข้าร่วมในโครงการที่มีความร่วมมือกับอุตสาหกรรม ทางเลือกที่เพิ่มขึ้นใหม่นี้ ทําให้เกิดการทํางานเป็นทีม และเป็นการเปิดมหาวิทยาลัยสู่อุตสาหกรรมและเพิ่มมิติของการประยุกต์ให้กับการวิจัยมากขึ้น
มหาวิทยาลัยหลายแห่งได้มีการกําหนดยุทธศาสตร์การวิจัยโดยมุ่งเน้นสาขาที่ตนมีความเข้มแข็ง และจัดสรรทรัพยากรเพื่อสนับสนุนสาขาเหล่านั้น รัฐบาลกลางออสเตรเลียได้ส่งเสริมและสนับสนุนโดยตรงให้มีการขยายตัวของความร่วมมือในด้านการวิจัย โดยผ่านโครงการต่างๆ ที่เชื่อมโยงมหาวิทยาลัยต่างๆ ยังมีการร่วมงานเพิ่มขึ้นกับประชาคมและภูมิภาคที่มหาวิทยาลัยตั้งอยู่ รวมทั้งร่วมมือกับองค์การที่
ร่วมปฎิวัติการศึกษาเพื่อความเป็นไท