ความฝัน ความหวัง และความจริง


“หนูเก่งจริง ๆ หนูสามารถเอาชนะคนอีกหลายพันคนได้”

 “นี่นก คุณช่วยเอานวนิยายน้ำเน่าไร้สาระของคุณวัฒนา ภูพาน ไปให้เขารีไรต์ใหม่นะ ผมฟังเรื่องจากเทปที่คุณบันทึกมาให้ตอนจบรู้สึกว่าเรื่องราวมันจะแฮปปี้เกินไป  เขาไม่รู้หรอว่นิตยาสารเราไม่รับเรื่องสั้นประเภทนี้”
 “ค่ะ บก.”
 ผมนั่งครุ่นคิดอยู่เงียบ ๆ ปล่อยตัวให้เอนหลังไปกับพนักเก้าอี้ที่หุ้มด้วยผ้ากำมะหยี่สีแดงสด  ทำไมนะนักเขียนรุ่นใหม่ถึงชอบเขียนเรื่องไร้สาระน้ำเน่าแบบนี้เพิ่มขึ้นทุกวัน  ผมตั้งคำถามกับตัวเอง  หรืออาจเป็นไปได้ว่าโลกแห่งความจริงมันเลวร้ายมากเกินกว่าที่ผู้คนในสังคมจะรับได้  สังคมแห่งการแข่งขันในทุก ๆ ด้านแม้แต่กับตัวเองเราก็ยังต้องแข่งกับมันเอง  จึงต้องมีไอ้วรรณกรรมประเภทนี้ผลุดขึ้นมาดังดอกเห็ดเพื่อดึงคนอ่านออกจากชีวิตจริง
 แต่สำหรับผมแล้วอาชีพนักเขียนก็เปรียบเสมือนกระจกเงาที่คอยสะท้อนภาพแห่งความจริงให้คนได้มองเห็นแต่ถ้าหากวันใดกระจกเงาบกพรองต่อหน้าที่ผู้คนก็คงจะไม่รู้ว่าสภาพแห่งความจริงมันเป็นอย่างไร
 กริ๊ง ๆๆๆ  “นกรับโทรศัพท์หน่อย”

 

ผมรีบพลิกตัวไปในทิศทางของเสียงที่ดังแล้วเอื้อมมือไปกดปุ่มบนหัวของนาฬิกาปลุกตุ๊กตาหมีที่เพื่อนสมัยเรียนอยู่มหาวิทยาลัยซื้อให้เป็นของขวัญวันเกิดเมื่อสี่ปีก่อน  ภายใน
ห้องสี่เหลี่ยมเล็ก ๆ เงียบลงทันทีมีเพียงเสียงกุก ๆ กัก ๆ และเสียงคนคุยกัน ต่ำ ๆ ดังลอยมาจากห้องข้าง ๆ
 นี่มันคงเป็นเวลาเช้าแล้วเรื่องราวต่าง ๆ ที่ได้ผ่านพบในโลกแห่งจินตนาการเมื่อคืนนี้  ผมทำได้แค่เพียงกองมันรวมไว้กับผ้าห่มแล้วพับมันอย่างรวก ๆ วางไว้บริเวณปลายเตียง  ก่อนที่ผมจะเหยียดแขนทั้งสองข้างชูขึ้นไปเหนือศรีษะแล้วบิดลำตัวสักสองสามทีพอให้ร่างกายมันเข้าที่  หลังจากนั้นผมเอื้อมมือไปหยิบเอารีโมททีวีตรงที่ผมวางไว้เป็นประจำแล้วเปิดช่องที่มีรายการที่ผมชอบฟังเป็นประจำ  เสียงชายคนหนึ่งซึ่งเป็นผู้ดำเนินรายการกำลังพูดถึงประเด็นข่าวที่ฮือฮากันเมื่อวานนี้ 
”สุดยอดคนเก่งเด็กนักเรียนตาบอดจากภูธรฝ่าด่านสอบเอ็นทรานซ์เธอสามารถแย่งพื้นที่นั่งเรียนกับเด็กปกติอีกหลายพันคนที่เลือกนิติศาสตร์ มหาลัยนี้ได้ได้”
 ชายผู้ดำเนินรายการพูดด้วยน้ำเสียงอันตื่นเต้นแฝงไปด้วยความยินดีกับประเด็นข่าวที่เขานำเสนอ  เหตุการณ์นี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่เกิดขึ้นมีข่าวอย่างนี้ออกตามหน้าหนังสือพิมพ์วิทยุและโทรทัศน์เกือบ ๆ จะทุกปีเมื่อมีการประกาศผลสอบเอ็นทรานซ์  มันคงจะเป็นเพราะร่างกายของเขาหรือเธอเหล่านั้นไม่สมประกอบแต่สามารถเอาชนะความบกพร่องทางร่างกายซึ่งเป็นอุปสรรคสำคัญอย่างยิ่งกับการดำเนินชีวิตประจำวันและที่สำคัญเขาและเธอเหล่านั้นสามารถเอาชนะผู้ที่มีร่างกายครบสามสิบสองมันทำให้ผมคิดถึงเหตุการณ์เมื่อห้าปีก่อนและจนถึงทุกวันนี้เรื่องราวต่าง ๆยังฝังรากลึกอยู่ในใจของผมตลอดเวลา

เช้าของวันประกาศผลสอบเอ็นทรานเซ์เข้ามหาวิทยาลัยแม่กรี๊ดเสียงสุดขึดดังมาจากชั้นล่างของบ้านตามมาด้วยเสียงอื้ออึงของใครไม่รู้อีกหลายคนเป็นสัญญาณปลุกธันวาลุกขึ้นจากที่นอนอันแสนนุ่มในวันนี้เสียงใครบางคนเดินขึ้นบันใดดังกุ๊ก ๆ ด้วยฝีเท้าที่เร่งรีบเดินตรงมาในทิศทางห้องนอนของผมเสียงเคาะประตูห้องดังถี่ยิบ
“ธัน ตื่นยังลูกแม่มีข่าวดีมาบอก” แม่พูดด้วยน้ำเสียงละล่ำละลักพร้อมกับเปิดประตูเดินมาที่ข้างเตียงแล้วนั่งลงที่ข้างเตียง
”ธันสอบติดอักษรฯ” คราวนี้แม่พูดทั้งน้ำตาพร้อมกับเอามือมาลูบที่หัวผม
“ลูกเก่งมากที่ลูกทำได้  แต่แม่ก็ไม่หวังอะไรกับลูกมากมายหรอก  แม่หวังแค่ว่าลูกจะเอาตัวรอดได้ในสังคมทุกวันนี้ก็พอ”
เช้าวันนี้เป็นเช้าที่พิเศษที่สุดในชีวิตของผม  ตอนแรกผมแทบไม่เชื่อหูตัวเองกับเรื่องราวที่แม่บอก  เสียงโทรศัพท์ดังมาไม่ขาดสายเพื่อน ๆ ที่โรงเรียนต่างก็โทรมาแสดงความยินดีตลอดช่วงเช้า  พอตกช่วงบ่ายบรรดาสื่อมวลชนต่างก็กรูกันมาที่บ้านของผม  ทั้งพ่อและแม่ต่างก็สารวนกับการต้อนรับแขกมากหน้าหลายตาคล้าย ๆ กับว่าวันนี้ที่บ้านมีปาร์ตี้กันงันแหละ  แขกบางคนผมก็เคยรู้จักแต่บางคนผมก็พึ่งเคยรู้จักก็วันนี้แหละ  แต่ทุกคนต่างก็มาด้วยจุดประสงค์อันเดียวกันคือการแสดงความยินดีกัยผมและพร้อมที่จะช่วยเหลือในสิ่งต่าง ๆ ที่ผมขาดกันทั้งนั้น
เช้าวันรุ่งขึ้นข่าวการเอ็นติดอักษรฯมหาวิทยาลัยชื่อดัง ของผมก็ไปปรากฏอยู่ในทีวีทุกช่อง  หนังสือพิมพ์ทุกฉบับต่างก็พาดหัวกันครึกโครมมันทำให้ผมรู้สึกประหลาดใจระคลกับความตื่นเต้นพร้อมตั้งคำถามในใจกับตัวเองว่า  ถ้าหากว่าเราเอ็นไม่ติดเราจะตกเป็นข่าวอย่างนี้ไหม  สังคมจะเพ่งเล็งเราอย่างนี้หรือเปล่า  มันเป็นคำถามที่ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะหาคำตอบให้ตัวเองได้จากที่ไหน
วันพรุ่งนี้สามโมงเช้าก็ต้องไปรับทุนที่กองสลากอีก  ได้ยินแม่ว่าคนใหญ่คนโตของบ้านเมืองก็จะไปที่นั่นด้วย
งานพิธีมอบทุนถูกจัดขึ้นในห้องประชุมของกองสลากก้าวแรกที่ผมเดินขึ้นไปบนเวทีความรู้สึกตื่นเต้นมันยิ่งทวีคูณขึ้นเรื่อย ๆ ทุกคนในห้องประชุมเพ่งความสนใจมาที่ผมเสียงปรบมือดังกึกก้องไปทั่วห้องประชุม  บรรดาช่างภาพสื่อมวลชนต่างก็พากันถ่ายรูปผมกันซะยกใหญ่  พิธีกรบนเวทีเริ่มดำเนินรายการ  มีผู้ใหญ่หลายท่านทั้งภาครัฐและเอกชนต่างก็ขึ้นมามอบทุนให้กับผมพร้อมกับเอามือลูบที่หัวผมเบา ๆ เป็นการแสดงความเมตตาเอื้ออาธร  ทุกท่านที่ขึ้นมามอบต่างก็จะพูดเป็นประโยคเดียวกันว่า
“หนูเก่งจริง ๆ  สุดยอด  ทุกคนเอาใจช่วยหนูนะ เรียนให้ได้ใบปริญญา  แล้วมีงานทำดี ๆนะ”
พอพิธีรับมอบทุนเสร็จแม่ก็พาผมมานั่งเก้าอี๊ด้านหน้าเวที  ผมวางมือด้านขวาไว้ที่พนักเก้าอี้  มือใหญ่ ๆ อวบอูมของใครก็ไม่รู้มาสัมผัสที่หลังมือของผม  ผมสัมผัสถึงไออุ่นจากมือของใครคนนั้นทำให้ผมรู้สึกคลายความตื่นเต้นลงไปบ้าง
“ลุงชื่อยศนะ เป็นเจ้าของสำนักพิมพ์บ้านกลางไพร หนูรู้จักไหม” เขาถามด้วยน้ำเสียงอันนุ่มนวล
“รู้จักครับสำนักพิมพ์ที่พิมพ์นิตยาสารแวดวงนักเขียน ผมติดตามทุกฉบับเลยครับ”
ผมตอบด้วยน้ำเสียงอันตื่นเต้นขึ้นมาอีกครั้งหนึ่งเมื่อได้ยินเจ้าของมือนั้นแนะนำตัว  นี่คือเจ้าของนิตยาสารแวดวงนักเขียนตัวจริงหรือนี่  นิตยาสารที่ผมเฝ้าให้ใครต่อใครอ่านให้ผมฟัง  
“หนูเก่งจริง ๆ หนูสามารถเอาชนะคนอีกหลายพันคนได้”
“ขอบคุณครับ” ผมตอบด้วยน้ำเสียงอันแจ่มใส
“เรียนจบแล้วหนูอยากจะทำงานอะไรหละ  คิดไว้หรือยัง” ขายิงคำถามที่โดนใจผมมากที่สุดเลยในขณะนั้น
“คิดไว้แล้วครับ แต่ไม่รู้ว่าเขาจะรับหรือเปล่า” ผมตอบด้วยท่าทีที่ลังเลทั้ง ๆ ที่ใจจริงแล้วผมอยากจะตอบออกไปว่าอยากจะทำงานในสำนักพิมพ์ของลุง
“เขาต้องรับสิ เพราะหนูเป็นคนเก่ง ใคร ๆ เขาก็อยากจะได้คนเก่ง ๆ ไปทำงานด้วยแน่นอนลุงเชื่ออย่างนั้น”
“เออแล้วถ้ามีอะไรจะให้ลุงช่วยก็บอกนะ  เบอร์โทรลุงฝากเอาไว้กับแม่หนูแล้ว  หรือจะไปหาที่สำนักพิมพ์ก็ได้นะ”
“ขอบคุณครับ” ผมยกมือไหว้ด้วยหัวใจที่เริงร่า


ชายผู้ดำเนินรายการยังพูดถึงประเด็นข่าวนี้อยู่  ผมหยิบรีโมทขึ้นมาแล้วกดปุ่มปิดทันที  ผมเบื่อที่จะฟังข่าวอย่างนี้ข่าวที่นำเสนอสังคมจอมปลอมสังคมที่ทุกคนต้องสวมหน้ากากเข้าหากัน  ผมกดนาฬิกาที่ข้อมือด้านซ้ายเพื่อเช็คเวลาที่ผมจะออกไปทำงานแล้ว
ผมลุกขึ้นจัดระเบียบร่างกายให้มันดูเรียบร้อยในสายตาคนอื่นแล้วเอื้อมมือด้านขวาคว้าเอาไม้เท้าคู่ชีพ  มือด้านซ้ายควานหากระเป๋าที่ใส่ล็อตเตอร์รีแล้วเดินออกจากห้องไป

---------------

 

 

 

 

หมายเลขบันทึก: 69726เขียนเมื่อ 27 ธันวาคม 2006 16:17 น. ()แก้ไขเมื่อ 7 มิถุนายน 2012 16:26 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (11)
เก่งแล้วนะคะ หนุ่ย พยายามต่อไป แต่อย่างที่พี่บอกแหละค่ะ "Blog เรื่องเล่าเร้าพลัง" จ้ะ //น่าจะถอดออกมาจากประสบการณ์จริงนะคะ // พี่เชื่อว่า หนุ่ยมีประสบการณ์และความสำเร็จเยอะค่ะ ไขมาเล่า เพื่อ ลปรร ต่อไปนะคะ
แหม เบื้องหลังความสำเร็จและการได้เปิดกะลามาจากพี่หนิงนี่เอง
ก้าวแรก เหมือนการแสวงหาทางที่เหมาะสมในการก้าวเดิน

บันทึกแต่ละเรื่อง แต่ละคน แต่ละรูปแบบ มักจะแฝงหลายสิ่งหลายอย่างไว้เสมอ
เรื่อง ความฝัน ความหวัง และความจริง มีเสน่ห์ที่น่าสนใจอย่างหนึ่ง ที่สามารถจะเขียนได้อย่างต่อเนื่อง และสร้างแฟนคลับที่ติดตามประจำให้เข้ามาอ่านได้อย่างต่อเนื่อง

เรื่องลักษณะนี้ ผู้ใหญ่อาจจะไม่รู้สึกตื่นเต้นมากนัก แต่กลับเป็นเรื่องที่คนวัยใกล้ๆกัน ชอบอ่านมากที่สุด

นายบอนอ่านแล้วยังชอบเลย จนต้อง เก็บเข้าแพลนเน็ต ทันที

ที่พี่หนิงว่า น้องหนุ่ยมีประสบการณ์และความสำเร็จเยอะ รูปแบบการเขียนของหนุ่ยในแบบนี้ น่าสนใจมากครับ

ไม่ว่าจะเล่าเรื่องอะไร.. ในสไตล์ของหนุ่ย ย่อมน่าสนใจทั้งนั้น

การมีเอกลักษณ์ของตัวเอง สำคัญที่สุด
  • ขอบคุณค่ะ  ที่นายบอนแวะมาเยี่ยมเยียนให้กำลังใจน้อง ^__*    อ่านแล้วเสมือนว่า  พี่หนิงแก่เองเนอะ  เลยไม่ค่อยเข้าใจเด็กแนว 555
  • น้องหนุ่ย ก็คือ นิสิตที่ได้เข้าเฝ้ารับประทานรางวัล  ชนะเลิศในการประกวดเรียงความ  เนื่องในวันคนพิการ ปี 2549 นี้ไงคะ
อ้อ งั้นเชิญน้องหนุ่ยมาชำระหนี้สิน ส้มตำด้วยกันเลยครับ

น่าจะสักวันเด็ก นายบอนจะไปปรากฏตัวนะครับ

ยินดีอย่างยิ่งค่ะ  เพราะตอนนี้น้องหนุ่ยฝึกงานอยู่ที่ DSS@MSU อ่ะค่ะ  แต่วันที่ 11-12 มกราคม น้องไม่ว่างนะคะ  เห็นมีหนังสือจากทางภาควิชาฯ มาขอให้กลับไปประชุม อ่ะค่ะ

งั้นค่อยหาฤกษ์งามยามดีอีกทีนะครับ ถ้านายบอนแวะไปมาเปิดอ่านบันทึกละกันว่า นายบอนจะเขียนว่ายังไง 5555

ไม่ว่าจะเป็นน้องหนุ่ย หรือ น้องเสาวนีย์  สีสอง
หรือ คนอื่นๆก็ชวนมานะครับ หรืออาจจะเสาร์ อาทิตย์ก็ได้ ก็น่าจะดี...

นายบอนจะได้เขียนบันทึกในแบบ ซีรีส์ (เล่าเป็นชุด เขียนหลายตอน) แบบที่ำตอนนี้กำลัง เขียน ซีรีส์ครูอ้อย
เฉียดๆ 50 บันทึกแล้วนะครับ
  • แวะมาให้กำลังใจ และหอบกำลังใจเต็มล้นมาฝากนะครับ
  • ลีลาบ่งชัดว่าเป็นนักเล่าเรื่องที่ดี  และเก่งกาจเกินตัว รวมถึงเก่งกว่าผมเลยนะเนี่ย
  • ดูเป็นบันเทิงคดีมาก ..แต่ถ้านำเสนอให้สมจริงกว่านี้จะเป็นประโยชน์ต่อสาธารณะยิ่งขึ้น
  • โลกไม่โหดร้ายและเลวร้ายเสมอนะ...เนื้อหาดูหม่นเศร้าไม่น้อย  แต่ก็เข้าใจว่าในโลกของการแข่งขันก็ย่อมทิ้งร่องรอยผื่นแผลไว้กับผู้ต้องชะตากรรมนั้น ๆ อย่างเลี่ยงไม่ได้
  • โลกแห่งความจริงมันเลวร้ายมากเกินกว่าที่ผู้คนในสังคมจะรับได้  สังคมแห่งการแข่งขันในทุก ๆ ด้านแม้แต่กับตัวเอง
  • แน่นอนครับ ที่สุดแล้ว เราก็แข่งขันกับตัวเราเองนั่นแหละ แต่ก็อย่าเพลินตกเป็นทาสผลของการแข่งขั้นนั้น ๆ นะครับ
  • สรุปก็เยี่ยมครับ ,,,
  • ขอต้อนรับเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในเวทีแห่งการเรียนรู้แห่งนี้

ผมนำ blog > nuinakrab เข้าสู่ planet ของ MSUKM เรียบร้อยแล้วครับ

 

เขียนได้ตื่นตาตื่นใจมากครับ

  • ขอแนะนำนิดๆนะครับตามประสาคนความรู้น้อย
  • ขอแนะนำเรื่องวรรคตอน ย่อหน้านะครับ
  • อยากให้ละเมียดละมัย ในการจัดหน้าหน่อย
  • รับรองเพิ่มความน่าสนใจให้บทความได้มากเลยครับ
  • ขอบคุณที่รับฟังครับ

ขอบคุณครับสำหรับ คำติและคำชมผ่านตัวอักษรของท่านผู้อ่านทุกคน ทุกข้อความของท่าน คือกำลังใจให้ผมได้ยืนอยู่บนเวทีแห่งนี้ และยืนหยัดในโลกแห่งความเป็นจริงใบนี้ 

  • ทำไมน้องหนุ่ยเงียบหายไปนานมากแล้วนะนี่
  • พี่ออยคิดถึงนะ
  • รออ่านผลงานน้องหนุ่ยอยู่นะจ๊ะ
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท