เมื่อวันที่ 26 ธันวาคม 2549 กองกิจการนิสิต มมส โดยกลุ่มงานสวัสดิการนิสิต ได้จับมือองค์กรภาครัฐและชุมชนอำเภอกันทรวิชัยจัดโครงการ "เครือข่ายชุมชนกันทรวิชัยร่วมใจป้องกันอุบัติภัยจราจร" (ภาคนิสิต นักศึกษา นักเรียนและประชาชน) ณ อาคาร 100 ปีสมเด็จพระศรีนครินทร์ (คณะพยาบาลศาสตร์)
(ภาพผู้เข้าร่วมจากหน่วยงานภาครัฐและชุม ทั้ง ม.มหาสารคาม สภอ.กันทรวิชัย ผู้แทนชุมชนจาก อบต.ขามเรียง อบต.ท่าขอนยาง อบต.เขวาใหญ่ และนิสิต นักศึกษาในพื้นที่อำเภอกันทรวิชัย)
ชุมชนน่าอยู่ : สร้างวินัยจราจร สัญจรร่วมทางอย่างมีมิตรภาพ
ผมมีโอกาสเข้าร่วมในฐานะเป็น "ผู้ริเริ่ม" กิจกรรมนี้ไว้เมื่อหลายเดือนที่ผ่านมา แต่ในงานกลับต้องทำหน้าที่เป็นทั้งพิธีกรและวิทยากร ซึ่งในเจตนาที่ตั้งไว้ต้องการสร้าง "เครือข่ายการลดอุบัติเหตุจราจร" ให้เกิดขึ้นในพื้นที่ตั้งของมหาวิทยาลัยที่รายรอบด้วยชุมชน (ดั้งเดิม) จำนวนมาก อันเนื่องจากปัจจุบันแนวโน้มการเกิดอุบัติเหตุในชุมชนที่ มมส ตั้งอยู่มีสูงขึ้น ถี่ขึ้น และเรียกได้ว่าเกิดอุบัติเหตุแทบทุกวัน ยังการสูญเสียชีวิตและทรัพย์สินของนิสิตและประชาชนผู้สัญจรเส้นทางอย่างต่อเนื่อง
ณ ตอนที่คิดกิจกรรมนี้ผมต้องการรณรงค์ป้องกันและลดอุบัติเหตุจราจรในชุมชนนี้ เพื่อให้เป็นชุมชนแห่งความรู้ เป็น "ชุมชนน่าอยู่" มีวินัยจราจรและมีน้ำใจและวัฒนธรรมที่ดีในการสัญจรเส้นทางร่วมกัน จึงได้นำ "ชุมชน" เข้ามามีส่วนร่วมในการรณรงค์ขับเคลื่อน ผ่านยุทธศาสตร์การศึกษา (Education) ให้ความรู้ความเข้าใจในเรื่องจราจร โดยมีวิทยากรจาก สภอ.กันทรวิชัย เป็นผู้บรรยายให้ความรู้ รวมถึงการร่วมเสวนาร่วมระหว่างประชาคมในชุมชน การอบรมและฝึกปฏิบัติการปฐมพยาบาลช่วยผู้ประสบภัยจากกรณีต่าง ๆ ด้วยสถานการณ์จำลอง โดยวิทยากรจากโรงพยาบาลมหาสารคาม เพื่อให้ชุมชนมีความรู้และทักษะการพยาบาลเบื้องต้นในจุดเกิดเหตุ อันเป็นช่วงสำคัญก่อนนำผู้ป่วยส่งโรงพยาบาล รวมถึงการนำความรู้ไปต่อยอดสู่ผู้อื่น
นอกจากนี้ยังรวมถึง การลงแรงระดมแนวคิดเกี่ยวกับการสร้างวัฒนธรรมกรใช้ถนนอย่างมีมิตรภาพ ช่วยเหลือเกื้อกูลกันและกัน ขณะที่มหาวิทยาลัยก็มีรถพยาบาลฉุกฉินพร้อมออกให้บริการ 24 ชั่วโมง
สำรวจจุดเสี่ยง : โดยชุมชนเพื่อชุมชน
ไม่เพียงยุทธศาสตร์ทางการศึกษาเท่านั้นที่นำเข้าสู่กิจกรรมครั้งนี้ กระบวนการอันเป็นยุทธศาสตร์วิศวกรรมสำรวจพื้นที่และสร้างเครื่องหมายจราจร (Engineering) ก็เป็นเป้าประสงค์หลักที่เรามุ่งหวังให้ชุมชนได้ทำการลงมือ "สำรวจจุดอันตราย" โดยชุมชน (community Approach) หรือสิ่งแวดล้อมระดับท้องถิ่น (Local Level) ที่เป็นปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนน และจากการนำเสนอของชุมชนก็เป็นที่ "น่าสังเกต" ว่าจุดที่ถูกนำเสนอนั้นตรงกับข้อมูลของจังหวัดที่ระบุเป็น 3 ใน 8 หลักของการเกิดอุบัติเหตุใน จ.มหาสารคาม และสถิติอุบัติเหตุในชุมชนกันทรวิชัยก็สูงจนน่าใจหาย จะด้วยจำนวนประชากรที่หลากหลายและหลายหลากวัฒนธรรมการใช้รถ หรือขาดสำนึกทางวินัยจราจรก็ล้วนเป็นประเด็นที่นำมาวิพากษ์ในเวทีครั้งนี้
ที่สำคัญ..ที่เหลือหลังจากนี้ มหาวิทยาลัยจะได้ลงพื้นที่ดูสภาพจริงของ "จุดเสี่ยง/จุดอันตราย" ในชุมชนที่ถูก "ค้นพบ" โดยกระบวนการของชุมชนเอง เพื่อจัดทำข้อมูลอย่างเป็นรูปธรรมขับเคลื่อนสู่กระบวนการที่เหลือ
และก่อนหน้าที่จะมีการนำเสนอข้อมูลเกี่ยวกับจุดเสี่ยงนั้น ก็เปิดเวทีสะท้อนปัญหาที่ก่อให้เกิดอุบัติเหตุบนท้องถนน โดยอาศัยข้อมูล "ภาคสาธารณะ" (ชุมชน) รวมกับประสบการณ์ชีวิตและปรากฎการณ์จริงที่เกิดขึ้นในชุมชนเป็นที่ตั้ง มิใช่ใช้ระบบคิดและระบบสังเกตการณ์จากมุมมองของ "นักวิชาการ" ไปวิเคราะห์และนำเสนอ
"ชาวบ้านยังย้ำว่า เมาแล้วขับคือปัจจัยหลักที่นำไปสู่การเกิดอุบัติเหตุในชุมชนกันทรวิชัย" ทั้งที่เป็นนิสิต นักศึกษา นักเรียน รวมถึงพี่น้องชาวบ้านด้วยเช่นกัน และพบอยู่บ่อยครั้ง ซ้ำร้ายมิใช่พบเห็นตามเทศกาลสำคัญ หากแต่พบอยู่ทุกสัปดาห์เลยก็ว่าได้
เครือข่ายชุมชน : การเริ่มต้นป้องกันและแก้ไขปัญหา
กิจกรรมครั้งนี้ยังไม่มีการลงนามข้อตกลง "เครือข่ายชุมชนกันทรวิชัยร่วมใจป้องกันอุบัติภัยจราจร" แต่ก็ถูกกำหนดแผนแล้วว่าหลังการลงพื้นที่ดูจุดเสี่ยงแล้วจะนำเข้าสู่เวทีกันอีกครั้ง และเป็นเวทีแห่งการจัดตั้ง "เครือข่าย" เพื่อขับเคลื่อนอย่างจริงจังและต่อเนื่องในทุกภาคฝ่าย ขณะที่บางตำบล หรือบางหมู่บ้านได้ตั้งด่านภายในหมู่บ้านขึ้นมาบ้างแล้ว "ตรวจเข้มไม่ให้คนเมาขับรถเข้าหมู่บ้าน และห้ามคนเมาขับรถออกจากหมู่บ้าน" !!!!
บางที่เรียกยุทธวิธีนี้ว่า "เวรยามหมู่บ้าน" สกัดกั้นและป้องกันอุบัติเหตุและความไม่สงบเรียบร้อย...
ขณะที่มหาวิทยาลัยก็เคยมุ่งมั่นอยู่ช่วงหนึ่งกับกระบวนการตรวจเข้มถนนสีขาว เป็นเส้นทางที่ให้ผ่านเฉพาะผู้ขับขี่ที่สวมหมวกฯ และคาดเข็มขัดนิรภัย ทำให้นิสิตหลายคน รวมถึงอาจารย์ต่างก็ต้องจอดรถและเดินเท้าไปเรียนและไปสอนมาพักใหญ่
กิจกรรมเช่นนี้ จำเป็นต้องใช้เวลาในการดำเนินการอย่างจริงจังและต่อเนื่อง แต่เราและเราทั้งหลายก็ไม่เคยสิ้นหวังที่จะหยุดทำ และมีความมั่นใจว่าอีกไม่ช้าเครือข่ายที่ว่านี้จะเริ่มต้นขึ้นในเร็ววันอันใกล้นี้
ในฐานะการเป็นสถานศึกษาก็ยิ่งต้องใช้ยุทธศาสตร์การศึกษาเป็นตัวขับเคลื่อนทั้งต่อนิสิตและชาวบ้านเพื่อให้ชุนชนนี้เป็นชุมชนน่าอยู่ ไม่มีการสูญเสียชีวิตและทรัพย์สินจากอุบัติเหตุบนท้องถนน และถึงมีก็เป็นเพียงส่วนน้อยเท่านั้น