ปรัชญา KM : ไม่มีอะไรยาก มีแต่รู้กับไม่รู้


ความรู้ใดที่จะต้องเอามาใช้ตอนไหน หรือความรู้ใดผสมกับความรู้ใดจึงจะได้ความรู้ที่เราต้องการ หรือแต่ละขั้นตอนการทำงาน เราจะต้องใช้ความรู้ใดก่อนหลัง จึงจะเกิดผลดีที่สุด และความรู้เหล่านั้นใช้ได้ในสภาพแวดล้อมใด โดยใคร และต้องมีทรัพยากรอะไรบ้าง จึงจะทำให้ความรู้นั้นใช้ได้อย่างจริงจัง

 คำๆนี้ผมได้มาจากรายการเกมเศรษฐี โดย คุณไตรภพ ลิมปพัทธ์ ที่ชอบพูดว่า คำตอบไม่ใช่ยากหรือง่าย มีแต่รู้กับไม่รู้   

ผมฟังตอนแรกก็รู้สึกไม่ค่อยเข้าใจ คิดว่าคุณไตรภพ เล่นคำแน่ๆ เลย

แต่เมื่อมานั่งพิจารณาดูก็เป็นจริงดั่งที่ว่า

โดยผมยกตัวอย่างให้นักศึกษาฟังว่า การไปดาวอังคารเป็นเรื่องยากหรือง่าย ทุกคนจะตอบว่ายาก..  

แล้วผมก็ถามต่อว่า ถ้ายาก แล้วไปได้อย่างไร

ผู้เรียนก็จะเริ่มอึดอัด ผมก็อธิบายต่อไปว่า ที่เราไปได้เพราะเรารู้วิธีที่จะไป 

แล้วผมก็ถามกลับอีกว่า การที่นักเรียนทุกคนไปบ้านของนักเรียนเองนั้น ยากหรือง่าย   

นักเรียนทุกคนจะตอบว่าง่าย 

ผมก็ถามต่อไปว่า ถ้าง่ายแล้วลองให้นักบินอวกาศไปบ้านคุณ โดยไม่ต้องถามใครได้ไหม เพราะว่าเป็นเรื่องง่ายกว่าไปดาวอังคาร 

นักเรียนทุกคนก็จะตอบว่า ไม่มีทาง เพราะเขาไม่รู้ว่าบ้านผมอยู่ที่ไหน 

ผมก็เลยสรุปให้ฟังว่า นี่ละครับ คือ เป็นเรื่องของความรู้ หรือ ไม่รู้ เท่านั้น ไม่ใช่เรื่องง่ายหรือเรื่องยาก  สิ่งใด ๆ ก็ตามที่เรารู้และทำได้จะเป็นเรื่องง่ายทันที  

ในทางตรงกันข้าม ถ้าเราไม่รู้ หรือ ทำไม่ได้ ก็จะเป็นเรื่องยากทันทีเหมือนกัน ครับ 

นี่คือ คำตอบ ครับ ว่าทำไมเราจึงต้องมาจัดการความรู้ 

การจัดการความรู้แล้วได้อะไร ก็ได้ความรู้สิครับ  

ความรู้อะไรครับ 

ก็เป็นความรู้ที่เราจะเอาไปใช้ประโยชน์นะสิ 

แล้วความรู้อะไรที่จะเอาไปใช้ประโยชน์ 

ทุกคนก็จะตอบว่า ก็เป็นความรู้ที่จะต้องใช้ในชีวิตประจำวัน  

สำหรับนักเรียนก็อาจจะเป็นความรู้เพื่อการสอบให้ผ่าน 

สำหรับผู้ปกครองก็คงจะเป็นความรู้เพื่อการทำมาหากิน 

และถ้าเราไม่จัดการล่ะ จะเป็นยังไง 

  • เราก็ไม่มีความรู้ไม่พอใช้นะสิ  
  • เพราะเราไม่รู้ว่า ความรู้ใดที่จะต้องเอามาใช้ตอนไหน
  • หรือความรู้ใดผสมกับความรู้ใดจึงจะได้ความรู้ที่เราต้องการ 
  • หรือแต่ละขั้นตอนการทำงาน เราจะต้องใช้ความรู้ใดก่อนหลัง จึงจะเกิดผลดีที่สุด
  • และความรู้เหล่านั้นใช้ได้ในสภาพแวดล้อมใด โดยใคร
  • และต้องมีทรัพยากรอะไรบ้าง จึงจะทำให้ความรู้นั้นใช้ได้อย่างจริงจัง  

เห็นไหมครับ การจัดการความรู้ก็แค่นี้เอง 

  • จัดให้รู้เพื่อเอาไปใช้งาน 
  • เพื่อการดำรงชีวิตที่ถูกต้อง
  • เพื่อเอาวิชาการไปผสมผสานกับอาชีพ เป็นวิชาชีพ
  • แล้วเราก็จะได้ความรู้ที่พอใช้ทั่วกัน  

แต่ผมก็ยังมีคำถาม ว่า

  •  ทำไมเราพูดเรื่องการจัดการความรู้ จึงเป็นเรื่องใหญ่โตนัก ทั้ง ๆ ที่การจัดการความรู้เป็นเรื่องธรรมดา ในชีวิตประจำวัน
  • คนโบราณเขาจัดการความรู้จนสร้างชุดความรู้ได้อย่างมากมาย ทั้งๆ  ที่ไม่ได้มีเทคโนโลยีอะไรเลย
  • แล้วในปัจจุบันเรามีเทคโนโลยีสนับสนุนอย่างมากมาย แล้วกลัวอะไรครับ
  • อยากรู้อะไร ค้นหาได้ทันที
  • อยากถามใครโทรถามได้ทันที
  • อยากแลกเปลี่ยนกับใครก็สื่อสารกันได้ทุกรูปแบบ ไม่เห็นน่ากลัวอะไรเลย 
  • เลิกกลัว และมาจัดการความรู้แบบธรรมชาติกันดีไหม  

นักศึกษาทั้งหลาย

  • ก็รีบเอาความรู้มาเข้าสู่กระบวนการจัดการอย่างเป็นธรรมชาติ
  •  อย่าไปติดยึดอยู่กับกรอบปลาทูแห้งๆ 
  • หรือติดยึดอยู่กับเอกสารที่เป็นตำรา และหลงผิดว่าเป็นความรู้เลยครับ 
  • ความรู้อยู่ในตัวท่านนั่นแหล่ะครับ ไม่ใช่อื่นไกล... รีบจัดการซะ
  •  แล้วเราจะได้มีทุนความรู้ ไปต่อเอาความรู้จากชาวบ้านและคนอื่นๆ ในสังคม

จะรอเมื่อไหร่ครับ ททท ทำทันที ดีกว่าครับ

หมายเลขบันทึก: 69663เขียนเมื่อ 27 ธันวาคม 2006 12:40 น. ()แก้ไขเมื่อ 13 มิถุนายน 2012 15:53 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (7)
อยู่ชายแดนกาญจนบุรีครับ แวะมาดู ททท ครับ

เสริมครับ

 " รับ>>>>รู้ และ ไม่รับ>>>รู้"

แถม "ไม่รับ>>>ไม่รู้>>>กู่ไม่ฟัง"

 ให้กำลังใจครับ

 "เชื่อมั่นว่า คนไท ทุกทุกท่าน ตั้งความหวัง ร่วมสร้างสังคมแห่งการเรียนรู้ คู่ความพอเพียง"

 ร่วมเดินตาม "รอยทาง พ่อของแผ่นดิน"

 

รู้ไม่ชี้  ..กับไม่รู้ไม่ชี้

รู้แต่ชี้ ..ชี้โบ้ชี้เบ้

รู้ไว้ใช่ว่า ใส่บ่าแบกหาม

รู้หลบเป็นปีกรู้หลีกเป็นหาง

รู้อะไร ไม่สู้ รู้วิชา  รู้รักษาตัวรอดเป็นยอดดี

รู้รัก สมามัคคี

รู้แล้วรู้อีก รู้แบบKM.

ที่กล่าวมาเป็นเศษเสี้ยวบริบทความไม่น่าจะรู้

โง่มาก รู้น้อย โง่น้อย รู้มาก

 

 

นั่นนะซิครับ ครูบา

คนไม่รู้ชอบแต่ชอบชี้ น่ากลัวที่สุดครับ

(พ่อผมสอนไว้ครับ เมื่อ ๒๕๐๗)

  • เรียบง่าย สั้นๆ แต่ชัดเจนมากเลยครับ
  •  " จัดให้รู้เพื่อเอาไปใช้งาน
  • เพื่อการดำรงชีวิตที่ถูกต้อง
  • เพื่อเอาวิชาการไปผสมผสานกับอาชีพ เป็นวิชาชีพ
  • แล้วเราก็จะได้ความรู้ที่พอใช้ทั่วกัน "
  • ใช่เลยครับ..เพื่อไปสู่สังคมอุดมปัญญา...สังคมแห่งการเรียนรู้และเอื้ออาทร
  •  ขอบพระคุณมากครับ
คารวะ ท่านเยี่ยมยุทธกำแพงเพชร ท่านได้มาชี้แนะ กระบวนท่า ที่เราสามารถแลกเปลี่ยนเรียนรู้ได้อย่างเยี่ยมยอด ขอคารวะ อีกสักหนึ่งจอก ด้วยความเกรงใจท่าน

 Happy New Year ท่าน ดร.แสวง

 จอกที่ว่า คือ สมุนไพร แม่น บ่ คราบ

 สวัสดีปีใหม่ ส่งใจมาให้ท่าน ร่วมรวมพลัง สร้างสรรค์สังคม

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท