เมื่อวานหลังเลือกตั้งและวันนี้ก่อนใส่บาตร ผมได้ซักถามถึงการเลือกตั้งกับอาจารย์ รปศ. เกี่ยวกับการเลือกตั้งหลายคนบอกว่าเป็นกึ่งเผด็จการและความไม่ครบส่วน กล่าวคือ ๑) ในใบเลือกตั้งไม่มีช่องสำหรับให้เลือกที่จะไม่ออกเสียง ๒) กรณีที่เราเลือกไม่ครบทั้ง ๘ คน (กรรมการฝ่ายคณาจารย์) บัตรไม่น่าจะเสียเนื่องจากเป็นสิทธิ์ที่เราพอใจจะเลือกใครก็ได้ ๓) ไม่ควรบังคับให้เลือกทั้ง ๘ คน
ในส่วนตัวผม ผมก็คิดไปอีกทางคือไม่ยึดติดกับรูปแบบที่คนเขาทำ และเข้าใจใหม่ว่า ที่นี่เขาเป็นอย่างนี้ ที่โน้นเขาเป็นอย่างโน้น ที่นั้นเขาเป็นอย่างนั้น แม้การบังคับเลือกในความรู้สึกผม ผมไม่เห็นด้วย อีกอย่างหนึ่ง บางคนเกรงว่า การไม่เลือกประธานจะเป็นผลให้บัตรอื่นเสียด้วย จากข้อสรุปของการพูดคุย พบว่า ๑) อะไรคือประชาธิปไตย เราคือส่วนหนึ่งของประชาธิปไตย เราจะทำอย่างไรกับตัวเรา ๒) กติกา ความเป็นกลางที่สุดคืออะไร ทุกคนเห็นความสำคัญของกติกานั้นอย่างไร เหมือนกันหรือแตกต่างกันออกไป ในข้อนี้กติกาน่าจะยุติได้ด้วยความเห็นที่เป็นเอกฉันท์ (เอกฉันท์ในความหมายนี้คือ ไม่มีคนใดแม้แต่คนเดียวคัดค้าน เพราะถ้ามีการคัดค้านไม่ถือว่าเป็นเอกฉันท์ ดังนั้น เอกฉันท์จึงไม่ใช่เสียงข้างมาก ถ้าเป็นเสียงข้างมากเราน่าจะใช้คำว่า พหุฉันท์)
เราผู้เป็นอาจารย์อย่าสำคัญตัวว่า เรารู้ทุกอย่างและเข้าใจถูกต้องทุกอย่าง คำว่าถูกต้องแน่ใจหรือไม่ว่า "นิรันดร์" นอกจากนั้น แบบอย่างที่ดีเป็นอย่างไร ผู้เป็นอาจารย์จำนวนหนึ่งที่เป็นมาหลายปี มิได้เป็นแบบอย่างที่ดี (ตามสังคม) ให้กับผู้ใหม่ได้ ข้อนี้น่าตระหนัก จะได้ไม่ต้องคร่ำครวญกันว่า พวกน้องๆ ไม่แสดงความเคารพ....เอวํ ก็มีด้วยประการฉะนี้
ต้องถามว่าประชาธิปไตยของใคร
ถ้าคนส่วนใหญ่ เขาว่า ก็น่าจะเป็นประชาธิปไตย
แต่สมัยใหม่ เขาว่า คนตัวใหญ่ถึงจะเป็นประชาธิปไตย
ทำไมเราถึงไม่ได้เป็นคนส่วนใหญ่และคนตัวใหญ่น้า