สุดๆที่เมืองตรัง


สุดๆที่เมืองตรัง

ในเช้าวันธรรมดาๆ วันหนึ่ง ที่อากาศแจ่มใส หลายชีวิตของผู้คนในตัวเมืองใหญ่ ที่ตั้งอยู่บนเนินเขาได้ดำเนินไปอย่างปกติวิสัยของชาวใต้ กาแฟ หมูย่าง ติ่มซำหอมกรุ่น ดูจะเป็นอาหารเช้าที่ได้รับความนิยมสูงสุด ผมเริ่มต้นการเดินทาง ด้วยใจจดจ่อ ขณะเดียวกันก็เตรียมเก็บข้าวของเพื่อเชคเอ้าท์ ออกจากโรงแรมวัฒนา ปาร์ค โฮเตล ที่เมื่อคืนผมได้อาศัยหลับนอนอย่างสบายเราเดินทางกันไปที่เกาะมุก กันก่อน เพื่อชมหาดฝรั่ง บางคนก็เรียกว่า อ่าวฝรั่ง หาดนี้มีทรายขาวยาวโค้งเป็นอ่าว สามารถเล่นน้ำ หรือพายเรือซีคายัค ได้เป็นอย่างดี บนหาดมีเรือซีคายัคให้เช่า และรีสอร์ทให้พัก บนเนินเขาด้านหนึ่งมีร้านอาหารเล็กๆ ขายอาหารตามสั่ง และเป็นจุดชมวิวไปด้วยในตัว หากคุณต้องการภาพสวยๆ ก็ออกแรงสักนิด เดินขึ้นไปบนเนินเขา ซึ่งเป็นจุดชมวิวที่สามารถมองเห็นหาดทรายขาว โค้งเป็นอ่าวได้อย่างสวยงามที่เกาะมุกนี้เป็นที่ตั้งของถ้ำมรกต ถ้ำที่มีชื่อเสียงที่ถือว่าเป็นจุดเด่นของการท่องเที่ยว จนได้รับคัดเลือกให้เป็นหนึ่งใน Unseen in Thailand ถ้ำมรกตมีความมหัศจรรย์ทางธรรมชาติ ปากถ้ำ หรือทางเข้าเข้ามีลักษณะเป็นโพรงเล็กๆ ให้นักท่องเที่ยวได้ว่ายน้ำ หรือลอยตัวลอดเข้าไปท่ามกลางความมือสนิท ด้วยระยะทางประมาณ 80 เมตร เมื่อผ่านพ้นเข้าไปด้านใน ก็จะพบกับหาดทรายที่มีความยาวประมาณ 50 เมตร ที่โอบล้อมด้วยหน้าผาหินสูงอยู่รายรอบดูคล้ายปล่องภูเขาไฟ สีของน้ำทะเลภายในถ้ำนี้จะเป็นสีเขียวมรกตใส ซึ่งเป็นที่มาของชื่อถ้ำเกาะกระดาน
     ถัดจากมุกผมได้เดินทางต่อไปยังเกาะกระดาน เกาะที่มีชื่อเสียงในด้านความงดงามของหาดทรายขาวเป็นแนวยาวไม่แพ้กัน ทางด้านหัวเกาะเป็นที่ตั้งของที่ทำการอุทยานฯ ในบริเวณนั้นเป็นจุดดำน้ำชมปะการังน้ำตื้น ที่เป็นแนวยาวจุดหนึ่ง บนเกาะมีที่พัก และร้านอาหาร เกาะกระดานในวันนี้ยังคงความดงงามเฉกเช่นเดิม น้ำทะเลสีครามใสมองเห็นพื้นทราย   ในปีที่ผ่านมาทางจังหวัดตรัง ได้เลือกเกาะกระดานนี้ให้เป็นเกาะที่ใช้ในการจัดพิธีวิวาห์ใต้สมุทร  ให้กับคู่รักที่ชื่นชอบการดำน้ำได้มาจดทะเบียนสมรสใต้น้ำกัน และพิธีนี้ได้รับความนิยมจากกลุ่มนักดำน้ำ  และนักท่องเที่ยวมากขึ้นทุกปี

เกาะรอกนอก และเกาะรอกใน
     สองเกาะนี้อยู่ติดกัน เกาะรอกนอกจะมีขนาดเล็กกว่า โดยส่วนตัวผมชอบสองเกาะนี้มาก โดยเฉพาะเกาะรอกใน เป็นเกาะที่มีความเงียบสงบ มีที่ทำการของอุทยานฯ ตั้งอยู่ สามารถกางเต้นท์พักแรมได้ มีน้ำจืดที่ได้จากแหล่งน้ำบนเกาะให้ใช้ บริเวณชายหาดมีทรายที่ขาวละเอียดไม่แพ้เกาะเกาะดาน จะเล่นน้ำบนชายหาดก็สะดวก จะดำน้ำก็ไม่ยาก เกาะรอกนี้มีปารัง และปลาสวยงามหลายชนิดหรือใครที่ชอบการเดินป่า บนเกาะรอกในก็มีเส้นทางเดินป่าขึ้นไปบนเขาเพื่อชมวิวท้องทะเลในมุมสูง บนเกาะนี้ หากนักท่องเที่ยวต้องการมาแค้มป์ปิ้งแบบครอบครัว ก็สามารถเตรียมอาหารมาปรุงมาทำกันบนเกาะได้ หากท่านคิดจะเดินทางมาเอง ก็สามารถติดต่อเช่าเหมาเรือ ได้จากบริษัททัวร์ต่างๆ ที่อยู่ในตัวเมืองตรัง  เกาะไหง
     เกาะไหงตั้งอยู่ถัดเข้ามาหาฝั่ง เป็นที่ตั้งของรีสอร์ทใหญ่สองรีสอร์ท คือ
เกาะไหแฟนตาซี รีสอร์ท และ เกาะไหง รีสอร์ท นักท่องเที่ยวนิยมเดินทางมาพักผ่อน เพราะรีสอร์ทมีบริการแบบครบครัน เรียกว่า หากท่านซื้อแพ็คเก็จมาจากกรุงเทพฯ ก็เพียงแพ็คกระเป๋าแล้วเดินทางมาได้เลย ที่รีสอร์ทมีบริการต่างๆ มากมาย ตั้งแต่ร้านอาหารที่ดูหรูหราทันสมัย ห้องพักสะดวกสบายสวยงาม โรแมนติค สปาเพื่อสุขภาพ และการบริการที่น่าประทับใจ รวมทั้งมีบริการพาไปดำน้ำชมปะการังตามเกาะต่างๆ ด้วย เกาะนี้จึงเป็นสถานที่ของนักท่องเที่ยวที่ชอบความสะดวกสบาย ที่ไม่ต้องการการผจญภัยมากนัก 

นอกจากเกาะต่างๆ ในทะเลตรัง ตามที่ผมได้กล่าวมาแล้วนั้น ผมได้มีโอกาสเดินทางลงไปทางตอนใต้ของ จ.ตรัง โดยมีเป้าหมายอยู่ที่เกาะสุกร และ เกาะตะเกียง จากคำแนะนำของพี่นิ เจ้าของกิจการ ตรัง ไอส์แลนด์ รีสอร์ท พี่นิ เป็นชาว จ.ตรัง ที่เคยประกอบอาชีพการประมงในท้องทะเลอันดามัน ย่าน จ.ตรัง มาเกือบ 20 ปี ต่อมาภายหลังได้พลิกผันตนเอง มาทำธุรกิจด้านการท่องเที่ยว และเปิดกิจการรีสอร์ทเล็กๆ น่ารักๆ ซึ่งบริการแบบเป็นเอง   ด้วยอุปนิสัยเป็นผู้โอบอ้อมอารี และเป็นกันเองกับนักท่องเที่ยวทั่วไป รีสอร์ทแห่งนี้ถึงแม้จะไม่ใหญ่โตหรูหรามากนัก  จึงเป็นที่รู้จักกันในหมู่นักท่องเที่ยวทั่วไปโดยการบอกต่อแบบปากต่อปาก   เกาะสุกร ในวันนี้ยังคงมีวิถีชีวิตของชาวเกาะแบบดั้งเดิมให้ได้ชมกัน ถึงแม้การเดินจากจะไม่ไกลจากฝั่งมากนัก จากท่าเรือตะเสะ ในเขตกิ่งอำเภอหาดสำราญ ใช้เวลาเพียง 30 นาที ก็เดินทางถึง ผู้ที่อาศัยอยู่บนเกาะส่วนใหญ่เป็นชาวไทยมุสลิม ประกอบอาชีพทำการประมง และทำสวนยางพารา การเดินทางบนเกาะส่วนใหญ่จะใช้รถมอเตอร์ไซต์ วันที่ผมได้เดินทางเป็นได้มีโอกาสขับรถมอเตอร์ไซต์เล่นบนเกาะ และก็ชมสวนยางพาราไปด้วยในตัว เป็นเรื่องที่น่าสนใจที่ถือว่าหาโอกาสได้ไม่ง่ายนักในปัจจุบัน ชาวเกาะสุกรมีชีวิตความเป็นอยู่ที่น่ารัก เงียบสงบ ในช่วงเย็นคุณสามารถนั่งเล่นที่ชิงช้าชายหาด โยนตัวไปมาชื่นชมกับความสวยงามตรงหน้าซึ่งก็คือเกาะเหลาเหลียง แล้วก็รอเวลาที่พระอาทิตย์ตกลงไปในท้องทะเล และก็หันหลังกลับมาทานอาหารทะเลสดๆ ที่ถูกนำมาปรุงโดยแม่ครัวพื้นบ้านฝีมือและรสชาติจัดจ้าน ความสุขอย่างนี้รอคุณอยู่เพียงแค่คุณหาเวลาว่างไปเท่านั้นเอง   เกาะตะเกียง 
     เป็นเกาะเล็กๆ ที่หลายคนอาจจะไม่เคยได้ยินชื่อเสียง จากเกาะสุกรขึ้นไปทางเหนือ ผ่านเกาะเหลาเหลียง และเกาะเล็กๆ อื่นๆ ของอุทยานแห่งชาติเภตรา ผมไม่แน่ใจเรื่องระยะทาง แต่ถ้าหากนับเวลาการเดินทางจากเกาะสุกรไปเกาะตะเกียง ด้วยเรือหางยาว แล้วละก็ประมาณ 1 ชั่วโมงเศษๆ  

เกาะตะเกียง เป็นจุดดำน้ำชมปะการังที่สวยงามอีกจุดหนึ่งของ จ.ตรัง คุณโย่ง ไกด์มืออาชีพของเรา บอกว่าที่เกาะตะเกียงนี้ ยังไม่ค่อยมีนักท่องเที่ยวรู้จักมากนัก จึงทำให้ธรรมชาติของโลกใต้ทะเลจึงยังคงงดงามบริสุทธิ์อยู่ ผมใช้วิธีการชมปะการังแบบการดำผิวน้ำ โดยที่คว่ำหน้าและลอยตัวไปกับผิวน้ำจากนั้นคุณโย่งจะว่ายลากผมไปตามจุดต่างๆ ที่มีปะการังและปลาสวยๆ อาศัยอยู่ ซึ่งเป็นวิธีที่ผมชอบมาก เพราะนอกจากไม่ต้องออกแรงว่ายแล้ว ที่สำคัญผมยังได้ชมปะการังสวยๆ หากผมว่ายชมไปเรื่อยๆ ด้วยตัวเอง ก็อาจจะไม่ทราบว่าตรงจุดไหนสวย ตรงจุดไหนไม่สวย ซึ่งเป็นการเสียเวลา และพลังงานไปเปล่าๆ   บนเกาะตะเกียงมีประภาคาร ผมได้เดินขึ้นไปบนเกาะ และก็ปีนขึ้นไปเพื่อเก็บภาพในมุมสูง จุดนี้มองเห็นท้องทะเลอันดามันได้ไกลสุดสายตา เห็นเกาะเหลาเหลียงเหนือ และใต้ บนเกาะตะเกียงนี้เงียบสงบ ไม่มีสิ่งอำนวยความสะดวกใดๆ ธรรมชาติโดยรวมยังคงบริสุทธิ์สวยงาม สรุปได้ว่าไม่มีความเสียหายใดๆ   สามเดือน หลังจากพิบัติภัยเลวร้ายได้ผ่านพ้นไป สำหรับความคิดเห็นส่วนตัวของผมผมคิดว่า ระยะเวลาสามเดือนที่ผ่านมานี้ เหมือนเป็นเวลาสวรรค์ที่ทำให้ทะเลอันดามันได้พักได้พักฟื้นตัวเองจากการกระทำของมนุษย์ สำหรับผมแล้วสึนามิ ไม่ค่อยมีผลต่อท้องทะเลสักเท่าไหร่ มนุษย์อย่าเราๆ ต่างหากที่ทำลายได้ยิ่งกว่าคลื่นยักษ์  หรือ บางคนที่กลัวผีกลัววิญญาณจนขึ้นสมอง ผมได้ยินกระแสนี้แล้วก็อดส่ายหัวไม่ได้ สำหรับใครที่เป็นโรคประจำตัวโรคนี้ ผมอยากให้ลองคิดดูเล่นๆ ว่า หากผีมีจริง นักท่องเที่ยวที่มาเที่ยว จ.อยุธยา หรือ จ.สุโขทัย คงกลับไปเส้นผมตั้งชี้เด่กันแล้วหละ เปลี่ยนเถอะครับเป็นความคิดกันดีกว่า เราเดินทางกันมาถึงโลกอนาคต โลกที่น้ำมันกำลังใกล้จะหมด อะไรที่อยากทำ ที่ไหนที่อยากไป ก็ควรรีบทำรีบไป ก่อนที่ทุกอย่างจะกลับเข้าสู่สภาพเดิม

หมายเลขบันทึก: 69464เขียนเมื่อ 26 ธันวาคม 2006 12:50 น. ()แก้ไขเมื่อ 26 พฤษภาคม 2012 18:25 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (2)

เห็นด้วยกับนักรบขุดดำ 

       เรากำลังเดินมาถึงโลกแห่งอนาคต

       โลกที่นำมันใกล้จะหมด 

       มนุษย์ทำลายได้ทุกอย่าง  แม้กระทั่งตัวเอง 

      

  • เป็นข้อเขียนที่ให้สาระมาก เป็นเหมือนได้ท่องเที่ยวไปกับคุณม้าศึกฯ
  • ถ้าเราเรียกว่ายุคนี้คือยุคที่คนทำสงครามกับข่าวสาร ผมว่า ก็เป็นยุคที่เราทำสงครามล้างผลาญสิ่งแวดล้อม ด้วยเหมือนกัน
  • อ่านข้อเขีบนของคุณผ้าศึกฯ แล้วอดนึกถึงงานเขียนสารคดีที่ดีอีกเรื่องที่น่าอ่าน เบา สบาย มีกลิ่นอายของธรรมชาติ คือ กล่องไปรษณีย์สีแดง (ถ้าจำไม่ผิด)  ถูกนำมาสร้างเป็นภาพยนตร์ เรื่อง เพื่อนสนิท..
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท