ตั้งแต่ผมเป็นอาจารย์ในมหาวิทยาลัยมา ก็ 30 กว่าปี ก็พอจะรู้บทบาทและหน้าที่ของตัวเองว่ามีสอน วิจัย บริการสังคม และทะนุบำรุงศิลปวัฒนธรรม
ทุกเช้า พอผมเดินทางมาถึง ก็จะเข้าไปลงลายมือชื่อในสมุด ที่สำนักงานภาควิชา
ตั้งแต่เช้า ผมก็ไปเซ็นชื่อที่สำนักงานภาควิชาฯ และก็ไปนั่งที่ห้องพักอาจารย์ ใกล้ ๆ ห้องพักอาจารย์ก็จะมีห้องเรียนของนักศึกษา ใกล้ๆกับห้องเรียนก็จะมีห้องเครื่องมือวิจัยและห้องปฏิบัติการวิชาต่าง ๆ
แต่ไม่มีห้องทำงานอาจารย์ ผมเดินดูจนทั่วแล้วครับ ไม่มีจริงๆผมก็เลยสบายใจ และมานั่ง “พัก” ในห้อง “พักอาจารย์”
ห้องในตึกต่างๆ ที่อาจารย์ส่วนใหญ่ถูกจัดให้นั่งอยู่ประจำก็คือ “ห้องพักอาจารย์” เหมือนกับ “ห้องพักครู” ในโรงเรียนที่ผมเคยเห็นสมัยเด็กๆ
และก็บังเอิญไม่ใช่ “ห้องพักการทำงาน” ที่ผมกลัวจะโดนคำสั่งแบบนี้มากที่สุด เพราะ ผมชอบทำงาน มากกว่า พักการทำงาน
นี่คือระบบสภาพแวดล้อมที่ผมเป็นอยู่
ผมก็ระวังตัวแจเลยครับ กลัวจะผิดระเบียบการปฏิบัติราชการ
พยายามมาเปิดพจนานุกรม คำว่าการ “พัก” กับการ “ทำงาน” ของอาจารย์ต่างกันอย่างไร ก็พบว่า
เพราะฉะนั้น ผมจึงได้ข้อสรุปมาว่า ความคาดหวังของสังคม และผู้ออกแบบอาคาร ให้กับมหาวิทยาลัย
(เฉพาะ มหาวิทยาลัยที่ผมทำงานอยู่นะครับ ที่อื่นผมไม่ทราบ ใครทราบว่ามีห้องทำงานอยู่ในสถาบันไหน ช่วยบอกหน่อยนะครับ ผมจะได้ไปสมัคร เพราะผมชอบทำงาน มากกว่า “พัก” ครับ)
คือ ตั้งใจให้อาจารย์ ได้ “พัก” (หรือ “นอนหลับ”) เพราะเค้าให้พักไม่ได้ให้มา “ทำงาน”
แล้ว ครู อาจารย์จะได้ทำงานตอนไหน เพราะเมื่อให้พักก็ต้องพัก (“หยุด”การทำงาน)
ถ้าไม่พัก ก็อาจจะผิดระเบียบ หรือคำสั่ง ที่อื่นๆ ก็มีห้องเรียนของนักเรียน นิสิต นักศึกษา ไม่ใช่ “ห้องสอน” หรือ “ห้องวิจัย” หรือ “ห้องบริการวิชาการแก่สังคม” หรือ “ห้องทะนุบำรุงศิลปวัฒนธรรม” ตามหน้าที่ของอาจารย์สักหน่อย
โอ้ย.....น่าสงสารครู อาจารย์จริง ที่ไม่มีที่ทำงานที่ทำให้มีคุณค่าของชีวิตได้เลย
หรือว่า เป็นเฉพาะ โรงเรียนบ้านกุดจิก ที่โคราช ที่ผมเคยเรียน ที่มีแต่ห้อง “พักครู” และมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ที่ผมเคยเรียนและทำงาน ที่มีแต่ห้อง “พักอาจารย์” แต่ไม่มี “ห้องทำงาน” ของอาจารย์
และ “การพัก” ส่วนใหญ่ก็อาจจะต้องนอน
เพราะการ “พัก” ที่ดีที่สุดคือการนอนหลับ การนั่งคุยกัน หรือ เล่นเกมส์คอมพิวเตอร์ อย่างที่ผมทำอยู่นี่ เขาว่ายังไม่ใช่การ “พัก” ที่แท้จริง ซึ่งผมก็ฝืนเจตนาของทั้งผู้สร้างมหาวิทยาลัย และผู้ออกแบบสร้างตึก อย่างช่วยไม่ได้จริง
ผมเพิ่งเข้าใจ ในประเด็นนี้เอง ตอนที่มานั่งเขียนนี่แหละ ว่าทำไม ครู อาจารย์ส่วนใหญ่ถึงตัดสินใจนอนอยู่ที่บ้าน หรือที่ไหนก็ได้ แล้วแต่ “ที่ชอบๆ” ของแต่ละคน
เพราะไม่รู้จะมา “นอน” ทำไมในห้อง “พักครู” ในโรงเรียน หรือ “ห้องพักอาจารย์” ในมหาวิทยาลัย
เตียงก็ไม่มี ที่นอนก็ไม่มี หมอนและผ้าห่มก็ไม่มี
จะ “พัก” ทั้งทีก็ต้องฟุบกับโต๊ะ หรือหลับคาเก้าอี้ ทรมานจะตาย ยังไงก็คงไม่ดีกว่า นอนอยู่ที่บ้าน
การนอนอยู่ที่บ้าน ยังเป็นการช่วยหน่วยงาน และประเทศชาติ ในนโยบายช่วยชาติประหยัดค่าใช้จ่ายต่าง ๆ มากมาย ทั้งน้ำมันรถ กระแสไฟฟ้า และอุปกรณ์ต่าง ๆ ได้ประโยชน์ อีกหลายต่อ
ผมเลยเชื่อว่า ครู อาจารย์เหล่านั้นคงหวังดีต่อประเทศแน่นอนจึงไม่ได้มา “พัก” ใน ห้องพักครู ในโรงเรียน และห้องพักอาจารย์ในมหาวิทยาลัย
แล้วทำไมอาจารย์เหล่านั้นถึงน่าสงสาร ก็เพราะว่าทั้งชีวิตส่วนใหญ่มีแต่การพักผ่อนนอนหลับแล้ว ค่าของคนอยู่ที่ผลของงานนั้น จะอยู่ตรงไหน จะทำอะไรก็ไม่ได้ เพราะจะผิดวัตถุประสงค์การก่อตั้งมหาวิทยาลัย และการสร้างอาคารไปซะทั้งหมด
ท่านทั้งหลายครับกรุณาเห็นใจครูในโรงเรียน และอาจารย์มหาวิทยาลัย หน่อยนะครับ
นี่คือกิจวัตรประจำวันที่ต้องทำไปอย่างนี้ ประเทศชาติก็ก้าวหน้าได้อย่างเท่าที่เห็นนี่แหละครับ
แล้ว ทำไมผมถึงคิดว่าอาจารย์มหาวิทยาลัยถึงน่าสงสาร
ก็เพราะเป็นคนที่ไม่ต้องทำงานอะไรเลยก็อยู่ได้
เพราะเขากำหนดไว้อย่างนั้น
ดังนั้น ผมจึงสรุปว่า ครูตามโรงเรียน และอาจารย์ในมหาวิทยาลัยน่าสงสารมากที่สุดครับ
หรือใครไม่เห็นด้วยบ้างครับ
อ้าว ทำไมอาจารย์พินิจมีห้องทำงานด้วยเหรอครับ
ทำไมผมไม่มีล่ะ ผมขอย้ายไปอยู่กับอาจารย์ได้ไหม
อยากทำงานครับ ไม่อยากพัก
สวัสดีค่ะท่าน...ดร. แสวง รวยสูงเนิน
เหอ ๆ ของนิวมีห้องพักอาจารย์ มีเครื่องคอมพิวเตอร์ประจำโต๊ะอาจารย์ทุกคน / มี Internet ให้อาจารย์ใช้ มี printer ให้อาจารย์ print เพื่อเตรียมการสอน และมี ๆๆๆ และมี อะไรหลาย ๆ อย่าง ให้อาจารย์ใช้มากมาย
การทำงานในทัศนะของนิวก็คือการพักผ่อน นิวไม่เคยมองว่าการเตรียมสอน หรือการเข้าสอนเป็นภาระหน้าที่ แต่กลับมองว่า..มันเป็นกิจกรรมที่เราทำด้วยความสุข และเต็มใจ
กราบเรียนด้วยความเคารพคะ
สวัสดีคะคุณ พิเศศ
อืมมม นิวคิดว่าก็ไม่เห็นจะเป็นไรเลยนี่คะ ทำไมเราต้องทำตัวเองให้ลำบากด้วยคะ เพราะที่นี่คือห้องพักอาจารย์ และถ้ามีโซฟา ก็ใช้โซฟาเป็นที่ปรึกษาหรือพูดคุยกับนักศึกษาก็ได้คะ บางครั้งการที่เรารู้จักเกรงใจคนอื่นมันก็เป็นสิ่งที่ดี แต่ถ้าการเกรงใจนั้น ทำให้เรารู้สึกลำบากใจ ก็ขอเห็นแก่ตัวเถอะ นิวคิดแบบนี้นะคะ...
ดร.แสวง ทำงานมา 30 ปี แหะ ๆ มากกว่าอายุของนิวอีก กราบเรียนแสดงความคิดเห็นด้วยความเคารพนะคะอาจารย์
ครูอ้อยครับ
โชคดีจังเลย ทำบุญมาด้วยอะไรครับ
ชาติหน้าผมจะได้มีที่ทำงานครับ
น้องนิว ครับ ผมว่าคุณโชคดีมากครับ
เพราะเฟอร์นิเจอร์ในห้องผม ผมต้องซื้อเองหมดทุกชิ้น ตั้งแต่โต๊ะ เก้าอี้ ตู้ คอมพิวเตอร์ทั้งชุด และ อื่นๆ
ที่จริงผมน่าจะขนเตียงและที่นอนมาปูมากกว่า เพราะมันเป็นห้องพักอาจารย์ ไม่ใช่ห้องทำงาน
ส่วนของคุณพิเศศนั้น ที่ มข มีอยู่ครับเราเรียกว่าห้องกาแฟครับ ห้ามนำเอกสารเข้า
เขาต้องการให้ห้องว่างไว้คุยกัน
เลยทั้งหมดแล้ว ผมยังไม่มีห้องทำงาน
เอ๊ะ สงสัยผมเป็นอยู่ที่เดียวนะนี่
ใครๆ เขาก็มีหมด
ผมเปลี่ยนชื่อเรื่องซะดีไหมนี่
ครูที่ดีคือครูที่ใช้ความรู้ที่มีอยู่ไปในทางที่ดี
การใช้ความรู้ไปในทางที่ดีต้องมีพื้นที่ให้ใช้
พื้นที่ที่ดีคือพื้นที่ที่มีแต่ความจริงของชีวิต
ครูที่ดีต้องแสวงหาสิ่งที่ดี
เหมือนคุณครูแสวง รวยสูงเนิน
ท่านขุนพล เม็กดำ
ผมอิจฉาท่านครับ ผมยังไม่มีที่ทำงานเลยครับ มีแต่ห้องพัก ไม่ใช่ห้องทำงานครับ
ท่านอย่าทำให้ผมอิจฉามากกว่านี้สิครับ
เดี๋ยวผมจะลาออกไปอยู่กับท่านนะครับ มีตำแหน่งภารโรงว่างสักตำแหน่งไหมครับ
คับที่อยู่ได้
คับใจก็ต้องอยู่ได้
เพราะ...มาเป็นอาจารย์แล้วนี่
ห้ามตีโพยตีพาย ที่นี่ประเทศไทย อย่าแหยมโดยไม่จำเป็น แค่จะออกไม่ออกนอกระบบนี่ก็แย่แล้ว ถ้าออกนอกระบบได้ บางทีอาจจะเปลี่ยนปรับห้องหับให้ก็ได้ ไม่แน่นะ สมัยนี้ต่างประเทศเขาสอนกันนอกห้องมากกว่าในห้อง เรื่องห้องพักห้องอะไรนี่จึงไม่สำคัญ ปัญหามันอยู่ที่ห้องใจ มากกว่า ทำใจได้ อะไรๆก็สะดวกใจขึ้น
สำคัญที่ใจ!!!ครับท่านเล่าฮู
เป็นครูคะ แต่ว่าหลังจากสอนในชั้นเรียนแล้วก็ไปห้องแนะแนว ซึ่งเป็นห้องที่นั่งทำงานบ้าง นักเรียนส่งงานบ้าง หรือพูดคุยให้คำปรึกษานักเรียนบ้าง พักบ้าง อยู่ประจำห้องแทบตลอดหลังจากหมดชั่วโมงสอนแล้ว เลยไม่แน่ใจว่าที่นั่งประจำอยู่เนี้ย รวมเรียกว่าห้องพักครูหรือเปล่า แต่ตามป้ายที่มีบอกไว้เรียกว่าห้อง Guidance Room คะ ปัจจุบันโรงเรียนยุคใหม่ไม่มีห้องพักครูแล้วคะ ไปดูได้ที่โรงเรียนเชียงกลมวิทยา จังหวัดเลยนะคะ เรามีแต่ห้องบริหารงานทั่วไป บริหารงานวิชาการ ห้องปฏิบัติการ ห้อง...จิปาถะคะ รวมทั้งห้องคาราโอเกะสำหรับครูและนักเรียนด้วย แต่ไม่มีห้องไหนมีชื่อว่าห้องพักครูคะ
แล้วแบบนี้เรียกว่าน่าสงสารครูไทยบ้างไหมคะ เมื่อเวลาในตามตารางสอนบอกไว้ว่า พักเที่ยง ครูควรไปอยู่ที่ไหนดี เฮ้ย!
แล้วก็คิดเป็นสารัตถะนะคะ
แค่งานปฎิรูปการศึกษา กองอยู่ตรงหน้า ตามที่ท่านนักคิดนักวิชาการทั้งหลายฝันอยากให้เป็น ครูผู้ปฏิบัติงานก็แย่พออยู่แล้ว
ร่วมแลกเปลี่ยนคะ คอลัมแปลกแต่ก็เป็นมุมมองที่น่าอ่านคะ
สวัสดค่ะ อาจารย์แสวง
หนูเป็นอาจารย์อยู่ มข เหมือนกันค่ะ แต่ในขณะที่อาจารย์แสวงเป็นอาจารย์ที่ มข เกือบ 30 กว่าปี หนูเพิ่งเป็นอาจารย์ที่ มข มาได้ประมาณ 3 ปีเศษ ๆ ประสบการณ์ของหนูก็คงจะน้อยนิดถ้าเที่ยบกับประสบการณ์ของอาจารย์ มีหลายสิ่งหลายอย่างที่หนูควรจะเรียนรู้ต่อไป
ตั้งแต่ทำงานมา รู้สึกแทบไม่มีเวลาพักเท่าไหร่ค่ะ อาจเป็นเพราะหนูชอบทำงาน จึงมีทั้งงานที่หามาเอง (ให้การบ้านนักศึกษาเกือบทุกสัปดาห์เพื่อให้นักศึกษารู้จริง และทำได้จริง แตก็ตรวจไม่ทัน ตอนนี้จึงต้องเอาวันหยุดปีใหม่มาตรวจการบ้านนักศึกษา เพื่อให้นักศึกษาทราบคะแนนระหว่างภาค) และงานที่คนอื่นทั้งในและนอกมหาวิทยาลัยหามาให้ ทั้งงานบริหาร งานบริการวิชาการ และงานวิจัย
ห้องทำงานที่หนูทำงานอยู่ ก็ไม่ได้เขียนว่าเป็นห้องพักหรือห้องทำงาน ก็เลยใช้เป็นทั้ง 2 อย่าง
ขอชื่นชมและนับถืออาจารย์นะค่ะที่ได้พยายามทั้งปฏิบัต ิและถ่ายทอดความรู้ที่นำไปใช้จริงในชีวิตได้