ตามรอยวิสัยทัศน์และความเป็นผู้นำชุมชนของ น.เมืองสรวง


สาเหตุที่ทำให้ ผลงาน ความคิด ของ น.เมืองสรวง เขย่าสังคมกลุ่มเล็กๆได้....
amnarts.jpg


เนื่องมาจากบันทึก การเดินทางพิสูจน์ความจริง : บันทึกของนายบอนที่เขียนเกี่ยวกับ น.เมืองสรวง เรื่องจริงหรือแต่งนิยายกันแน่

การจัดทำหนังสือ “ก่อร่าง สร้างฝันที่หนองสรวง” อาจถือได้ว่า เป็นการเขย่าสังคมกลุ่มเล็กๆ ในกาฬสินธืได้พอสมควร

kprocover.jpg

ปกติแล้ว หนังสือ 1 เล่ม อ่านจบแล้วก็จะถูกวางไว้ ไม่มีใครหยิบมาพูดถึงได้เรื่อยๆ

แต่นายบอน หยิบมาบันทึกได้เรื่อยๆ.....
เพราะมีคนสนใจแลกเปลี่ยนเรียนรู้อยู่เรื่อยๆ

ความจริงแล้ว ผู้ที่มาแลกเปลี่ยน ไม่ได้มากมายนัก นานๆจะโผล่มาที แค่ 1 หรือ 2 คนในแต่ละเดือน

อาจเป็นเพราะ พึ่งมีโอกาสได้อ่าน และเกิดความสนใจจริงๆ

ในก่อร่าง สร้างฝัน คุณ น.เมืองสรวงได้เขียนบทความ เรื่อง เป้าหมายหลักของการพัฒนา ตำบลหนองสรวง ซึ่งเขียนไว้เมื่อหลายปีมาแล้ว

ขอยกข้อความบางส่วนมานำเสนอที่นี้

”…. การมองเห็นปัญหาที่แท้จริง เพื่อให้การแก้ไขปัญหาให้บรรลุไปตามวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้ แน่นอน...ครับ ผู้นำชุมชนต้องเข้มแข็ง ต้องมีความหวังที่จะเห็นชาวบ้านได้รับการพัฒนาตามความเหมาะสมแก่ศักยภาพที่เหมาะสม และสามารถช่วยเหลือตนเองได้ ยืนหยัดอยู่ได้ในสังคม เป็นปรกติสุขได้ ซึ่งเป็นการยากที่จะต้องพัฒนาแต่ก็ต้องทำเพราะเป็นหน้าที่ นักพัฒนาต้องเข้าไปเรียนรู้จริง และต้องพัฒนาตนเองไปพร้อมๆกัน กับบุคคลอื่นที่ได้รับผลกระทบโดยตรงตลอดจนประชาชนต้องยอมรับ และรับรู้ด้วยว่ามีปัญหาเกิดขึ้นแล้วช่วยกันแก้ไขปัญหาเหล่านั้นเสีย.....”

ในบทความส่วนอื่นๆ น.เมืองสรวงได้วิเคราะห์แนวทางแก้ไขปัญหา มองถึงความเปลี่ยนแปลงชุมชนในปัจจุบัน, ทางออกของชาวไร่-ชาวนา และบทสรุป ตามด้วยบทความทิศทางในการพัฒนาเยาวชนในหนองกุงศรี

ผู้อ่าน ซึ่งอ่านในปี พ.ศ. 2549

เกิดความสงสัยในตัวคุณ น.เมืองสรวง จนต้องมาตามล่าหาความจริง ตามบันทึก การเดินทางพิสูจน์ความจริง : บันทึกของนายบอนที่เขียนเกี่ยวกับ น.เมืองสรวง เรื่องจริงหรือแต่งนิยายกันแน่

สิ่งที่สงสัย คือ

1. เขารู้ได้ยังไง

2. เรียนมาจากไหน

3. ใครบอกเขา

4. เอาอะไรมาวิเคราะห์

5. ระดับการศึกษาที่แท้จริงของ น.เมืองสรวง คือ ระดับไหนกันแน่  ปริญญาโท หรือ เอก

หรือพยายามปกปิดตัวตนที่แท้จริงหรือเปล่า

นายบอนอึ้ง เลยถามกลับ  ทำไมถึงสงสัยแบบนี้

” คนที่อยู่ในชุมชนมานาน เห็นความเป็นไปหลายอย่าง ไม่เห็นจะคิดได้เหมือนคุณ น.เมืองสรวงเลย..

...อ่านที่ คุณ น.เมืองสรวงเขียนมา เหมือนคำพูดของนักวิชาการ
หรือ น.เมืองสรวงไปจำคำพูดของคนอื่นมาเขียน
คนในชุนชน ไม่น่าจะคิดได้แบบนี้

แล้ว น.เมืองสรวง เป็นคนในชุมชนจริงหรือเปล่า

หรือว่า แค่แอบอ้างว่า เป็นคนท้องถิ่น เพราะเกิดที่นั่น แต่ไปอยู่ที่อื่น
หรือใช้ความเป็นผู้นำชุมชนจากที่อื่น มาวิเคราะห์ชุมชนหนองสรวง?”

เขามีข้อสงสัยถึงขนาดนี้..
.... นายบอนก็ไม่รู้เหมือนกันนะครับ เพราะไม่ใช่ น.เมืองสรวง

แต่คาดว่า ที่เขาวิเคราะห์ได้  น่าจะมาจากประสบการณ์ในการทำงานของ น.เมืองสรวงนั่นแหละ เรียนรู้จากของจริง

เหลือบดูข้อสงสัย 5 ข้อ

1. เขารู้ได้ยังไง


บางที อาจจะมีคนบอกเขาบ้าง หรืออาจจะคิดเอง หรือ อ่านจากหนังสือ แต่ความจริงเป็นยังไง ให้ น.เมืองสรวงหาเวลามาเขียนอธิบายเอาเองดีกว่า

2. เรียนมาจากไหน

เท่าที่รู้มา เขาเคยบวชเรียน, เรียนมัธยมที่ โรงเรียน กาฬสินธุ์พิทยาสรรพ์ เรียนราชภัฏอยุธยา ก็คงได้ความรู้มาจากสถาบันต่างๆเหล่านี้ด้วยล่ะมั้ง

3. ใครบอกเขา

นายบอนก็ไม่รู้ครับ...
.... แต่หัวหน้างาน ครูอาจารย์ คงจะเคยบอก แนะนำ สั่งสอนบ้างก็ได้

4. เอาอะไรมาวิเคราะห์

อันนี้ ต้องโทรไปตามเค้าเลย
เขาคงจะมีข้อมูลสะสมไว้พอสมควร ตามประสบการณ์ชีวิตที่ผ่านมาบ้างล่ะน่า...

5. ระดับการศึกษาที่แท้จริงของ น.เมืองสรวง คือ ระดับไหนกันแน่  ปริญญาโท หรือ เอก

หรือพยายามปกปิดตัวตนที่แท้จริงหรือเปล่า

ถ้าจะดูตามหลักฐาน วุฒิการศึกษา หรือ ใบปริญญาที่มีอยู่ ก็คงว่าไปตามวุฒิของเค้า
แต่ประสบการณ์ชีวิตนี่  จะอยู่ระดับไหน คงต้องไปสอบถามเจ้าตัวเอาเอง...

6. แล้ว น.เมืองสรวง เป็นคนในชุมชนจริงหรือเปล่า
คนในชุนชน ไม่น่าจะคิดได้แบบนี้


แหม ความจริง ทุกคนเรียนรู้สิ่งใหม่ๆอยู่ตลอด
คนในชุมชนมีความคิด และความรู้ที่ดีๆตั้งเยอะ
ถ้าไม่ถามไถ่ ค้นหา ก็จะไม่รู้....

7.เขาใช้ความเป็นผู้นำชุมชนจากที่อื่น มาวิเคราะห์ชุมชนหนองสรวง?

อันนี้ ต้องถามเจ้าตัวว่า บทความที่เขียน ไปยังไง มายังไง
แต่เมื่อเกิดปัญหา หรือ มองเห็นปัญหา หลายคนจะพยายามหาคำตอบว่า จะแก้ไขยังไง
น.เมืองสรวงเคยทำงานกับผู้นำชุมชนมาตั้งหลายคนนี่นา....


จากประเด็นคาใจที่ยกมา
ต้องยอมรับว่า น.เมืองสรวงได้รับความสนใจจากผู้มีใจรักงานพัฒนากลุ่มเล็กๆเป็นอย่างมาก

คงเหมือนกับความสนใจในผลงาน ในแนวคิดของอีกหลายท่าน ซึ่งมีคนสนใจ ติดตาม ถามไถ่มากกว่า
.. แต่ กรณี น.เมืองสรวง พอมีประเด็นใหม่ๆ  นายบอนก็จะนำมาบันทึกไว้เรื่อยๆ

มีคนมาอ่านเจอ ก็เก็บไปคิด นำมาคุย แลกเปลี่ยนเรียนรู้
มีประเด็นใหม่ นายบอนก็หยิบมาบันทึกอีก

... อาจเป็นเพราะ ใส่ใจ บันทึกเรื่อยๆ “บันทึกเป็น”
นี่คงเป็นสาเหตุที่ทำให้ ผลงาน ความคิด ของ น.เมืองสรวง เขย่าสังคมกลุ่มเล็กๆได้อย่างน่ามหัศจรรย์


หมายเลขบันทึก: 69437เขียนเมื่อ 26 ธันวาคม 2006 10:50 น. ()แก้ไขเมื่อ 3 มิถุนายน 2012 21:32 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (1)

ตอบ.... ข้อ 1 ..ได้เรียนหนังสือเลยคิดได้เองครับ

ตอบ...  ข้อ 2 ..จบระดับสูงสุดปริญญาตรี จาก มหาวิทยาลัยราชภัฎพระนครศรีอยุธยา

ต่อระดับบัณฑิตศึกษา 1 ปี( ไม่จบหลักสูตร) ตังส์หมดก่อนครับ  หลักสูตร การวิจัยและพัฒนา ของ ม. ราชภัฎเชียงราย ที่มาเปิดศูนย์ฯที่ อยุธยา  ในโครงการ " อาสาพัฒนา" กรมการพัฒนาชุมชน  กระทรวงมหาดไทย

ตอบ  ข้อ  3   ได้รับการถ่ายทอดจากอาจารย์ ผู้รู้ และกูรู จากสาขาต่าง ๆ เนื่องจากกระผมชอบเดินทางพบปะผู้คนบ่อย ๆ

4. เอาอะไรมาวิเคราะห์..... ความเกี่ยวเนื่องของสังคมไทยในสภาวะปัจจุบันและเหตุที่จะต้องเกิดขึ้นแป็นไปตามกาลเวลา....

5.ผมไม่เคยปกปิดตนเอง...เปิดเผยเสมอครับ....

6.การเรียนมีส่วนสำคัญอย่างยิ่งเพื่อให้ คน ได้คิดเป็น....คนเราถ้าลืมถิ่นกำเนิดของตนเอง ก็ไม่ใช่ คน แล้วล่ะครับ กามีปีกสีดำจะไม่สามารถกลับกลายเป็นสีอื่นได้......

........จึงไม่จำเป็นว่า...น.เมืองสรวงจะทำอะไร ทำเพื่อใคร แล้วใครได้ใครเสีย ไม่มีคำว่าเสีย...เพราะกลั่นจากหัวใจครับ.....หากท้องถิ่นที่รู้ค่าของตนเองก็ไม่จำเป็นว่า น. เมืองสรวง จะอยู่ที่ใด.........

 

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท