จากการทำงานที่ผ่านมา ผมพบว่า มีหลายๆ คนทำงานประสพผลสำเร็จได้ดีมาก ดังที่ผมเขียนไว้ในกลยุทธ์สามก๊ก
ที่มีหลากหลาย และมีส่วนคล้ายคลึงกันคือ
คิดวางแผนล่วงหน้าก่อนการทำงานทุกท่าน ซึ่งเป็นยุทธศาสตร์การทำงานที่น่าสนใจมาก
ผมอยากขอแนะนำให้ทุกท่านไปอ่านอย่างน้อยสัก 3 จบนะครับ แล้วท่านจะรู้ว่าชีวิตของท่านจะทำให้ดีกว่าเดิมได้อย่างไร มีข้อคิดมากมายเหลือเกิน ทั้งหลักบู๊และบุ๋น
แต่บางคนบอกว่า
ตอนนี้คิดอะไรไม่ออก แต่ขอทำไปก่อน ก็เลยมีความคิดใหม่ว่า “ทำไปคิดไป” ตามหลักการเรียนรู้เราเรียกว่า “การวิจัยเชิงปฏิบัติการ” ทำไปปรับไป
ดังนั้น ผมเลยมานั่งคิดว่า 2 กรณีดังกล่าวนี้ อย่างไหนดีกว่ากัน
ส่วนตัวผมเอง ผมยังยกย่องหลักการ “คิดก่อนทำ” เพราะมีความมั่นคง และชัดเจน วางแผนได้ง่าย จัดระบบการทำงานให้สอดคล้องกับทรัพยากรได้ง่าย
แต่อย่างว่าล่ะครับ บางครั้งเราก็ไม่รู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้น
โดยเฉพาะเรื่องที่เราไม่เคยทำมาก่อน มันเป็นเรื่องยากครับ ที่จะคิดไว้ล่วงหน้า
ดังนั้น ในกรณีนี้จึงอยู่ในหลักการของการ “คิดไปทำไป” เป็นขั้นๆ ไต่ระดับไปเรื่อย
อย่างเมื่อวันก่อน ผมมีโอกาสได้คุยกับท่านหนุ่มชุมพรว่า บล็อกของ สคส ที่ประสพผลสำเร็จอยู่อย่างมากในขณะนี้ เกิดจากการวางแผนของท่านมากน้อยแค่ไหน
ท่านหนุ่มชุมพร ตอบว่า วางแผน 1% บังเอิญ 99%
เห็นไหมครับ ขนาดท่านหนุ่มชุมพร ท่านยัง “คิดไปทำไป” เลยครับ
ผมลองมานั่งทบทวนว่าเราควรจะมียุทธศาสตร์ทั้งสองอย่างทำแบบผสมปนเปกันไป ตามแต่เหตุการณ์ความเหมาะสมที่จะเกิดขึ้น
แต่อย่างไรก็ตาม ผมคิดว่า เราต้องเริ่มที่คิดก่อนทำ แล้วจึงผสมผสานด้วย ทำไปคิดไป
แต่ขอร้องเป็นการส่วนตัวนะครับ อย่าทำแล้วค่อยคิดนะครับ
เพราะไม่มีประโยชน์อันใด มีแต่ เสียใจกับผิดหวัง
ท่านคิดอย่างไรครับ ช่วยชี้แนะแด่กระบี่มือใหม่หัดขับ ด้วยครับ....
ขอบคุณล่วงหน้าครับ
ในฐานะนิสิตด้อยประสบการณ์นะครับ โดยมากผมจะวางแผนคราวๆไว้ก่อนนะครับ ส่วนการคิดไปทำไปนั้นผมใช้ประจำอยู่แล้วในรายละเอียดของงานครับ เพราะงานทุกชิ้นไม่สามารถวางแผนให้เสร็จได้เลย โดยไม่มีการคิดเสริมในระหว่างการทำงาน
ผมเรียนอาจารย์แสวง เช่นนี้นะครับ ผิดถูกอย่างไรโปรดชี้แนะ
เรียน อาจารย์ ดร.แสวง รวยสูงเนิน
การทำงานที่ดีเพื่อให้บรรลุผลตามวัตถุประสงค์นั้นเราต้องมีการวางแผนงานล่วงหน้าครับ และต้องมีอย่างน้อย 2 แผนงานจึงลงมือปฏิบัติจึงจะก่อให้เกิดผลสำฤทธิ์ที่ดี ผมขออนุญาตคิดแบบเปิดเผยดังนี้ครับ
1. การวางแผนงานหลัก(แผนในจินตนาการหรือในอุดมคติ) ก็แล้วแต่จะเรียกก็แล้วกันนะครับในความหมายก็คือว่าการวางแผนการทำงานล่วงหน้าตามขั้นตอนเพื่อให้มาซึ่งความสำเร็จ ซึ่งเป็นการวางแผนจากประสบการณ์ หรือหากไม่มีประสบการณ์ ก็อาจจะได้จากการไป Review ทั้งจากอกสาร และผู้รู้ หลังจากนั้นเราจึงเขียนเป็นขั้นตอนออกมา จนกระทั่งสามารถนำไปสู่การปฏิบัติได้
2. แผนปฏิบัติการ (Action plan) เป็นการนำแผนที่เราได้วางไว้อย่างสมบูรณ์แล้วลงสู่การปฏิบัติ ซึ่งจะต้องมีความสอดคล้องกับแผนหลัก ซึ่งในการปฏิบัตินั้นหากแผนหลักเราวางไม่ดีพออาจจะทำงานลำบาก ดังนั้นเราก็จะต้องทำไปปรับไป แต่หากเป็นการวางแผนที่รัดกุม ละเอียดรอบคอบก็จะทำให้การดำเนินงานเป็ไปตามแผนหลัก และบรรลุตามวัตถุประสงค์ หรืออาจกล่าวโดยสรุปก็คือว่าแผนปฏิบัติการเป็นแผนที่มีความยืดหยุ่น ทำไปปรับไปตามตามสถานการณ์ แต่ให้สอดคล้องกับกรอบใหญ่ที่เราวางไว้สุดท้ายก็จะบรรลุผลตามมา
สรุป ในการทำงานเพื่อให้บรรลุผลที่ดี ประหยัดทั้งเวลา และหลายๆ อย่างที่เป็นองค์ประกอบนั้น จะต้องมีการวางแผนก่อนการดำเนินการครับ และแผนที่ดีก็ควรเป็นแผนที่มความยืดหยุ่น (Flexible) ด้วย
ด้วยความเคารพ
อุทัย อันพิมพ์
คุณบีเวอร์ คุณอุทัย
ที่ท่านเสนอมานั้น
ถูกต้องแล้วครับ
สวัสดีครับอาจารย์
ครับผมก็ว่างั้นแหละครับ จะได้ไม่ต้องคิดมากเกินไปนะครับ คิดแต่พอใช้เป็นขั้นๆ
ก็ตรงกันครับ
ผมพยายามสกิดเตือนไว้ก่อนนะครับ
ผมเคยพลาด และไม่อยากให้คนอื่นพลาดตามครับ
อาจารย์อรรณพ
ก็ลองดูนะครับว่าแบบไหนดีกว่ากัน ไม่ต้องเชื่อท่านหนุ่มชุมพรก็ได้ครับ
สำหรับหนูแล้วแต่สถาณการณ์ค่ะบางเรื่องก็คิดก่อนทำแต่ส่วนใหญ่จะทำไปคิดไปแต่พยายามแก้ไขตัวเองค่ะจะคิดก่อนทำให้ได้เหมือนอาจารย์
ก็จะคิดก่อนค่ะ ว่าจะทำอะไร คือ ตั้งเป้าหมายไว้ก่อน แต่ว่าจะไปถึงเป้าหมายได้อย่างไรนั้น ส่วนมากจะเป็นคิดไปทำไปมากกว่าค่ะ
คิดก่อนทำมีการว่าแผนไว้ก่อน คิดไปทำไปเพื่อให้เข้ากับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในขณะนั้น เพื่อให้การทำงานมีประสิทธิภาพ