ผมเป็นคน "ใช้ไม่ได้" คนหนึ่งแน่ๆครับ ถ้าจะประเมินจากการส่งบัตร ส.ค.ส ให้ผู้คน มารยาทไม่ดีถึงขนาดไม่ได้ส่งตอบที่ใครๆ รวมทั้งเพื่อนบางคนส่งมาให้เสียด้วยซ้ำ .. ด้วยเหตุนี้ปริมาณกระดาษ(ป่า)ที่ถูกทำลาย เพราะมีผมอยู่บนโลกใบนี้ จึงน้อยลงเรื่อยๆ ซึ่งก็ทำผมรู้สึกสบายใจดี ครั้นหันหันมาพิจารณาถึงเพื่อนที่เรียกว่า สุดซี้ หรือ รู้ใจ กันมากที่สุด จนบัดนี้เราก็ไม่เคยส่งบัตร ส.ค.ส ให้กันเลย หนักกว่านั้นอีกครับ เขาเกิดวันที่เท่าไหร่ เดือนไหน ผมยังไม่รู้เลย และมั่นใจเกินร้อยว่าเขาก็ไม่รู้ว่าผมเกิด ต้นเดือนพฤษภาคม ปีเดียวกับอาจารย์ ดร. แสวง รวยสูงเนิน เราสนิทกันชนิดที่ ผมทำอะไร เขาสามารถอธิบายคนอื่นได้ว่าผมคิดอะไรอยู่ โดยที่ผมไม่ต้องบอกเขา ผมเชื่อในแก่น ของการเป็น กัลยาณมิตร หรือ มหากัลยาณมิตร ว่าไม่ต้องพึ่งพาเรื่องรกๆรุงรังอะไรมากนักก็ได้
พูดถึง หนุ่มชุมพร ที่อาจารย์เอ่ยถึง ผมสารภาพว่าผมก็แพ้ใจตัวเอง เมื่อได้ เห็น สิ่งที่ท่านทำ ฟัง สิ่งที่ท่านพูด และอ่าน สิ่งที่ท่านเขียน .. ผมยอมรับว่า กลายเป็คนเห็นคุณค่า ของ ส.ค.ส ไปแล้ว และเห็นค่ามากขึ้นทุกวัน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หลังงานมหกรรม KM-3 ที่ศูนย์ BITEC บางนา .. ไปเวทีไหนผมเลยส่ง ส.ค.ส แทบทุกที่ .. คือช่วยโฆษณา ส.ค.ส แบบไม่ต้องมีค่า Sponsor น่ะครับ
มีเรื่องจริงที่ขอแอบบอกอาจารย์ตรงนี้โดยยังไม่ได้เคยบอกใครใน Gotoknow มาก่อน .. ผมรู้สึกศรัทธาและเป็นหนี้บุญคุณคนนามสกุล "พานิช" มาแล้วแต่เดิมมา ก็โรงเรียนที่ผมเรียนมานั้นชื่อ "พุทธนิคม" เจ้าของชื่อ นายธรรมทาส พานิช และเท่าที่ทราบ ชื่อโรงเรียนอันเป็นที่รักของผมนี้ คนตั้งชื่อคือ อดีต นายเงื่อม พานิช พี่ชายของท่าน ซึ่งต่อมาได้เปลี่ยนสถานภาพไป และคนทั่วไปเรียกท่านว่า "ท่านพุทธทาส" ซึ่งผมเป็นหนี้บุญคุณท่านหนักเข้าไปอีก เพราะ "สวนโมกข์" ของท่านได้มีส่วนอย่างสำคัญในการบ่มเพาะและฝึกความแข็งแกร่งให้ อดีต "เด็กวัด" อย่างผม .. ทั้งยังได้บวชเรียนและจำพรรษาอยู่ที่นั่นกับท่านอีกช่วงหนึ่งในกาลต่อมา
ต่อมา หนุ่มชุมพร นามสกุล "พานิช" ที่ท่านกล่าวถึง ก็มาตอกย้ำความเป็นหนี้บุญคุณที่มีอยู่ในใจผมให้สูงยิ่งขึ้นไปอีก .. แต่ผมไม่เคยบอกท่านเลย .. เก็บไว้ในใจ และรอจังหวะว่าเมื่อไรที่โอกาสเปิด แม้แต่เล็กน้อย ผมจะทำ สิ่งที่ควรทำ จะเล็กน้อยเพียงใดก็ไม่สำคัญ เพื่อช่วยขับเคลื่อนให้ งานในเครือข่ายของ ส.ค.ส สามารถ ส่งความสุข ที่แท้จริง มั่นคง ยั่งยืน สู่สังคมให้ได้มากยิ่งๆขึ้นครับ โดยไม่ต้องรอว่า ใกล้ปีใหม่หรือยัง !
หมายเหตุ :
ผมเขียนบันทึกนี้ ตอบ บันทึกนี้ ของ ท่านผู้นี้ ที่รู้สึกว่าผมเป็นแฟนพันธุ์แท้ของท่านไปแล้ว โดยไม่รู้ตัว คลิก ตามไปอ่านได้เลยครับ
ส.ค.ส
มาถึงท่านพี่ Handy ครับ
คิดเห็นเหมือนคุณ Handy มานานแล้วเช่นกันค่ะ ว่าเสียดายกระดาษ จึงไม่ส่ง ที่เคยทำหากจะให้ใครก็คือ ทำเป็นปฏิทินให้ ด้วยความหวังว่าอาจจะได้รับการทิ้งขว้างช้าลงหน่อย และมีประโยชน์ แต่ก็รู้สึกดีเมื่อได้รับจากคนอื่น จึงเข้าใจได้ว่า เหตุใดคนส่วนใหญ่จึงใช้ช่องทางนี้ในการส่งความสุขค่ะ
ดีใจที่คุณ Handy ดูเหมือนจะทำให้คนที่คุณ Handy ตั้งใจจะเป็นแฟนพันธ์แท้ ท่าน soft ลง ปกติอ่านบันทึกท่านแล้วจะ "กลัว" ความแรงและ "นัยแฝง"ต่างๆที่ท่านใส่ไว้ค่ะ
ส.ค.ส ผ่านสื่อสู่อาจารย์พินิจค่ะ
กับคำว่า ส.ค.ส ในความคิดของดิฉันแล้วเป็นสื่อแทนใจในเทศกาลปีใหม่ที่มีคุณค่าและราคาถูกที่สุด
แต่ไม่ว่าเราจะมอบอะไรในเทศกาลไหนกับคนที่เรารักก็ไม่เท่ากับความรักและจริงใจต่อกัน มีความเป็นกัลยาณมิตรที่มีความสุขกับการให้ที่ยิ่งใหญ่กว่าการรับ ฝึกคว่ำมือมากกว่าหงายมือ (คำนี้ผู้บริหารท่านหนึ่งกล่าวเสมอ ผช.นิมิตร ชื่นชูจิตต์ แบบอย่างนักบริหารสมัยใหม่ในใจดิฉัน)
ส.ค.ส. จะย่อมาจาก ส่งความสุข สาวคนสวย สื่อความสุข หรืออะไรตาม แต่ความหมายแล้วก็คือสิ่งดีๆที่มอบให้แก่เพื่อนมนุษย์ด้วยกันค่ะ