เส้นทางประชาธิปไตย ของไทย


ฤา ประเทศไทย คงต้องพัฒนาทรัพยากรมนุษย์กันอีกยาวนาน......
ปฏิวัติ หมายถึง การยึดอำนาจเพื่อเปลี่ยนแปลงรอบการปกครอง มีเพียงครั้งเดียว คือการปฏิวัติ 24 มิ.ย.2475 นำโดยคณะราษฎร์ มีพระยาพหลพลพยุหเสนา เป็นหัวหน้าคณะ ยึดอำนาจการปกครองจากรัชกาลที่ 7 เปลี่ยนจากระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ เป็นระบอบประชาธิปไตย

รัฐประหาร หมายถึง การยึดอำนาจเพื่อให้มีการเปลี่ยนแปลงตัวผู้บริหารประเทศหรือเปลี่ยนแปลงรัฐบาลในประเทศไทยมีทั้งสิ้น 10 ครั้ง ประกอบด้วย
1. รัฐประหาร 20 มิ.ย.76 (พ.อ.พระยาพหลพลพยุหเสนา ยึดอำนาจพระยามโนปกรณ์นิติธาดา)
2. รัฐประหาร 8 พ.ย.90 (พล.ท.ผิน ชุณหะวัณ ยึดอำนาจรัฐบาล พล.ร.ต.ถวัลย์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ นายกฯ)
3. รัฐประหาร 29 พ.ย.94 (จอมพล ป.พิบูลสงคราม ยึดอำนาจรัฐบาลตนเอง)
4. รัฐประหาร 16 ก.ย.00 (จอมพล สฤษดิ์ ยึดอำนาจ จอมพล ป.พิบูลสงคราม)
5. รัฐประหาร 20 ต.ค.01 (จอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์ ยึดอำนาจจอมพลถนอม กิตติขจร)
6. รัฐประหาร 17 พ.ย.14 (จอมพลถนอม กิตติขจร ยึดอำนาจรัฐบาลตัวเอง)
7. รัฐประหาร 6 ต.ค.19 (พล.รอ.สงัด ชลออยู่ ยึดอำนาจรัฐบาลนาย ม.ร.ว.เสนีย์ ปราโมทย์)
8. รัฐประหาร 20 ต.ค.20 (พล.รอ.สงัด ชลออยู่ ยึดอำนาจรัฐบาลนายธานินทร์ กรัยวิเชียร)
9. รัฐประหาร 23 ก.พ.34 (พล.อ.สุนทร คงสมพงษ์ ยึดอำนาจรัฐบาล พล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัณ)
10. รัฐประหาร 19 ก.ย.49 (พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ยึดอำนาจรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร)

ส่วน กบฏ คือ ผู้ที่กระทำการเข้ายึดอำนาจแต่ไม่สำเร็จ ในประเทศไทยมีกบฏขึ้น 10 ครั้ง และอีก 1 ครั้ง เป็นการก่อความไม่สงบในบ้านเมืองวันที่ 9 ก.ย.28

จาก นสพ.เดลินิวส์ ฉบับวันที่ 25 ธ.ค.49

บทสรุปการเมืองไทย หนีไม่พ้นวงจรอุบาทว์ มนิซีรี่ย์นี้ ชี้ให้เห็นเส้นทางเดินของระบอบประชาธิปไตย ของไทย ตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน มันสื่อให้เห็นถึงสังคม และวัฒนธรรมทางความคิดของคนไทย...ที่ยังไม่สามารถพัฒนาคนให้มีคุณธรรม นำความรู้ ความสามารถ... ทั้งที่ส่วนใหญ่เป็นชาวพุทธ ขาดกฏ กติกา มารยาท คารวะธรรม การเป็นผู้นำ และผู้ตามที่ดี และที่สำคัญคือชาตินิยม.....สังเกตุคำว่า รัฐประหาร กับ กบฏ ความหมายมันใกล้เคียงกันมาก....ต่างกันตรงที่ว่า สำเร็จ หรือไม่สำเร็จเท่านั้นเอง......

เราไม่ใช่สังคมแห่งการเรียนรู้...แต่สังคมเราทุกวันนี้ เป็นสังคมแห่งการอยู่รอด..วัตถุนิยม..การเอารัดเอาเปรียบ เพื่อตนและพวกพ้อง..โดยมองข้ามถึงประโยชน์ต่อส่วนรวม.....

และที่เจ็บปวดที่สุดคือ...พวกเราส่วนใหญ่ค่อนข้างเชื่อและศรัทธาอะไรง่ายๆ...โดยขาดการคิด วิเคราะห์ ความมีเหตุมีผล...จึงตกเป็นเหยื่อผู้ไม่ประสงค์ดี ที่มีต่อ องค์กร และประเทศชาติ......

สื่อต่าง ๆทุกวันนี้ มีอิทธิพล ต่อสังคม ความคิด และ ความเป็นอยู่จริงๆ

หมายเลขบันทึก: 69205เขียนเมื่อ 25 ธันวาคม 2006 10:07 น. ()แก้ไขเมื่อ 21 มิถุนายน 2012 14:31 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท