ดิฉันเคยบันทึกเรื่อง ความสำคัญของสภามหาวิทยาลัย ไว้ครั้งหนึ่ง ที่นี่
ดิฉันต้องกลับไปอ่านทบทวนดูอีกครั้งหนึ่ง เพราะอยากหาแนวคิดที่เหมาะสม ของ มาตรา ๑๘ ใน ร่าง พรบ.มน.
ดิฉันลองทำตารางเทียบเคียงเรื่องนี้ระหว่าง มทส. : มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี กับของ มน. จะได้ดังนี้ค่ะ
องค์ประกอบของสภามหาวิทยาลัย
มทส. |
มน. |
1. นายกสภามหาวิทยาลัย | 1. นายกสภามหาวิทยาลัย |
2. กรรมการสภามหาวิทยาลัยโดยตำแหน่ง - อธิการบดี - ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย - ประธานสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย | 2. กรรมการสภามหาวิทยาลัยโดยตำแหน่ง - อธิการบดี - ประธานสภาพนักงาน - ประธานกรรมการส่งเสริมกิจการมหาวิทยาลัย |
3. กรรมการจากสภาวิชาการ 2 คน | |
4. กรรมการสภาฯ จากตัวแทนคณาจารย์ประจำ 5 คน | 3. กรรมการสภาฯ จากตัวแทนคณาจารย์ประจำที่มีตำแหน่ง รศ.ขึ้นไป 3 คน |
5. กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ 9 – 12 คน (จากบุคคลภายนอก และต้องมาจากภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 4 คน) | 4. กรรมการสภาฯผู้ทรงคุณวุฒิ จากบุคคลภายนอก (โดยคำแนะนำของ ข้อ 2 และ 3 ) 14 คน ( 1 ใน 14 ต้องมาจากที่ สกอ. เสนอ) |
6. รองอธิการบดีฝ่ายกิจการสภามหาวิทยาลัยเป็นเลขานุการ | 5. อธิการบดีเป็นเลขานุการ |
7. หัวหน้าสำนักงานสภามหาวิทยาลัยเป็นผู้ช่วยเลขานุการ |
ที่น่าสังเกต คือ
ถ้าท่านลองอ่านหนังสือ เรื่อง กระบวนทัศน์ใหม่ ในการบริหารจัดการอุดมศึกษาไทย ของ รศ.ดร.ไพฑูรย์ สินลารัตน์ หรือบางส่วนที่ดิฉันตัดตอนมาตาม Link ข้างบน ท่านคงพอจะวิเคราะห์ได้ว่า องค์ประกอบของสภามหาวิทยาลัย มน. ยังคงกระจุกตัวในระดับผู้บริหารของมหาวิทยาลัย มีการกระจายตัวลงมายังฐานล่างไม่มากนัก และยังขาดตัวแทนภาคสังคม / ชุมชน ที่เป็นตัวแทนที่เลือกโดยกลุ่มของบุคคลเหล่านั้นเอง ไม่ใช่ตัวแทนที่คนในสถาบันเลือกกันมา
บันทึกเพิ่มเติม วันที่ 24 ธ.ค. 49
หลักการกลางในการร่าง พรบ.มหาวิทยาลัยของรัฐในกำกับ
ข้อที่ 4 สภามหาวิทยาลัยและผู้บริหารมหาวิทยาลัย
ข้อ 4.1 องค์ประกอบของสภามหาวิทยาลัย ควรประกอบด้วย จำนวนกรรมการสภามหาวิทยาลัยที่มาจากบุคคลภายนอกมากกว่าบุคคลภายในมหาวิทยาลัย กรรมการสภามหาวิทยาลัยจากบุคคลภายนอกนั้น ควรประกอบด้วย ผู้แทนหรือบุคคลซึ่งคณะกรรมการการอุดมศึกษาเสนอ และผู้แทนจากภาคเอกชน ชุมชนหรือสังคม ตามความเหมาะสมและภูมิหลังของแต่ละมหาวิทยาลัย
กระบวนการสรรหานายกสภามหาวิทยาลัย และกรรมการสภามหาวิทยาลัยจะต้องเป็นกระบวนการสรรหาที่โปร่งใส ตามข้อบังคับของสภามหาวิทยาลัย โดยมีคณะกรรมการสรรหาซึ่งเป็นผู้ทรงคุณวุฒิและมีผู้แทนจากคณะกรรมการการอุดมศึกษาร่วมด้วย
อยากจะเห็นการเปลี่ยนแปลงในระดับบริหาร นโยบายของมหาวิทยาลัย อย่างที่อาจารย์เปรียบเทียบมา ได้ข้อสรุปยังครับ ว่าแต่ละสถาบันจะมีหลักการของตนอย่างไร
ดิฉันก็เช่นกันค่ะ หวังไว้เหลือเกินว่า ชาตินี้คงได้เห็นการเปลี่ยนแปลง (ในทางที่ดีขึ้น) ทั้งในระดับสถาบัน และในระดับอุดมศึกษาของประเทศ จริงๆ แล้วหวังอยากให้เปลี่ยนแปลงได้ทุกระดับการศึกษา แต่ก็ทราบดีว่า หวังมากเกินไป และอาจรออยู่ไม่ถึง....
ที่ใกล้ตัวที่สุด คือมหาวิทยาลัยนเรศวร ที่ที่ดิฉันทำงานอยู่ ขณะนี้กำลังอยู่ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ (กำลังจะทำประชาพิจารณ์ ร่าง พ.ร.บ. ม.ในกำกับ) แต่ยังไม่ได้ข้อสรุปค่ะ
ดิฉันจึงเห็นว่า ประชาคม ที่จะ พิจารณา+วิจารณ์ ในเรื่องนี้ทุกคน ควรมีความรู้ให้มากพอ และดิฉันอาจมีส่วนช่วยในการจัดการความรู้ในเรื่องนี้ได้บ้าง (ผ่านทาง Blog)
หากเป็นไปด้วยดี มีข้อสรุปที่ชัดเจน มีการเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น ดิฉันคงได้มีโอกาสนำมาเทียบเคียงในลักษณะ Before / After ให้ได้ทราบ ผ่านทาง Blog ในโอกาสต่อไป (อีกเช่นกันค่ะ)
บันทึกนี้ของอาจารย์กระตุ้นให้ผมสนใจเรื่องการออกนอกระบบขึ้นมาอีกเยอะเลยครับ ขอบคุณมากที่มีอะไรดี ๆ มาฝากกันอยู่เป็นประจำ
ผมได้ร่วมงานกับ มทส. มาเป็นเวลา ๕ ปีครับ
จุดที่อาจารย์ได้ให้ข้อสังเกต โดยเฉพาะข้อ ๒ มีผลอย่างยิ่งต่อการปฏิบัติงานของ มทส. ครับ โดยนายกสภาฯ ได้เข้ามามีส่วนร่วมต่อการพัฒนาการศึกษาโดยตรง ขอยกตัวอย่างที่เป็นรูปธรรมคือ ศูนย์สหกิจศึกษาของ มทส. ซึ่งได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากสภาอุตสาหกรรมในการเป็นสถานประกอบการให้แก่หลักสูตรทั้งหมดของ มทส. หากขาดจุดนี้ไป สหกิจศึกษาของ มทส คงประสบความสำเร็จอย่างที่เป็นอยู่ได้ยาก มีหลายมหาวิทยาลัยที่พยายามผลักดันให้เกิดสหกิจศึกษาแต่ก็ยังไม่ครบวงจรหรือมีอุปสรรคในด้านความร่วมมือจากภาคเอกชน
ผมรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่มีผู้บริหารเล็งเห็นรายละเอียดสำคัญเช่นนี้ครับ ขอบคุณครับ