< เมนูหลัก >
ตอน 2 (2)
"ปฏิวัติวัฒนธรรม" เพื่อภารกิจสร้างสรรค์ปัญญา
ผู้นำ – ผู้ตาม
วัฒนธรรมที่ต้องมีการปฏิวัติประการต่อมา คือ การเป็น “ผู้นำ – ผู้ตาม” เนื่องจากการไหลบ่าของวัฒนธรรม และองค์ความรู้จากประเทศตะวันตก มาเป็นเวลา 200 – 300 ปี ทำให้คนไทยเคยชินกับการเป็นผู้ผลิตตามความรู้จากต่างประเทศ จนลืมคิดว่าในความเป็นจริงแล้ว คนไทยสามารถสร้างตัวเองให้เป็นผู้นำทางวิชาการบางเรื่องได้ โดยไม่จำเป็นต้องตามฝรั่งเสมอไป
ทั้งนี้มีหลักฐานมากมายที่แสดงว่าคนไทยไม่ได้ด้อยสติปัญญากว่าฝรั่งแต่จิตใต้สำนึกที่สั่งสมมาเป็นวัฒนธรรมว่า ความรู้ที่ทันสมัยจะต้องมาจากตะวันตก ทำให้คนไทยไม่สนใจสร้างระบบการทำงานวิชาการ สร้างบรรยากาศวิชาการ สร้างสถาบันการศึกษา และสถาบันวิจัย เพื่อสร้างองค์ความรู้ใหม่ขึ้นในประเทศไทย
ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดของวัฒนธรรมผู้ตามทางวิชาการคือ แนวคิดเรื่องการสร้างมหาวิทยาลัย ซึ่งทำกันอยู่อย่างเดียวมาเป็นเวลาเกือบร้อยปี โดยส่งคนไปศึกษาต่อต่างประเทศ ที่จริงการส่งคนไปศึกษาต่อต่างประเทศมิใช่สิ่งผิด
อย่างไรก็ตามสิ่งที่ผิดคือ การส่งคนไปศึกษาต่อระดับปริญญาเอกในต่างประเทศ จนลืมคิดหาทางสร้าง “ดุษฎีบัณฑิต” ในประเทศที่มีคุณภาพความสามารถสูงเท่ากับมาตรฐานนานาชาติให้เพียงพอ และการที่มหาวิทยาลัยต่าง ๆ ในประเทศไทยพอใจอยู่กับการจัดการศึกษา “บัณฑิตศึกษา" ที่มีมาตรฐานต่ำกว่ามาตรฐานนานาชาติ
การเปลี่ยนแปลงแนวคิด (Mentality) ทางวิชาการจากการเป็นผู้ตามเพียงฝ่ายเดียว มาเป็นผู้เท่าเทียมเป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่ง และเป็นเรื่องที่ประเทศตะวันออกหลายประเทศทำสำเร็จมาแล้วในระดับหนึ่ง เช่น ญี่ปุ่น, ไต้หวัน, สิงคโปร์, และเกาหลี จึงเป็นเรื่องที่ประเทศไทยสามารถทำสำเร็จได้หากมีความตั้งใจจริงและทำจริง
แนวคิดและความมุ่งมั่นที่จะ สร้างความสามารถในการสร้างสรรค์ วิชาการอย่างเท่าเทียมกับประเทศอื่น ๆ นี้ เป็นฐานที่สำคัญของการพัฒนาระบบการวิจัย และพัฒนาของประเทศ
บทความพิเศษ ตอน 2 (2) นี้ ได้ จากหนังสือพิมพ์ กรุงเทพธุรกิจ ปีที่ 9 ล.2788 (104) 9 พ.ค. 39 พิเศษ 6 (บทความไอที)
เขียนโดย ศ.นพ.วิจารณ์ พานิช
วิบูลย์ วัฒนาธร
ไม่มีความเห็น