เมื่อโดนคนรัก (หลายคน) หักอก


ความรักนั้นยังเป็นสิ่งดีงาม มีคุณค่า และ เป็นแรงบันดาลใจให้เกิดสิ่งดีๆ ต่อเพื่อมนุษย์เสมอ

วันนี้ เป็นวันหยุดสุดสัปดาห์ที่ไม่มีการบ้านหนักๆ ให้สะสาง ทำให้รู้สึกโล่ง โปร่ง และ คิดเรื่องที่อยากบันทึกได้หลายเรื่อง ขอเริ่มด้วยเรื่องที่ไม่ค่อยจะเกี่ยวกับงานกับเขาบ้าง  เพราะรู้สึกว่า ตัวเองจะ strict เกินไปหรือเปล่าที่เขียนแต่เรื่องงาน

ท่านเคยโดนหักอกไหมคะ?  ถ้าใครไม่เคย ก็นับว่าเป็นคนโชคดีมากๆ  สำหรับคนที่หน้าตาขี้ริ้ว ขี้เหร่ รูปชั่วตัวเล็ก ไม่มีทุนแห่งความพิสมัยใดๆ คนนี้ ย่อมต้องมีประสบการณ์มาแล้ว  ไม่หลายครั้งหลอกค่ะ แต่ที่หนักสุด ก็ตอนช่วงวัยเลยเบญจเพศมาหน่อย  ก็เสียใจ แต่ก็ไม่ฟูมฟายมากนัก ลองทบทวนดู ก็มีเหตุที่อาจทำให้เป็นเช่นนั้น  เพราะจริงๆ เราก็รู้มาก่อนนานแล้วว่าเขาไม่ได้รักเรา (เท่าไร)  เราต่างหากที่ไม่ยอมเป็นฝ่ายไปก่อน  การรับรู้มาอย่างต่อเนื่อง มันก็เป็นการทำให้เราเตรียมใจได้ระดับหนึ่งแล้ว และเมื่อวันนั้นมาถึง จึงทำใจได้ และกลับมามีชีวิตปกติอย่างรวดเร็ว  ทุกวันนี้ เราก็กลายเป็นเพื่อนสนิทที่ดีต่อกัน

คิดว่าแก่จนปูนนี้ จะไม่โดนหักอกอีก  ก็ยังมาเจอจนได้  ครั้งนี้สาหัสค่ะ เพราะเหตุหลายประการ  ครั้งนี้ไม่ใช่คนรักคนเดียว แต่หลายคน  เรารักเขา และ คิด (เอาเอง?) ว่าเขารักเรา  ไม่มีลางบอกเหตุ ทำให้เตรียมตัวเตรียมใจไม่ทัน

เสียใจค่ะ เสียใจ แต่ก็พยายามตั้งสติ ทบทวน ถึงเหตุและปัจจัย พยายามคิดถึงคำพระต่างๆ ที่ท่านว่าไว้ เผื่อจะทำให้จิตใจสงบลงบ้าง ก็คิดไม่ออกค่ะ เพราะปกติเป็นคนห่างธรรมะ  ก็ได้แต่คิดไปเองตามประสาความเชื่อและศรัทธาที่ตนเองมี  สิ่งหนึ่งที่คิดถึงคือ คำพูดของอาจารย์หมอประเวศ วะสี ที่ได้รับฟังตั้งแต่งานมหกรรมเมื่อปี 48 แล้วคุณโอ๋ก็นำมาฝากอีกครั้ง คือ หาความหมายของสิ่งที่ทำ สิ่งที่ตนเองทำมาในฐานะผู้นำ (ขอเข้าข้างตัวเอง) คิดว่าเป็นสิ่งที่มีความหมาย มีคุณค่ากับมนุษย์  ดังนั้น ไม่ว่าจะเกิดผลกระทบเช่นไร ก็น่าจะต้องเดินหน้าสร้างสิ่งที่มีคุณค่า มีความหมายต่อไป   

แล้วเหตุใดเล่า ที่ทำให้เราต้อง “เสียใจ”
พระท่านว่า (อันนี้นึกออก เพราะพูดกันแพร่หลาย) รักเป็นเหตุแห่งทุกข์   รักมาก ทุ่มเทมาก ก็ผิดหวังมาก ส่วนหนี่งเพราะเมื่อรัก ก็คาดว่าเขาจะรักตอบ ทำอย่างนั้น ทำอย่างนี้ คิดเอง กำหนดเองหมด ก็ทุกข์เท่านั้นซิ  สิ่งที่เรียนรู้จากการอกหักรัก (จากหลายคน) ครั้งนี้ คือต้องเตือนตัวเองให้…..

... เมื่อรัก ก็รักแต่พอดี
... เมื่อทำ ก็อย่าทุ่มเทจนเกินไป
... อย่าคาดหวังใดๆ ทั้งสิ้น จากคนรัก
... เมื่อผิดหวัง ก็เสียใจแต่พองาม 
... สติและปัญญา เท่านั้นที่จะทำให้เรายืนหยัด ด้วยการให้ "ความรัก" ต่อไป

คงไม่เลิกรักพวกเขาหละค่ะ เพราะคิดทบทวนแล้วว่า ความรักนั้นยังเป็นสิ่งดีงาม มีคุณค่า และ เป็นแรงบันดาลใจให้เกิดสิ่งดีๆ ต่อเพื่อมนุษย์เสมอ

คำสำคัญ (Tags): #ความรัก
หมายเลขบันทึก: 68933เขียนเมื่อ 23 ธันวาคม 2006 08:40 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 กุมภาพันธ์ 2012 16:49 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (24)
เห็นด้วยกับคุณหมอ ว่าความรักต้องมีความพอดี ทุ่มเทพอสมควร ตั้งความหวังเผื่อความผิดหวังไว้บ้างต้องรักแบบโยนิโสมนสิการ เม็กดำกำลังคิดเรื่องสุขภาพปฐมภูมิ ความรักที่ทุกคนมีให้กันคือสุขภาพปฐมภูมิที่วิเศษ

คุณเม็กดำ 

  • เม็กดำ (ตามไปดูเป็นชื่อ รร.) ชื่อแปลกดีนะคะ ยินดีที่ได้รู้จักอาจารย์ค่ะ
  • ความรักที่ทุกคนมีให้กันคือสุขภาพปฐมภูมิ จะตามไปเรียนรู้ที่ blog นะคะ

อ.ปารมีขา...

  • ที่ใดมีรัก..ที่นั่นมีทุกข์..เป็นปกติวิสัยค่ะ...
  • ไอ้ที่จะรักแล้วไม่คาดหวังนั้นคงยาก..แต่คาดหวังอาจไม่สมหวังมีได้ค่ะ....คนก็มีความต่าง...
  • ฉันมองคนป็นวงกลมๆ..เขามาสัมผัสกับเราเพียงบางส่วน...ส่วนอื่นๆเป็นส่วนที่เขาคิดว่าจะไปสัมผัสกับอะไรอีก...ชีวิตเขาเป็นของเขา..เช่นเดียวกับชีวิตเราเป็นของเรา..ดังนั้นเราต้องทำให้ส่วนที่เป็นชีวิตเรามีสุขที่สุดค่ะ
  • คุณไมโตพูดถึงอาจารย์ค่ะใน

http://gotoknow.org/blog/nurseanaesthfreetime/68698

  • ดิฉันเลยตามมาอ่านค่ะ..
  • ขอบคุณที่มีข้อเตือนใจดีๆให้อ่านค่ะ

อาจารย์คะ

บางทีการแสดงออกของคนที่เรารักและไว้ใจ    อาจทำให้เราเสียใจ    แต่บางที "วิธี"   ที่แสดงออก    กับเจตนา   อาจเป็นคนละอย่างกันก็ได้ค่ะ

หรือบางที.."วิธี"   ที่แสดงออกอาจเป็น   อย่างเดียวกันกับเจตนา    แต่คงมีสาเหตุและปัจจัย   ความจำเป็น บางอย่างที่ทำให้เค้าคิดและทำแบบนั้น

และบางที "ใจ"   ใจสื่อไม่ถึงกันค่ะ   ใจเราคิดอย่าง   ใจเค้าคิดอย่าง

คุณกฤษณา

ขอบคุณค่ะ ที่เข้ามาเยี่ยม พวกเราก็พูดถึงคุณกฤษณาบ่อยๆ ตามไปอ่านบ้าง แต่ไม่ค่อยได้แจม เพราะเป็นคนคุยไม่สนุก แต่สนุกที่ได้อ่านครอบครัวสุขสันต์ใน G2K ค่ะ

โอ..ใช่เลยค่ะ  บางครั้งการแสดงออกจากคนที่เรารัก  อาจจะทำให้เราผิดหวังไปบ้าง  แต่ไม่ได้หมายความว่า  ไม่รัก  นะคะ

แล้วอย่างนี้จะรียกว่า  อกหัก ได้อย่างไร

อย่างที่คุณนิดหน่อยว่า บางครั้งเจตนาและการแสดงออกอาจจะไม่ตรงกัน  ไม่ใช่ว่าเขาๆ เหล่านั้นจะไม่รักและไม่เข้าใจในเจตนาดีของอาจารย์และทีมงาน  แต่จริงๆ แล้วเขาๆ เหล่านั้นอาจจะต้องการอะไรบางอย่างที่พูดโดยตรงไม่ได้ต้องทำแบบที่ทำไปแล้วก็ได้ค่ะ  ขอให้สู้ต่อไปนะคะ  เชื่อว่าทุกคนมองกันที่เจตนาและการทุ่มเทของอาจารย์มากกว่าค่ะ

เริ่มต้นอ่านด้วยความตื่นเต้น....ดิฉั๊นอ่าน

ขอโทษค่ะ กดเร็วกว่าใจอีกแล้ว...เริ่มต้นอ่านด้วยความตื่นเต้นกับประโยคที่ว่า.....เรื่องที่อยากบันทึกได้หลายเรื่อง ขอเริ่มด้วยเรื่องที่ไม่ค่อยจะเกี่ยวกับงานกับเขาบ้าง  เพราะรู้สึกว่า ตัวเองจะ strict เกินไปหรือเปล่าที่เขียนแต่เรื่องงาน
จบลงด้วยการอ่านกลับไปกลับมาหลายรอบ....หลอกให้เราอ่าน....ใครไม่รักก็ไม่ต้องหวัง...ให้รัก....มีสุขที่เราได้รักเค้าก็พอ...ฟังดูเหมือนลิเก...แต่มีสุขจริงค่ะ..

ชอบมากค่ะอาจารย์ อ่านแล้วโดนใจที่สุดค่ะ

เรียน ท่านเอื้อค่ะ...
  • ..คิดว่าเป็นเรื่องธรรมชาติของคนเราค่ะ  ที่จะมีมุมมองที่หลากหลาย แตกต่างกันไปตามวิถีคิดและเป็นผลให้วิถีปฏิบัติแตกต่างกันไปตามปัจเจก.....
  • คงต้องมองหาจุดแห่งความ "พอเหมาะ พอดี" ค่ะ...พี่เม่ยยังนึกถึงคำกลอนที่ท่าน Handy มาต่อยอดไว้ท้าย บันทึกชื่อ สันติสุขของดอกไม้ ว่า...
  •  ต้องอยู่เรียง  เคียงกันได้  ในความต่าง
    ส่วนช่องว่าง  ต้องมีไว้  ให้เหมาะสม
    เบียดกันมาก  หรือห่างไป  ไม่น่าชม
    ความสุขสม  ย่อมเกิดก่อ  เมื่อ "พอดี"

คุณหนิง  งั้นเรียกว่า อกหักเล็กๆ ก็ได้ค่ะ (แต่คงต้องรอเวลาอีกสักพัก)

ผู้เฒ่า genetic

ขอบคุณค่ะ สำหรับข้อเตือนใจ  เมื่อสติกลับมา คงนิ่งกว่านี้ และเข้าใจอะไรๆ มากขึ้น จะสู้ต่อไป แต่คงต้องขอพักสักพักหนึ่ง  

คุณออมฤทัย ดีใจค่ะ ที่นานๆ จะมีบันทึกโดนใจกับเขาบ้าง ก็เพราะกลั่นจากก้นบึ้งของหัวใจค่ะ

คุณเมตตา  ขอโทษทีที่ทำให้รู้สึกถูกหลอก   ใครไม่รักก็ไม่ต้องหวัง...ให้รัก....มีสุขที่เราได้รักเค้าก็พอ... คิดเช่นนั้นเหมือนกันค่ะ

สุขสันต์วันคริสต์มาสเช่นกันค่ะ คุณคริสจักรความหวัง กำแพงเพชร

พี่เม่ย 

  • ยังเป็นปุถุชนคนธรรมดา ขอเวลารักษาใจ ปะเดี๋ยวก็จะกลับมาเป็นคุณเอื้อคนเดิมค่ะ
  • ขอบคุณสำหรับบทกลอนอันแสนไพเราะและมีคุณค่า ขอบคุณไปถึงผู้เขียน อาจารย์ handy ด้วย

คุณหมอคะ  เรียกว่า  แค่ ผิดหวัง ก็พอน๊า..  ^__* แล้วจะได้หวังใหม่อีกครั้งไงคะ

เอ๊ะ  คล้ายกับชื่อพรรคดอกทานตะวันไงงั้นหละเนี่ย..

อาจารย์คะ

  • ในชีวิตไม่เคยอกหัก  (และไม่หักอกใคร)
  • รับเท่าที่ให้ค่ะ  ให้เท่าไรเอาเท่านั้น  ไม่คาดหวัง ไม่เป็นเจ้าของ (และไม่อยากให้ใครเป็นเจ้าของเราด้วย อิอิ)
  • แต่ให้ตามที่อยากให้ และให้ด้วยความเต็มใจ
  • อาจจะมีผิดหวังบ้างเล็ก ๆ แต่คิดว่าเราทำดีที่สุดแล้ว (เท่าที่คน ๆ หนึ่งจะทำได้)
  • เมื่อก่อนเวลาทำอะไรแล้วไม่ถูกใจ หรือไม่ได้ดังใจใคร อาจจะทุรนทุรายบ้างไม่มากก็น้อย แต่เดี๋ยวนี้น้อยลง น้อยลง และจะน้อยลงไปเรื่อย ๆ จนถึงปล่อยวาง และวางในที่สุด (รอเวลา และให้เวลาค่ะ)

 

  • ในฐานะผู้นำ การให้ เป็นเรื่องที่ผู้ใต้บังคับบัญชาต้องการ  แต่ที่ใดมีคนรัก ย่อมมีคนชัง จะให้ถูกใจทั้งร้อยเป็นไปไม่ได้  อยู่ที่เจตนาค่ะอาจารย์ 
  • ส่งกำลังใจมากกว่าร้อย ไปให้อาจารย์ และอาจารย์ต้องจัดการทุกอย่างเรียบร้อย (แน่นอน)

 

  •  อาจารย์คะ  อกหักดีกว่ารักไม่เป็นค่ะ

อาจารย์ค๊ะ

  • ผู้เขียนส่งงานแล้วค่ะ หวังว่าคงทัน มิทันก็มิเป็นไร แว๊บ ! ไปเที่ยวกันมายกห้องค่ะ (เที่ยวเผื่ออาจารย์แล้วด้วย)
  • อาจารย์ค๊ะ ผู้เขียนอกหักบ่อยค่ะ จนชินแล้วค่ะ แต่อกหักแต่ละครั้งก็มีบทเรียนสอนใจที่บางครั้งก็ลืมว่าเคยเกิดขึ้น บางครั้งจึงมีอกหักซ้ำออกบ่อย ๆ จนมีภูมิไปซะแล้วค่ะ
  • จำได้ว่าวันก่อนเข้าห้องคุณอำนวย ฟังคุณไร้กรอบพูดค่ะว่า คนที่ทำKM หรืออยู่ในห้องทุกคนคงผ่าน....กันมามากมาย และที่นั่งอยู่ตรงนี้ มาถึงตรงนี้ ตอนนี้ทุกคนมี...ภูมิต้านทานค่ะ
  • ผู้เขียนเห็นว่าสิ่งที่จะเอาชนะสิ่งต่างๆ  หรือผ่านพ้นเรื่องราวร้าย ๆ ได้ก็อาจต้องใช้ "ความรัก" นี่แหละเป็นยารักษา ประมาณว่า "หนามยอกก็ต้องเอาหนามบ่ง" ประมาณนั้นค่ะ
  • สุขสันต์วันคริสต์มาสและวันปีใหม่ค่ะ

สำหรับต้วหนูแล้วยังทำใจไม่ได้เลยค่ะ ผ่านไปก้อหลายวันแล้ว อ่านของอาจารย์แล้วก็รู้สึกดีแค่นิดเดี๋ยวเองค่ะ ยังทำใจไม่ได้เลยค่ะ เศร้าจัง

มันยาวอ่ะ ขี้เกียดอ่าน โฮะๆ ^O^

อ่านแต่ตรงเนี้ย

... เมื่อรัก ก็รักแต่พอดี

... เมื่อทำ ก็อย่าทุ่มเทจนเกินไป

... อย่าคาดหวังใดๆ ทั้งสิ้น จากคนรัก

... เมื่อผิดหวัง ก็เสียใจแต่พองาม

... สติและปัญญา เท่านั้นที่จะทำให้เรายืนหยัด ด้วยการให้ "ความรัก" ต่อไป

บอกได้คำเดียวว่า "งง"

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท