สะเก็ดเงิน Psoriasis: สะเก็ดเงินหนังศีรษะ


ควรหมักหรือแช่แชมพู ที่หนังศีรษะเป็นเวลา สามถึงห้า นาที เพื่อให้ยาออกฤทธิ์และได้ผล

ผู้มีผื่นสะเก็ดเงินส่วนใหญ่ จะมีผื่นหรือสะเก็ดที่หนังศีรษะด้วย ทำให้มีลักษณะเป็น ผื่นที่มีสะเก็ดขาวหนาที่หนังศีรษะ คล้ายกับผื่นที่ผิวหนังที่ มีผื่นเป็นผื่นสีแดง มีสะเก็ดหนาสีขาว  

  • การควบคุม ผื่นสะเก็ดเงินที่หนังศีรษะ จะแตกต่างจาก ผื่นสะเก็ดเงินที่ผิวหนัง โดยทั่วไปบ้าง เพราะบริเวณศีรษะจะมีเส้นผม การใช้ครีมทาที่ศีรษะ ทำได้ลำบากเพราะยาทาจะติดที่เส้นผม ทำให้การทายา เพื่อให้สัมผัสถึงหนังศีรษะได้ลำบาก
  • ยาที่ใช้ควบคุมอาการที่หนังศีรษะ มีสองประเภท คือแชมพูน้ำมันดิน หรือ ทาร์แชมพู  และ ยาทาในรูปของเหลว  หรือ ยาน้ำเช่น โลชั่นหรือโซลูชั่น ที่มีส่วนผสมของ สตีรอยด์ หรือ สารในกลุ่มวิตามินดี
  • การใช้แชมพูน้ำมันดิน หรือ ทาร์แชมพู  มีประเด็นที่ควรจดจำก็คือ ควรหมักหรือแช่แชมพูดังกล่าว ที่หนังศีรษะเป็นเวลา สามถึงห้านาที เพื่อให้ตัวยา ได้สัมผัสหนังศีรษะนานเพียงพอ เพื่อให้ยาออกฤทธิ์และได้ผล
  • คงต้องเน้นอยู่เสมอ และไม่ลืมนะครับว่า อาการของสะเก็ดเงิน จะกำเริบขึ้นได้จากปัจจัยสามอย่างคือ การดื่มสุรา การเกา และภาวะเครียด ผื่นที่ศีรษะก็มีลักษณะเช่นเดียวกัน เพราะฉะนั้น การหลีกเลี่ยงปัจจัยทั้งสามอย่างนี้ จะทำให้อาการของสะเก็ดเงินที่หนังศีรษะไม่กำเริบ
  • ความรู้ ความเข้าใจในโรคนี้จะช่วยทำให้ผู้ที่มีสะเก็ดเงิน อยู่ในสังคมได้อย่างมีความสุขพอควร และมีกำลังใจในการมารับการรักษาครับ
หมายเลขบันทึก: 68649เขียนเมื่อ 21 ธันวาคม 2006 19:30 น. ()แก้ไขเมื่อ 5 ธันวาคม 2014 15:47 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (3)
คนไข้สุดหล่อชอบเบี้ยวนัด

อาการสะเก็ดเงินเป็นมาตั้งแต่เกิด มาเจอคุณหมอสุขแล้วถึงได้คลายกังวลครับ เฮ้อ ขอบคุณคุณหมอที่ช่วยเหลือ ตอนนี้หล่อล่ำดำสมาร์ทเหมือนก่อนแระ (ไม่ต้องมานั่งกวาดเศษเงินเศษทองทุกวัน จนคนเค้านึกว่ามันเป็นเอดส์)

 

 

 

เรียนคุณหมอที่เคารพ

หนูมีปัญหาเรื่องนี้จะปรึกษาคะ พอดีว่าพี่เป็นโรคนี้ที่ศีรษะคะ เป็นมานานมากแล้วแต่ไม่รู้ว่าจะรักษายังไง

อยากทราบว่า ถ้าเราจะใช้น้ำมันมะกอกทาที่ศรีษะเพื่อเป็นการรักษา มันจะช่วยได้มั้ยคะในเบื้องต้น

@น้องจิน การรักษาโรคผิวหนังตอนนี้สามารถรักษาได้ด้วย ชีวโมเลกุล ลองศึกษาการรักษาเพิ่มเติมดู

ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับการบำบัดทางชีวภาพ

การบำบัดทางชีวภาพ (biological therapy/biotherapy) การบำบัดทางภูมิคุ้มกัน (immuotherapy) และ การปรับเปลี่ยนการตอบสนองทางชีวภาพ (biological response modifiers) กำลังได้รับความสำคัญเพิ่มขึ้นในเรื่องสารต้านมะเร็ง มันอาจจะถูกนำมาใช้ด้วยตัวของมันเองหรือใช้ร่วมกับการรักษาต่อต้านโรคมะเร็งแบบดั้งเดิมเช่นการรักษาด้วยเคมีบำบัด การบำบัดทางชีวภาพ (biotherapies) ถูกแสดงให้เห็นในการศึกษาวิจัยการรักษาที่มีประสิทธิภาพต่อการรักษาโรคมะเร็งหลากหลายชนิด ซึ่งแตกต่างจากการรักษาโรคมะเร็งแบบดั้งเดิม ไซโตท็อกซิสเคมีบำบัด (cytotoxic chemotherapy)รังสีบำบัด (radiotherapy)และการผ่าตัด(surgery) ซึ่งจัดการกับการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็งโดยตรง การบำบัดทางชีวภาพทำหน้าที่หยุดการเจริญเติบโตของมะเร็งทางอ้อมโดยการกำหนดเป้าหมายเซลล์ที่กลายเป็นเซลล์มะเร็งและเนื้องอก การทำชีวบำบัด (biotherapies)เช่นนี้ช่วยให้ระบบภูมิคุ้มกันทำการต่อสู้กับโรคมะเร็ง

ชีวบำบัดที่ใช้ในการรักษาและป้องกันมะเร็ง มีด้วยกันดังนี้

-การกำหนดเป้าหมายระบบภูมิคุ้มกัน (Immune system-targeted therapies) มีผลทางอ้อมโดยการส่งเสริมระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายในการทำงานกับโรคมะเร็ง

-เอนโดซิโนโลจิเคิล ฮอร์โมนบำบัด (Endocrinological (hormonal) therapies) ใช้ในการรักษาโรคมะเร็งที่ฮอร์โมนมีผลต่อการเจริญเติบโตของมะเร็งฮอร์โมนเหล่านี้ รวมถึงมะเร็งต่อมลูกหมากและมะเร็งเต้านม

-การบำบัดโดยการยับยั้งไทโรซีนไคเนส (Tyrosine kinase inhibitor therapy)

ยับยั้งไคเนสซายน์และเอนไซม์ที่ควบคุมการทำงานของเซลล์เช่นการผลิตและการขยาย

-การรักษายีน (Gene therapy) กำหนดเป้าหมายที่ปัจจัยทางพันธุกรรม เช่นยีนกลายพันธุ์

-ดีเอ็นเอ รักษาและซ่อมแซมเอนไซม์ในการยับยั้ง (DNA repair enzyme inhibitor therapy)

กำหนดเป้าหมายที่ยีนกลายพันธุ์ที่มีความสามารถในการซ่อมแซมดีเอ็นเอ และอาจส่งผลให้เกิดการแพร่กระจายของเซลล์ที่มีดีเอ็นเอที่เสียหายในโรคมะเร็งบางชนิด

-การบำบัดโดยการรับเซลล์ (Adoptive cellular therapy)

เซลล์จากการร่างกายมนุษย์ซึ่งถูกโคลนและสร้างใหม่ แล้วใส่กลับเข้าไปในร่างกายงชีวภาพ (biological therapy/biotherapy) การบำบัดทางภูมิคุ้มกัน (immuotherapy) และ การปรับเปลี่ยนการตอบสนองทางชีวภาพ (biological response modifiers) กำลังได้รับความสำคัญเพิ่มขึ้นในเรื่องสารต้านมะเร็ง มันอาจจะถูกนำมาใช้ด้วยตัวของมันเองหรือใช้ร่วมกับการรักษาต่อต้านโรคมะเร็งแบบดั้งเดิมเช่นการรักษาด้วยเคมีบำบัด

การบำบัดทางชีวภาพ (biotherapies) ถูกแสดงให้เห็นในการศึกษาวิจัยการรักษาที่มีประสิทธิภาพต่อการรักษาโรคมะเร็งหลากหลายชนิด ซึ่งแตกต่างจากการรักษาโรคมะเร็งแบบดั้งเดิม ไซโตท็อกซิสเคมีบำบัด (cytotoxic chemotherapy)

รังสีบำบัด (radiotherapy)และการผ่าตัด(surgery) ซึ่งจัดการกับการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็งโดยตรง

การบำบัดทางชีวภาพทำหน้าที่หยุดการเจริญเติบโตของมะเร็งทางอ้อมโดยการกำหนดเป้าหมายเซลล์ที่กลายเป็นเซลล์มะเร็งและเนื้องอก การทำชีวบำบัด (biotherapies)เช่นนี้ช่วยให้ระบบภูมิคุ้มกันทำการต่อสู้กับโรคมะเร็ง

ชีวบำบัดที่ใช้ในการรักษาและป้องกันมะเร็ง มีด้วยกันดังนี้

-การกำหนดเป้าหมายระบบภูมิคุ้มกัน (Immune system-targeted therapies) มีผลทางอ้อมโดยการส่งเสริมระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายในการทำงานกับโรคมะเร็ง

-เอนโดซิโนโลจิเคิล ฮอร์โมนบำบัด (Endocrinological (hormonal) therapies) ใช้ในการรักษาโรคมะเร็งที่ฮอร์โมนมีผลต่อการเจริญเติบโตของมะเร็งฮอร์โมนเหล่านี้ รวมถึงมะเร็งต่อมลูกหมากและมะเร็งเต้านม

-การบำบัดโดยการยับยั้งไทโรซีนไคเนส (Tyrosine kinase inhibitor therapy)

ยับยั้งไคเนสซายน์และเอนไซม์ที่ควบคุมการทำงานของเซลล์เช่นการผลิตและการขยาย

-การรักษายีน (Gene therapy) กำหนดเป้าหมายที่ปัจจัยทางพันธุกรรม เช่นยีนกลายพันธุ์

-ดีเอ็นเอ รักษาและซ่อมแซมเอนไซม์ในการยับยั้ง (DNA repair enzyme inhibitor therapy)

กำหนดเป้าหมายที่ยีนกลายพันธุ์ที่มีความสามารถในการซ่อมแซมดีเอ็นเอ และอาจส่งผลให้เกิดการแพร่กระจายของเซลล์ที่มีดีเอ็นเอที่เสียหายในโรคมะเร็งบางชนิด

-การบำบัดโดยการรับเซลล์ (Adoptive cellular therapy)

เซลล์จากการร่างกายมนุษย์ซึ่งถูกโคลนและสร้างใหม่ แล้วใส่กลับเข้าไปในร่างกาย

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท