(ต่อจากภาคสองค่ะ)
ก่อนที่ดิฉันจะเล่าประสบการณ์ในภาคที่สาม ต่อจากความเดิมในภาคที่สองนั้น ดิฉันขอบอกเล่าเก้าสิบกันนิดนึงนะคะว่า....วันพรุ่งนี้แล้วล่ะค่ะที่พวกเราชาวโมบาย จะออกปฏิบัติงานการให้บริการเคลื่อนที่เพื่อพัฒนาสุขภาพและอาชีพประชาชน ณ โรงเรียนบ้านแม่สลิดหลวง ตำบลแม่สอง อำเภอท่าสองยาง จังหวัดตาก
ในวันพรุ่งนี้ (วันที่ 22 ธันวาคม 2549 ) เราจะออกรถกันตั้งแต่เวลา 08.30 น. และแน่นอนค่ะในครั้งนี้คณาจารย์และเจ้าหน้าที่จากมหาวิทยาลัยของเราไปร่วมออกหน่วยฯ กันกว่า 80 ชีวิตเช่นเดิม
เกริ่นมานานพอสมควร....ดิฉันขอดึงท่านผู้อ่านเข้าสู่เหตุการณ์จากการสำรวจพื้นที่ของตำบลแม่สอง อำเภอท่าสองยาง จังหวัดตากหรือเมื่อประมาณสี่อาทิตย์ที่ผ่านมาตามสัญญาก่อนละกันค่ะ (ซึ่งถ้าท่านใดคิดว่าดิฉันเขียนเว้นช่วงห่างจากตอนเดิมมากเกินไป สามารถกลับไปอ่านเพื่อระลึกความหลังได้ในบทความที่แล้วค่ะ ^^)
ในยามเช้าของวันรุ่งขึ้น ท่าน ผอ.กำพล เมืองยศ ยังคงอยู่กับเราเช่นเดิม ท่านเสียสละอย่างมากเพราะท่านยังไม่ได้เปลี่ยนชุดหรืออาบน้ำแต่อย่างใด อากาศเย็นยะเยือกจริงๆ ค่ะ ท่าน ผอ.รอพวกเราอยู่บริเวณด้านหน้าเพื่อจะพาพวกเราไปชมทะเลหมอก....ดิฉันตั้งตารอตั้งแต่เมื่อคืนแล้วล่ะค่ะ....เมื่อทุกคนพร้อมเราก็เริ่มมุ่งหน้าลงเขาไปอีกด้าน เพื่อไปยัง "ม่อนครูบาใส" เพื่อชมทะเลหมอกยามเช้า
สวยงามมากค่ะ และในครั้งนี้เราทุกคนที่จะไปร่วมชะตาชีวิตการออกหน่วยด้วยกัน....ก็กำลังจะได้สัมผัสกับบรรยากาศเช่นนี้เช่นเดียวกันค่ะ
อีกมุมของม่อนครูบาใส....ที่เห็นเป็นหมอกอยู่ตรงกลางนั่นคือแม่น้ำเมยสายเล็กๆ และฝั่งภูเขาหลังทะเลหมอกคือพื้นแผ่นดินของประเทศพม่า ทิวเขาที่เราเห็นยาวๆ อยู่บริเวณนี้ทั้งหมดคือ ทิวเขาถนนธงชัยค่ะ
ชื่นชมกับภาพทะเลหมอกกันอยู่สักพักใหญ่ เราก็ต้องรีบกลับขึ้นมาบนวนอุทยานเพื่อทำการสำรวจที่พักให้กับผู้ออกให้บริการเคลื่อนที่ฯ ทุกท่านได้พักแรมกันตลอดสามวันสองคืน ซึ่งท่านรองหัวหน้าวนอุทยานแห่งชาติแม่เมย ให้คำแนะนำตลอดจนพาพวกเราชมที่พักอย่างละเอียดทีเดียวค่ะ
หอประชุมรวม ซึ่งสามารถจุคนได้ราวๆ 15 คน ตอนแรกเราใช้ที่แห่งนี้เป็นที่พักของคณาจารย์และเจ้าหน้าที่ที่เป็นสุภาพสตรี แต่เนื่องด้วยอากาศที่หนาวเย็นมากๆ ในช่วงนี้ ทางวนอุทยานแนะนำให้เราเข้าไปพักในบ้านพักน่าจะดีกว่า เพราะหอประชุมโล่งและลมเข้าได้ง่าย ไม่อบอุ่นเหมือนบ้านพักค่ะ
อีกมุมของหอประชุม....ซึ่งเปลี่ยนเป็นที่รับประทานอาหารแทนที่นอนค่ะ
ห้องน้ำที่นี่มีหลายห้องด้วยกัน....สะอาดสะอ้านน่าใช้ค่ะ
บ้านพักรวมอีกแห่งด้านล่าง....สามารถจุคนได้ถึง 10 คนด้วยกัน
ถุงนอนที่ทางวนอุทยานฯ เตรียมไว้สำหรับบุคลากรทุกท่าน
ลานหญ้ากว้างๆ สำหรับกางเต้นท์ ซึ่งทีมโมบายของเรานอนเต้นท์กันทั้งหมด 17 หลังทีเดียวค่ะ เยอะมากกกกกกกก
ท่านผู้อำนวยการคนเก่งและรองหัวหน้าวนอุทยานฯ
สำรวจกันทุกซอกทุกมุม ขึ้นๆ ลงๆ จนท่านอาจารย์วิจิตร อุดอ้าย ขอนั่งพักสักครู่
ดร. สุรพล ตั้งวรสิทธิชัย ลงนามในสมุดเยี่ยมของวนอุทยานฯ
อีกด้านของจุดกางเต้นท์ค่ะ
เมื่อสำรวจที่พักบนวนอุทยานแห่งชาติแม่เมยเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ดิฉันและทีมงานทุกคนภายใต้การนำทางของ ผอ. กำพล มุ่งหน้าลงเขาไปอีกด้านเพื่อเข้าไปดูวิถีชีวิตของครูโรงเรียนสาขาว่าเป็นอย่างไร และวิถีชีวิตบางมุมของชาวกะเหรี่ยงค่ะ
เมื่อมาถึงโรงเรียนสาขาแห่งหนึ่ง ภาพที่ดิฉันเห็นคืออาคารเล็กๆ ชั้นเดียว เทพื้นปูนอย่างง่ายๆ ผนังเป็นไม้ไผ่สานต่อจากผนังก่อปูนไม่สูงมากนัก และมุงหลังคาอย่างแน่นหนา ที่นี่มีเด็กๆ อยู่ราวๆ 30 คน ใช่แล้วค่ะ เด็กทุกๆ คนเป็นชาวกะเหรี่ยงและพูดไทยไม่ค่อยชัดนัก น้องๆ กำลังวาดภาพและฟังคุณครูสอนอย่างตั้งใจ
หมู่บ้านกะเหรี่ยงที่ตั้งอยู่หลังโรงเรียนสาขา
เอ๊....ใครกันน๊ามาขัดจังหวะการสอนของคุณครูของเรา
เห็นโฉมหน้าของเยาวชนน่ารักๆ ในอนาคตกันใกล้ๆ ค่ะ
คุณครูผู้อุทิศตนให้การสอนอย่างจริงจัง...ต้องขออภัยจริงๆ ค่ะดิฉันจำชื่อของคุณครูท่านนี้ไม่ได้ แต่เอาไว้ไปอีกครั้งจะถามชื่อคุณครูแน่นอนค่ะ
หลายๆ ท่านอาจจะสงสัยว่า โรงเรียนสาขาเป็นยังไงกันหว่า ??? เฉลยกันนิดนึงค่ะ โรงเรียนสาขา คือ โรงเรียนที่ไม่มีกฎหมายรองรับแต่เป็นโรงเรียนที่มีไว้สำหรับเด็กๆ อายุก่อนประถมจนถึงชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 ได้ศึกษาเล่าเรียน โดยจะแฝงตัวอยู่ตามหมู่บ้านที่อยู่ห่างไกลจากโรงเรียนแม่ ไม่สามารถเดินทางมาศึกษาเล่าเรียนได้หรือเดินทางมาได้แต่ก็เสียเวลามาก โรงเรียนสาขาจึงอุบัติขึ้นเพื่อแก้ไขปัญหาด้านการศึกษาของเด็กๆ ในถิ่นห่างไกล นั่นเองค่ะ
เมื่อสำรวจโรงเรียนสาขาและหมู่บ้านกะเหรี่ยงเล็กๆ เสร็จ เรารีบรับประทานอาหารกลางวันและเดินทางกลับกันในทันที เพราะแต่ละท่านต่างมีภาระกิจสำคัญรออยู่ด้วยกันทั้งสิ้น
ราวๆ ห้าโมงครึ่งของวันนั้นเราก็กลับมาถึงมหาวิทยาลัยโดยสวัสดิภาพพร้อมกับความทรงจำดีๆ จากตำบลแม่สอง อำเภอท่าสองยาง จังหวัดตาก และในวันพรุ่งนี้ดิฉันและทีมงานบางส่วนกำลังจะกลับไปสัมผัสกับบรรยากาศเหล่านั้นอีกครั้ง แต่เรากลับไปในฐานะที่ต่างจากเดิมค่ะ คือไม่ได้ไปในฐานะของผู้สำรวจพื้นที่แต่เป็นผู้ออกให้บริการ เพื่อนำหลักวิชาการต่างๆ ของทุกๆ คณะภายในมหาวิทยาลัยนเรศวรของเราออกเผยแพร่และช่วยส่งเสริมประชาชนภายนอกรั้วมหาวิทยาลัย ให้ได้รับการพัฒนาคุณภาพชีวิตและอาชีพ เราทั้งหมดกว่า 80 ชีวิต เดินทางไปพร้อมกับโจทย์ปัญหาที่พื้นที่ตั้งเอาไว้ แน่นอนค่ะมันอาจจะไม่ใช่เรื่องง่ายนัก แต่มันก็ไม่มีอะไรยากถ้าเราคิดจะทำ สัญญาค่ะว่าดิฉันจะเก็บบรรยากาศสามวันสองคืนของการออกหน่วยบริการเคลื่อนที่กลับมาฝากท่านผู้อ่านแน่นอน
ดิฉันคงต้องจบบล็อคนี้ที่คำว่า "โปรดติดตามตอนต่อไป" เช่นเคยใช่มั๊ยคะ ขอบพระคุณทุกๆ ท่านค่ะ ที่กรุณาติดตามอ่านมาจนถึงภาคที่สาม ^^ (แม้จะนานมากๆ) และดิฉันจะนำภาคที่สี่มาเขียนต่อในเร็วๆ นี้ค่ะ
หน้าที่เก็บภาพไว้เป็นหน้าที่ผมเลยครับ จะถ่ายให้สวยไม่ให้เสียชื่อคนสอนเลย ครั้งนี้ผมจะบันทึกวิดีโอ ไปออกเนชั่น และ ETV นะครับ