ปัญญาของมังสวิรัติ: ความฉลาดที่ Southamton U. ไม่รู้จัก


ผมได้เขียนใน "บันทึกนี้" ถึงงานวิจัยที่ Southamton University ที่พบว่าเด็กฉลาดจะมีโอกาสเป็นมังสวิรัติ และคนที่เป็นมังสวิรัตินั้นฉลาดขึ้น ฉลาดในที่นี้คือ IQ สูงขึ้นครับ

อย่างไรก็ตาม นักวิจัยจาก Southamton U ตอบไม่ได้ว่าความฉลาดนั้นมาจากไหน บอกไม่ได้ด้วยว่ามาก่อนหรือมาหลังความเป็นมังสวิรัติ

แม้ว่านักวิจัยจาก Southamton U จะตอบไม่ได้ แต่ a vegetarian (for only the last 6 months) จาก Prince of Songkla U ตอบได้ครับ

ตอนได้จากสิ่งที่เขาเรียกว่า "ประสบการณ์ตรง" ครับ หาได้ฉลาดกว่า Southamton U ไม่

ผมคิดว่าการเป็นมังสวิรัตินั้นคือการ "เอื้อเฟื้อ" ครับ เราไม่กินเพราะเราไม่อยากให้ "เพื่อนร่วมโลก" ที่รู้ เกิด แก่ เจ็บ ตาย เหมือนเราต้องเดือดร้อนเพียงเพื่อเหตุผลทาง "ปาก" ของเรา

เป็นเหตุผลทาง "ปาก" เพื่อความอร่อย ไม่ใช่เหตุผลทาง "สุขภาพ" ด้วยซ้ำครับ

เมื่อเรา "เอื้อเฟื้อ" เราก็ "ฉลาด" โดยความฉลาดที่เกิดขึ้นจาก "การเอื้อเฟื้อ" นั้นคือ "ปัญญา" ครับ

"ปัญญา" เป็น "ความฉลาด" แบบ "บริสุทธิ์" แบบ "ชนิดดี" แบบ "สว่าง" และ "ใส"

ฝรั่งที่ Southampton University ไม่เข้าใจมุมมองแบบ Eastern เรื่องนี้ แต่ผมไม่สงสัยเลย เพราะ "ปัญญา" นั้นเมื่อวัดอยู่ใน scale ของ IQ แล้วต้องสูงแน่นอน

ฝรั่งเลยพบว่า ยิ่งกินมังสวิรัติก็ยิ่ง IQ สูง ซึ่งเป็นเรื่องแน่นอนอย่างยิ่ง เพราะใจที่สูงขึ้นย่อม "บริสุทธิ์" ขึ้นและ "ว่าง" ขึ้น เมื่อใจว่างก็ย่อมทำข้อสอบวัด IQ ได้ง่าย เพราะข้อสอบ IQ ส่วนใหญ่เป็นข้อสอบเชาว์ทั้งนั้น

เรื่องนี้เป็นเรื่อง no brainer (เป็น slang แปลว่า เหตุผลเห็นกัน "เห็นๆ" ไม่ได้แปลว่าไม่มีสมองนะครับ)

ดังนั้น เรามากินอาหารมังสวิรัติกันนะครับ 

หมายเลขบันทึก: 68533เขียนเมื่อ 21 ธันวาคม 2006 09:25 น. ()แก้ไขเมื่อ 14 มิถุนายน 2012 09:36 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (8)
  • เมื่อเรา "เอื้อเฟื้อ" เราก็ "ฉลาด" โดยความฉลาดที่เกิดขึ้นจาก "การเอื้อเฟื้อ" นั้นคือ "ปัญญา" ครับ
  • จากเหตุผลต่าง ๆ นานา ที่อาจารย์หยิบยกมา ผมเริ่มจะใจอ่อนด้วยครับ เอาเป็นว่านับตั้งแต่ปี 2550 นี้ผมขอสัญญากับอาจารย์ว่า จะทานอาหารเจทุกวันเสาร์ก่อนแล้วกันนะครับ

ขออนุโมทนาด้วยครับ เริ่มจากวันเสาร์ก่อนก็ดีครับ

ผมเองก็นึกไม่ถึงว่าผมจะไม่กินสัตว์บกได้มาถึงวันนี้ครับ แต่พอไม่กินมันก็ไม่กิน แล้วพอผ่านไปซักพักเราจะกินไม่ได้เองครับ เพราะเราจะได้กลิ่นเหม็นสาบครับ

มีอยู่ครั้งหนึ่งผมไปกินก๊วยเตี๋ยวลูกชิ้นปลา แต่ไม่รู้ว่าน้ำซุปเขาใช้กระดูกหมู พอยกเข้าปากเท่านั้น ผมบ้วนแทบไม่ทันเพราะมันจะสาบมากครับ

ผมคิดว่าเมื่อไหร่เรารู้สึกได้กลิ่นสาบเนื้อแล้ว เมื่อนั้นจาก "ไม่กิน" ก็จะกลายเป็น "กินไม่ได้" ไปเลยครับ

ดิฉันขออนุญาตแนะนำวิธีการเริ่มเป็น "เจเล" แบบง่ายๆ ดังนี้ค่ะ

  • เริ่มด้วยการงดซื้ออาหารที่มีเนื้อวัวและเนื้อหมูผสมอยู่
  • ให้เลือกกินอาหารที่มีเนื้อไก่หรือเนื้อปลาหรืออาหารทะเลแทนค่ะ
  • พร้อมกันนั้น พยายามเน้นกินพวกถั่วอบสารพัดถั่วมากขึ้น เช่น ถั่วลิสง เมล็ดทานตะวัน เมล็ดฟักทอง เป็นต้น หาซื้อง่ายค่ะ ขายเป็นกระป๋องๆ
  • เน้นทานผักผลไม้มากขึ้น
  • เมื่อเริ่มชิน ก็ลดเนื้อไก่ลง เน้นกินแต่อาหารที่เป็นอาหารทะเลค่ะ โดยเฉพาะเนื้อปลาค่ะ

สุดท้ายคือ ลองเลี้ยงสัตว์ดูค่ะ เช่น หมา แมว เป็นต้น ก็จะเริ่มเข้าใจว่า สัตว์ก็เป็นส่วนหนึ่งของธรรมชาติและเขามีสิทธิ์และอยากที่จะอยู่ในโลกนี้พอๆ กับมนุษย์เราค่ะ :)

 

ขอบคุณ อ.ทั้งสองท่านมาก ๆ ค่ะ จะขอทำตามคำแนะนำจากอาจารย์ดูค่ะ

(แต่จะเริ่มจากน้อย ๆ ไปก่อนนะคะ)

          ปกติไม่ค่อยสนใจเรื่องมังสวิรัติ แต่เมื่อ
    ช่วงเทศกาลกินเจที่ผ่านมา เพื่อนเก่า
    ชวนไปร่วมพิธีที่ศาลเจ้า ด้วยความ
    เกรงใจเพื่อนเลยไปอยู่ 2 วัน ตั้งแต่นั้นมา
    ก็ไม่ได้ไปทานก๋วยเตี๋ยวเนื้อวัวเจ้าประจำ
    อีกเลย เกิดความรู้สึกเฉยๆ ไปเอง ไม่ได้
    ตั้งใจอะไรมากมาย แต่ก็รู้สึกดีเหมือนกัน
    แต่เนื้อชนิดอื่นยังทานอยู่ จะพยายามลด
   ปริมาณลงก่อนแล้วกัน 
          ขอบคุณอาจารย์นะคะที่ทำให้ระลึก
    ถึงเรื่องนี้ขึ้นมา .....               

ทานมังสะวิรัติเถอะครับ ดีต่อสุขภาพมากเลย  แต่ต้องมีวินัยด้วยนะครับ

- สุขภาพ สุดยอด

- ไม่เบียดเบียนชีวิตผู้อื่น ยิ่งสุดยอด

- ชีวิตเรียบง่าย ไม่ซับซ้อน

- จิตใจผ่องใส อยู่ร่วมกันอย่างเป็นมิตรแก่กัน 

ทำไมไม่กินสัตว์บก แต่กินสัตว์น้ำ กับสัตว์ปีกล่ะครับ?

ชีวิตไก่ กับ ชีวิตหมู มันต่างกันยังไง? 

(อันนี้ถามด้วยความไม่รู้จริงๆ นะครับ ไม่ได้ตั้งแง่อะไร) 

สำหรับผมและ ดร.จันทวรรณ นั้นสัตว์ปีกก็ไม่กินครับ ที่จริงสัตว์น้ำเราก็กินน้อยครับ

เราคิดว่าสัตว์น้ำจำเป็นต้องกินครับเพื่อให้สามารถเดินทางไปไหนมาไหนได้แล้วยังมีอาหารกินอยู่บ้าง ไม่สร้างความยุ่งยากจนเกินไปครับ

ประเทศไทยเรายังมีทางเลือกให้กับ vegetarian น้อยเมื่อเทียบกับประเทศที่มี vegetarian จำนวนพอประมาณครับ ไม่ต้องพูดถึงร้านอาหารทั่วไปนะครับ แม้กระทั่งสนามบินตามหัวเมืองใหญ่ๆ ในบ้านเราถ้าไม่กินสัตว์น้ำด้วยนี่จะหาอาหารกินยากมากทีเดียว ต้องประยุกต์กันวุ่นวายครับ

นอกจากนี้ร้านอาหารเจในบ้านเราโดยส่วนใหญ่จะนำอาหารเก่ามาขายซ้ำหลายวัน ไม่ค่อยน่ากินเท่าไหร่ครับ 

ที่สำคัญจะไม่สร้างความลำบากใจให้กับคนที่เราจะไปกินข้าวด้วยครับ เพราะอย่างไรก็ตามเราก็ยังต้องเข้าสังคมอยู่ครับ

ที่จริงแล้วเหตุผลของใครก็แล้วแต่บุคคลครับ แล้วแต่สภาวะแวดล้อมที่แตกต่างกันด้วยครับ ก็คงต้องประยุกต์กันไปครับ ไม่ว่าอย่างไรถ้าช่วยลดการบริโภคเนื้อสัตว์ได้ก็เป็นเรื่องที่ดีครับ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท