จิรอาจ สมิงชัย(37)

มีงานถ่ายวีดีโอทั้งวันครับ

วันพฤหัสบดีที่ 21  ธันวาคม  2549

          วันนี้จริงๆแล้วมีงานถ่ายวีดีโอกับพี่วิทยาตั้งแต่เช้าจนถึงประมาณ 16.30 น.  แต่ทางผู้จัดเกิดยกเลิกขึ้นมาผมก็เลยไม่ต้องไปครับ  ถือว่าโชคดีครับไม่ได้โชคดีตรงที่ไม่ต้องไปถ่ายวีดีโอนะครับ  แต่โชคดีที่จะได้มานั่งทำงานตัดต่องานมุทิตาจิตต่อให้เสร็จ  หลังจากตัดต่องานได้ใกล้จะเสร็จแล้วก็มาทำต่อให้เสร็จครับแต่พอทำๆ อยู่พี่เอ๋ก็ให้ผมเอางานจดหมายเหตุกรุงศรีที่ผมเคยตัดต่อไว้นานแล้วลงแผ่นDVD  ครับก็เป็นอันว่าต้องพักงานตัดต่อมุทิตาจิตก่อน  เมื่อเอาจดหมายเหตุกรุงศรีลงแผ่นDVD ได้สักพักนั้นก็เกิดเหตุการณ์ที่ไม่อยากให้เกิดครับ  นั่นก็คือเครื่องคอมพิวเตอร์ค้างครับ  ทำให้งานนั้นเสียไปเลยครับ  พี่เอ๋ก็เลยให้หยุดไว้ก่อนครับ  แล้วให้ผมนำรายการพบหมอศิริราชที่ผมได้เคยตัดต่อไว้เมื่อนานมาแล้วมาลงแผ่นDVD ครับ  ผมก็ลงไปได้ไม่กี่ตอนก็มีงานด่วนเข้ามาอีกครับคือทางเจ้าของงานมุทิตาจิตเค้าจะเอางานวันนี้แล้วครับตอนบ่าย 2 โมง  ตอนแรกผมก็คิดว่าจะเป็นสัปดาห์หน้าเพราะพี่ทวิเค้าบอกว่าเรื่อยๆ  ครับและประกอบกับเครื่องคอมพิวเตอร์กับเครื่องบันทึกแผ่นDVD ไม่ค่อยว่างด้วยครับ  ผมก็เลยต้องพักงานพบหมอศิริราชไว้ก่อนครับ  แล้วกลับมาตัดต่องานมุทิตาจิตต่อ  เมื่อผมตัดต่อเสร็จผมก็เอาไตเติ้ลช่วงแรกที่ทำเสร็จแล้วลงแผ่นDVD  จากนั้นก็นำเทปMini DV ที่พี่ทวิใช้ถ่ายงานมุทิตาจิต จำนวน 2 ม้วน  นำมาลงแผ่นDVD ครับ  โดยวิธีการต่อสายต่างๆ นั้นผมจะอธิบายดังต่อไปนี้ครับ

          จากที่ผมเคยกล่าวไว้แล้วว่าการต่อสายต่างๆ นั้นไม่ควรใช้การจำครับ  ให้ใช้ความเข้าใจในการต่อสายแล้วเราจะไม่มีทางลืมเลยครับเริ่มแรก

          1.ต่อสายS-VIDEO ที่ช่องVideo Out จากเครื่องเล่นเทปMini DV  สาเหตุที่ใช้สายS-VIDEO  แทนสายRCA สีเหลือง  ก็เพราะว่าภาพพที่ได้นั้นจะมีความคมชัดมากกว่าแลไม่เป็นเส้นๆ ครับ  ไปเข้าที่Video In ที่เครื่องบันทึกDVD ครับ(ถ้าเป็นภาษาที่ฟังเข้าใจง่ายๆ ก็คือเราต้องการให้ภาพจากเทปMini DV ไปอยู่ที่แผ่นDVD เราก็ต้องOut  จากเครื่องบันทึกเทปMini DV  ไปIn ที่เครื่องบันทึกDVD )

          2.ต่อสายRCA เสียง ขาวและแดงที่ช่องAudio Out ของเครื่องบันทึกเทปMini DV  ไปเข้าที่ช่องAudio In ที่เครื่องบันทึกDVD

          3.เมื่อเราต่อครบแล้วตาม 2 ข้อข้างต้นจริงๆ ก็ถือว่าเสร็จแล้วสามารถบันทึกได้แล้วแต่ว่ายังไม่สมบูรณ์   สาเหตุที่ยังไม่สมบูรณ์ก็คือว่าเราจะไม่รู้เลยว่าเราบันทึกตอนไหนของเทปไปบ้างเพราะว่าเราไม่มีภาพให้เห็นครับ  วิธีที่จะเช็คภาพและเสียงว่าเสียงนั้นเข้าแผ่นDVD รึเปล่าก็คือ ให้เราต่อ Video Out  และ  Audio Out  จากเครื่องบันทึก DVD ต่อไปที่ Video In  และ  Audio In ที่โทรทัศน์ เพื่อเช็คภาพและเสียงครับ  ถ้าถามว่าทำไมไม่ต่อVideo Out  และ  Audio Out จากเครื่องบันทึกเทป Mini DV หล่ะ  ผมก็จะตอบว่าเราต้องการจะเช็คว่าภาพและเสียงลงแผ่น DVD รึเปล่า  ไม่ได้จะเช็คว่าเทปMini DV นั้นมีเสียงรึเปล่าครับ

          หลายคนแรกๆ อาจจะงงเรื่องการต่อสายตรงนี้  แต่ลองใช้ความเข้าใจกับเรื่องเล็กๆ ตรงนี้แค่แป๊ปเดียวครับแล้วมันจะติดตัวเราไปตลอด  ไม่ได้ติดตัวเพราะว่าเราทำบ่อยหรือปฏิบัติบ่อยก็เลยจำได้  แต่จะติดตัวไปเพราะความเข้าใจจริงๆ ครับ

          เมื่อต่อสายทุกอย่างเสร็จก็นำเทปม้วนแรกใส่ไปก่อนครับ  ม้วนแรกจะมีความยาว 60 นาที   เวลาตอนนั้นก็เกือบ 12.00 น. แล้วผมก็เลยลงไปทานข้าวก่อนครับ

          หลังจากท่านข้าวกลางวันเสร็จก็รีบกลับขึ้นมาเช็คภาพต่อ  หลังจากม้วนแรกจบก็ต่อด้วยม้วนที่2 ครับแต่ก่อนที่เราจะบันทึกม้วนที่ 2 นั้น  ให้เราเช็คภาพม้วนที่2 ก่อนว่ามีงานอื่นเข้ามาแทรกรึเปล่าแล้วตัวงานมุทิตาจิตนั้นจบตรงไหนต้องใช้วิธีการจำภาพเอาครับเพราะว่าที่เครื่องบันทึกเทปMini DV นั้นไม่มีเวลาบอกครับ  เมื่อเช็คภาพแล้วก็ถึงจะค่อยบันทึกครับ  ระหว่างที่ผมบันทึกนั้นผมก็ให้นิธิกานต์  ทำปกDVD และวงกลม ไปด้วยเพื่อไม่เป็นการเสียเวลาครับ งานนั้นเสร็จเรียบร้อยก่อนเจ้าของงานจะมาเอางาน 30 นาทีครับ  ก็เป็นอันว่าเรียบร้อย

          หลังจากนั้นผมก็มานำรายการพบหมอศิริราชลงแผ่นDVD ต่อจนครบตอนครับแต่ยังไม่หมดเพราะว่าต้องตัดต่อเพิ่มอีกครับ  จากนั้นพี่วิทยาก็มาขอใช้เครื่องคอมพิวเตอร์ครับ  เวลาตอนนั้นก็ 16.00 น.แล้ว  ผมรู้สึกว่าตาของผมนั้นใช้งานหนักมากเลยครับวันนี้เพราะว่านั่งอยู่หน้าคอมพิวเตอร์และโทรทัศน์เป็นเวลาหลายชั่วโมงครับ  จากนั้นเมื่อนั่งพักถึงเวลา 16.40 น. ก็เดินทางกลับบ้านครับ

          ประสบการณ์ที่ได้ในวันนี้นั้นก็ยังคงเหมือนกับเมื่อวานครับคือว่า  งานมันจะมาเมื่อไหร่เราไม่ทราบครับ  ถึงแม้ว่าเราทำอีกงานอยู่  งานอีกอย่างก็ยังเข้ามาอีก  เราจะตอบว่าไม่ว่างครับทำงานนี้อยู่ก็ไม่ได้ครับ  เพราะผมท่องอยู่ตลอดเวลาว่ามันคือหน้าที่ที่ผมต้องรับผิดชอบครับ

                                                    จิรอาจ  สมิงชัย