วันนี้ ผมมีโอกาสได้เข้าร่วม weekly meeting กับทีมงาน สคส. โดยมีท่านอาจารย์หมอวิจารณ์ พานิช เป็นหัวเรือใหญ่ ท่านอาจารย์ ดร.ประพนธ์ ผาสุขยืด และนอกจากนั้นยังมีภาคีเครือข่ายของ สคส.อีก 2 เครือข่าย คือ อาจารย์ ดร.วัลลา ตันตโยทัย และครูบาสุทธินันท์ ปรัชญพฤทธิ์ พร้อมศิษย์บูรณาการศาสตร์ อีก 3 ท่าน ณ ห้องประชุม 2 สกว. ชั้น 14 ตึก SM TOWER
การประชุมที่ชื่นมื่น การประชุมในครั้งนี้เป็นการประชุมที่ชื่นมื่น เหมือนกับทุกๆ ครั้งที่ผมได้มีโอกาสได้เข้าร่วมประชุมด้วย เพราะเป็นการประชุม Style KM เริ่มจากที่ท่านอาจารย์หมอได้กล่าวต้อนรับ ผู้ที่มาร่วมการประชุม แล้วท่านก็ได้ส่งต่อมาที่ผมเพื่อเล่าเรื่องเกี่ยวกับ Social Intelligence (ความฉลาดทางสังคม) ซึ่งเป็นหนังสือเกี่ยวกับ การศึกษาด้านสมอง และพฤติกรรมที่เกี่ยวข้อง สมอง กับ วิทยาศาสตร์ ทีได้ไปอ่านและตีความมาให้กับสมาชิกฟังเพื่อจะได้ร่วมแลกเปลี่ยนเรียนรู้
จิตวิทยากับการบำบัด เป็นเรื่องแรกที่ผมได้นำเสนอต่อที่ประชุม ซึ่งในการบำบัดรักษาผู้ป่วยที่มีปัญหาด้านสุขภาพจิตนั้นDaniel Goleman ได้กล่าวว่ามีอยู่ 2 แนวทางคือการรักษาโดยการให้คำปรึกษาโดยนักจิตบำบัดที่มีความเชี่ยวชาญ และการรักษาทางชีววิทยาตามแนวทางของ Carl Marci นักจิตแพทย์ แห่ง Harvard Medical School ในเทคนิคที่เรียกว่า “logarithm for empathy,” “ลอกการิทึ่ม” เป็นเทคนิคที่สามารถที่จะเข้าใจความรู้สึกของผู้อื่นได้ และหลังจากนั้นผมก็ได้นำเสนอเกี่ยวกับการสร้างความร่วมมือที่ดีในการทำงาน เวลากับความรู้สึก การยิ้มที่มีควมสุข ดังที่ผมได้ขึ้น Blog ไปแล้วเมื่อสองสามวันที่แล้ว
อารมณ์บ้าคลั่งของฝูงชนฝูงชน (THE MADNESS OF CROWDS) เป็นเรื่องเล่าที่ผมได้พยายามที่จะสื่อสารต่อประชุมให้เข้าใจเป็นเรื่องต่อมาครับ ซึ่ง Daniel Goleman ได้กล่าวถึง Elias Canetti เขาได้กล่าวถึงกลุ่มที่เรียกตัวเองว่า “ ซุปเปอร์ฮูลิแกน (Superhooligan) ” พวกนี้จะรวมกลุ่มกันเชียร์ฟุตบอล และชอบก่อความไม่สงบ ชกต่อยกันโดยที่ไม่เคยมีเรื่องมีราวกันมาก่อน และจะเลือกสถานที่ในฟุตบอลรายการศึกยูโรเปี้ยน ซึ่งฝูงชนกลุ่มนี้จะเข้ามาก่อนเวลาแข่งขัน เพื่อดื่มเบียร์, เหล้าของมึนเมา เพื่อย้อมใจ และก็จะร้องเพลงเชียร์ประจำทีมของตนเองอย่างดัง ๆ และซ้ำแล้วซ้ำอีก
Elias Canetti มีความสนใจจึงได้ทำการศึกษาเรื่อง “ ฝูงชนและพลังฝูงชน ” ซึ่งเขาได้ตั้งข้อสังเกตว่า เมื่อใดก็ตามที่มีการรวมตัวกันของคนหลาย ๆ คนแต่ละคนนั้นก็จะมีอารมณ์รุนแรง , โมโห ของแต่ละคนอยู่แล้ว เมื่อมารวมตัวกันก็ทำให้เกิดอารมณ์คล้อยตามกัน ซึ่งฝูงชนจะมีความคิดเห็นคล้อยตามกัน ซึ่งใช้เวลาสมองสั่งการตัดสินในเพียงเสี้ยววินาที ในกลุ่มชนที่คล้อยตามผู้อื่นนั้นเมื่อใจเย็นลงแล้ว พวกเขาก็สามารถบอกเล่าถึงเหตุการณ์ที่ผ่านมาได้ เช่นเดียวกับนักแสดง นักดนตรีที่สามารถสร้างให้เกิดอารมณ์ร่วมได้ ดังนั้น ในการที่เราจะตัดสินใจทำอะไรก็ต้องชั่งใจให้ดีนะครับ
อย่างไรก็ตาม ในการสอดประสานกันระหว่าง ความฉลาด อารมณ์ เสน่ห์ ความเอาจริงเอาจัง จะสามารถสร้างความรู้สึกที่ดี อันจะ ส่งผลทำให้เกิดอารมณ์ที่มั่นคง และสัมพันธภาพที่ดีแก่ผู้ ใกล้ชิด ไม่ว่าจะเป็นสมาชิกในครอบครัว เพื่อนร่วมงานและในสังคม ครับผม.......
สำหรับท่านต่อไปว่าอย่างไรติดตามพรุ่งนี้นะครับ
ขอบคุณครับ
อุทัย อันพิมพ์
ไม่เข้าใจ
และสงสัยว่าไปชายแดน
ทำไมอดอ่านข้อคิดเห็น อ.แสวง