จังหวัดแม่ฮ่องสอนที่ดิฉันเคยรู้จัก
ดิฉันสอบบรรจุครูได้เมื่อ พ.ศ. 2511 ทางกรมสามัญศึกษามีบัญชีรายชื่อโรงเรียนให้ผู้สอบบรรจุครูได้เลือก ใครจะไปอยู่โรงเรียนอะไร จังหวัดไหนทั่วประเทศ แต่ไม่มีใครเลือกไปโรงเรียนในจังหวัดแม่ฮ่องสอนเลย เพื่อน ๆ ของดิฉันเลือกไปโรงเรียนที่เชียงใหม่ ชลบุรี สิงห์บุรี และที่อื่น ๆ เพื่อน ๆ บอกว่าจังหวัดแม่ฮ่องสอนอยู่ไกลเลยเชียงใหม่ แถมกันดารอีกด้วย ยังไม่มีถนนที่ดี ๆ เขากำลังทำถนนอยู่และทางที่ไปก็โค้งไปโค้งมาเป็นพันโค้งลัดเลาะไปตามไหล่เขาอันตรายมาก ถ้าจะไปต้องนั่งเครื่องบินจากกรุงเทพฯ หรือจากเชียงใหม่ไปลงที่สนามบินแม่ฮ่องสอนเลย แต่จังหวัดที่กันดารห่างไกลแบบนี้จะขาดแคลนครู ดิฉันตัดสินใจเลือกไปโรงเรียนห้องสอนศึกษา จังหวัดแม่ฮ่องสอนทันที คุณพ่อคุณแม่ญาติพี่น้องตกใจและเป็นกังวลกันใหญ่ เราไม่มีญาติพี่น้องที่โน่น แต่ดิฉันตัดสินใจแน่วแน่แล้ว และบอกกับญาติผู้ใหญ่ว่า แผ่นดินไทย ไม่ว่าตรงไหนก็คือแผ่นดินไทย คนไทยด้วยกัน ไม่เป็นไรหรอก คนชนบทน่ะจิตใจดี
ดิฉันประทับใจมากที่โรงเรียนห้องสอนศึกษานี้ มีครู ยี่สิบกว่าคน ครูสาวมี 2 คน คือดิฉันและครูกาญจนา ซึ่งสอนคหกรรม ในโรงเรียนนี้มีระดับชั้น ม.ศ 1 - 5 ม.ปลายคือ ม.ศ 4 มี 1 ห้อง มีนักเรียนประมาณ 35 คน ม.ศ 5 มี 1 ห้อง มีนักเรียน 2 คน นักเรียนชาย 1 คน นักเรียนหญิง 1 คน ดิฉันสอน ม.ศ 1 วิชาภาษาอังกฤษ ม.ศ 4 สอนวิชาภาษาไทย ม.ศ. 5 สอนวิชาหน้าที่ - ศีลธรรม ขาดแคลนครูก็ต้องช่วยกัน เตรียมการสอนให้ดี ตั้งใจสอนอย่างเต็มที่ นักเรียนน่ารักอยู่แล้ว ชาวบ้าน คุณครู และเด็ก ๆ นักเรียนน่ารักมากค่ะ อัธยาศัยดี มีลูกศิษย์หญิงคนหนึ่งพาดิฉันนั่งเกวียนชมเมือง บ่ายวันนั้นบ้านเธอหยุดส่งถ่านขาย เพราะเอาเกวียนมาให้ครูนั่งชมเมือง สมัยนั้นในเมืองไม่มีรถเก๋ง มีรถจิ๊ปของข้าราชการชั้นผู้ใหญ่อยู่ไม่กี่คัน นอกนั้นเป็นรถจักรยานและรถมอเตอร์ไซด์จำนวนไม่มากนัก
ตัวเมืองเป็นเมืองเล็ก ๆ มีถนนรวมทั้งหมด ตรอก ซอยนับแล้ว 9 สาย ชื่อถนนคล้องจองกันหมด น่าจะมีแห่งเดียวในประเทศไทย มีชื่อว่า ขุนลุมประพาส สิงหนาทบำรุง ผดุงม่วยต่อ ปางล้อนิคม อุดมชาวนิเทศ นิเวศน์พิศาล ชำนาญสถิตย์ ประดิษฐ์จองคำ ราชธรรมพิทักษ์ ผ่านมา 38 ปี แล้วดิฉันยังจำชื่อถนนได้ เดี๋ยวนี้ทราบว่า บ้านเมืองเจริญขึ้นมาก ตามสี่แยกมีไฟเขียวไฟแดงและมีถนนเพิ่มอีกหลายสาย มีตลาดหนึ่งแห่งเป็นตลาดเล็ก ๆ ขายเฉพาะตอนเช้า ๆ เรียกว่า ตลาดสายหยุด หลังคาใบตองตึง มีชาวบ้านเอาของมาขาย กระเดียดกระจาดผักใส่เอว หรือบ้างก็หาบมาวางขาย
มีร้านอาหาร 2 ร้าน คือร้านเจ๊ศรีกับร้านนายเคี๊ยม จะสั่งอาหารตามใจชอบมากไม่ได้ ไม่มีให้เลือกมาก โดยมากเป็นก๋วยเตี๋ยว และอาหารพื้น ๆ อาหารที่เป็นของทะเลแพงมาก มีเป็นบางวันที่เครื่องบินลงได้ ถ้ามาทางถนน ของทะเลก็อาจจะเน่าเหม็น เพราะหนทางไกล ถนนไม่ค่อยดี ออกจากเชียงใหม่เช้า ถึงแม่ฮ่องสอนก็จะเย็นแล้ว อาหารทะเลต้องรอเครื่องบิน ราคาจึงแพงเพราะค่าขนส่งแพง
เครื่องบินจากเชียงใหม่มาแม่ฮ่องสอนใช้เวลาบินประมาณ 35 - 40 นาที สมัยก่อนนั่งเครื่องบินดาโกต้า มี 28 ที่นั่ง เป็นเครื่องบินลำเล็กจะตกหลุมอากาศบ่อย ถ้าวันนั้นอากาศร้อน ทำให้ผู้โดยสารเมาเครื่องบินทำโจ๊กได้เป็นถุง (อาเจียน) ไปตาม ๆ กัน
แม่ฮ่องสอนได้ชื่อว่าเป็นเมืองสามหมอก คงเป็นเพราะมีหมอกสามฤดู ฤดุหนาวหมอกจัดมาก ฤดูฝนมีหมอกเมฆฝน ฤดูร้อนมีหมอกที่ชาวบ้านจุดไฟเผาป่า หมอกควันจะแสบตา ตอนกลางคืนจะเห็นไฟแดง ๆ บนภูเขาเป็นหย่อม ๆ
การมีหมอกหนามากทำให้เครื่องบินลงไม่ได้ เพราะสนามบินเป็นสนามบินเล็ก ๆ เป็นดินลูกรังแดง ๆ (ที่พักรอของผู้โดยสารเป็นอาคารไม้ไม่ใหญ่มาก ยกพื้นมีใต้ถุน) หัวสนามบินติดกับป่าและภูเขา ท้ายสนามบินเป็นบ้านคน ถ้าเครื่องบินจะลงต้องตั้งหลักที่หัวสนามบิน ถ้าเลยหัวสนามบินมาแล้วระยะทางรันเวย์จะสั้น ลงไม่ได้ ต้องบินวนไปตั้งหลักกันใหม่
มีอยู่หลายครั้งที่พวกเราไปส่งข้าราชการที่ย้ายไปอยู่ที่อื่น เมื่อได้ยินเสียงเครื่องบินก็แน่ใจว่าเครื่องบินลงได้แน่ จึงสวมพวงมาลัยกล่าวร่ำลา ตามพิธีการ ปรากฏว่าเครื่องบินลงไม่ได้ เมฆหมอกบังยอดเขา บินกลับไปเชียงใหม่ เลยส่งกันเก้อ เป็นอย่างนี้หลายครั้งจนชินเป็นเรื่องธรรมดาไปเลย เดี๋ยวนี้ทราบว่าพัฒนาไปมาก เจริญใหญ่โต
สถานบันเทิง โรงภาพยนตร์ โรงละครไม่มี ทีวีรับไม่ได้ รับได้แต่วิทยุของสถานีวิทยุแห่งประเทศไทย ดังนั้นวันหยุดเสาร์อาทิตย์พวกเราจะไปเที่ยวป่ากัน พวกครูเรากลุ่มเล็ก ๆ จะไปตั้งแคมป์นอนในป่าฟังเสียงน้ำในลำธาร เสียงนก ชะนี และสัตว์อื่นร้อง ก่อกองไฟอยู่ใกล้ ๆ อยู่กับธรรมชาติ สนุกมาก จึงประทับใจธรรมชาติที่สวยงามมีป่าเขาทุ่งนา อากาศบริสุทธิ์ ผู้คนมีน้ำใจเอื้อเฟื้อโอบอ้อมอารี ประทับใจไม่รู้ลืม...
ไม่มีความเห็น