ผมได้รับมอบหมายให้อ่าน หนังสือ Social Intelligence ซึ่งเขียนโดย Daniel Goleman แล้วให้นำเสนอใน Weekly Meeting ของ สคส. ในวันที่ 20 ธันวาคม 2549 และมีออยู่ตอนหนึ่งที่ผมได้รับผิดชอบคือ THE HAPPY FACE ADVANTAGE (ข้อได้เปรียบของใบหน้าที่มีความสุข) ผมจึงใคร่ขอนำเสนอเพื่ออจะได้เป็นประโยชน์ต่อพี่น้องชาว GotoKnow. อย่างไรก็ตามการแปลในครั้งนี้อาจจะไม่สละสลวยเท่าที่ควร เนื่องจาก ยังด้อยด้วยประสบการณ์ และหากท่านใดที่จะกรุณาชี้แนะก็จะเป็นพระคุณยิ่งครับ
เมื่อฉันได้พบ Paul Ekman เป็นครั้งแรกในราวปี 1980 เขาเพิ่งจะใช้เวลาราว 1 ปี ในการจ้องมองดูกระจก เพื่อเรียนรู้การควบคุมกล้ามแต่ละส่วนจาก 200 ส่วนของใบหน้า นี่ถือเป็นการนำร่องผลงานวิจัยทางวิทยาศาสตร์ชั้นหนึ่ง เขาได้ประยุกต์ใช้กระแสไฟฟ้าอ่อนๆ กระตุ้นกล้ามเนื้อบนใบหน้าบางส่วนที่ไม่สามารถควบคุมได้ มีครั้งหนึ่งที่เขาควบคุมการเคลื่อนไหวของเขาได้ด้วยตัวเอง เขาสามารถวางแผนตัวแน่นอน ในการเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อ ว่ามันมีความแตกต่างอย่างไรในแต่ละอารมณ์ และมีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา
เอกค์แมน ได้กล่าวถึงการยิ้ม 18 ชนิด ทุกชนิดใช้กล้ามเนื้อในการขยับเวลายิ้มถึง 15 มัด ความซับซ้อนของการยิ้มแทนการแสดงความรู้สึกที่ไม่มีความสุข เช่นเดียวกันกับการแยะยิ้มอย่างไม่สมหวัง ซึ่งปรากฏความรู้สึกไม่มีความเบิกบาน รอยยิ้มแห่งความอำมหิตแสดงให้เห็นว่า บุคคลนั้นกำลังโกรธและหมายถึงอย่างนั้นจริง ๆ และมีรอยยิ้มอย่างอวดรู้ซึ่งเป็นเครื่องหมายของชาลี แชปปลิ้น ซึ่งเป็นการใช้กล้ามเนื้อ ส่วนใหญ่ของคนไม่สามารถเคลื่อนไหวในการยิ้มอย่างจงใจ ซึ่งเอกค์แมนพูดถึงมันว่า “ ยิ้มแห่งการยิ้ม ” น่นอนว่ามีการยิ้มที่แท้จริงด้วยความรู้สึกสนุกสนานหรือยิ้มด้วยความขบขัน รอยยิ้มเหล่านี้เป็นรอยยิ้มซึ่งเรียกกำลังใจให้พลังกลับคืนมา กิริยานั้นส่งสัญญาณให้เซลล์ในสมองสั่งการให้ร่างกายทำงานทันที อีกทั้งยังทำให้เรายิ้มอย่างรวดเร็วและเป็นยิ้มของเราเอง ขณะที่ชาวธิเบต กล่าวถึงการยิ้มว่า “ เมื่อคุณยิ้มให้กับชีวิต ครึ่งหนึ่งของยิ้มปรากฏที่ใบหน้า เป็นของคุณ อีกครึ่งหนึ่งสำหรับคนอื่น ๆ ”
การยิ้มเป็นการกระตุ้นการแสดงอารมณ์ทางสีหน้าทั้งมวล สมองของมนุษย์ชอบใบหน้าที่มีความสุขมากกว่า มันจะจำความรู้สึกนี้ได้ง่ายและรวดเร็วมากกว่าการแสดงออกด้านลบอื่น ๆ ที่เราทราบกันคือ “ ใบหน้าที่เปี่ยมยิ้มย่อมได้เปรียบ ” นักวิทยาศาสตร์เกี่ยวกับเซลล์สมองแนะนำว่า สมองมีระบบสำหรับความรู้สึกด้านบวกซึ่งมีส่วนสำคัญในการทำกิจกรรมใด ๆ สร้างสาเหตุสำคัญที่ทำให้คนพบสิ่งดี ๆ มากกว่าอารมณ์ที่เป็นลบ ( อารมณ์เสีย ) และทำให้พบสิ่งดี ๆ ในชีวิตมากกว่า
นั่นอาจกล่าวได้ว่าธรรมชาติย่อมต้องการสรรค์สร้างความสัมพันธ์ดี ๆ ( คิดเชิงบวก ) แม้ว่ามีอารมณ์โกรธอยู่ในมวลมนุษย์ก็ตาม เราไม่ได้ดีเลิศมาตั้งแต่เกิด แม้ว่าเราจะอยู่ท่ามกลางคนแปลกหน้า หรืออยู่ในช่วงเวลาแห่งความสุข แม้เราจะดูโง่เขลา การคิดไม่ดี พูดไม่ดี อาจส่งผลถึงผู้อื่นในด้านจิตใจ พยายามปรับพฤติกรรมอย่างเห็นได้ชัด คนแปลกหน้าเหล่านั้นล้วนกำหนดเรื่องราวต่าง ๆ เปรียบดังเกมง่ายๆ ที่เล่นต่อกัน ระหว่างที่เล่นเกมนั้นมีคนหนึ่งต้องพูดผ่านเก้าอี้ขณะที่วิ่งตรงไปยังอีกคนหนึ่ง มีผ้าปิดตาไว้ ปาลูกโป่งไปข้างหลัง และคนที่สี่คนแปลกหน้าคนที่ล้มลง จะถูกหัวเราะเยาะจากเพื่อน ๆ ที่อยู่รอบข้าง
แล้ววันนี้คุณยิ้มหรือยังครับ ถ้าหากยังไม่ยิ้มจงยิ้มให้กับตัวเองเถอะครับ เพราะการยิ้มเป็นการการสร้างมิตรภาพที่ดี และมีมาแต่บรรพบุรุษของพวกเราชาวไทยจนกระทั่งได้รับการยกย่องทั่วโลกว่าเป็น “สยามเมืองยิ้ม” และมีคนเขาบอกว่าการยิ้มนอกจากจะได้มีกัลยานมิตรที่ดีแล้วยังทำให้อายุยืนด้วยนะครับ
ขอบคุณครับ
อุทัย อันพิมพ์
การยิ้มต้องมาจากใจครับ ไม่ใช่แค่ดึงมุมปากถอยหลังเฉยๆนะครับ เมื่อยแย่เลย
เรื่องนี้อยู่ผิดบล็อกครับ
ขอบคุณครับ
จะพยายามยิ้มครับ