ปัญหาการศึกษาของประเทศไทยที่ยังไม่พัฒนากระบวนการเรียนรู้ แต่เน้นการท่องจำไปตอบข้อสอบ เพื่อให้ได้ใบปริญญา ประกาศนียบัตร และเอกสารแสดงวุฒิอื่นๆ ที่ไม่ค่อยสอดคล้องกับความต้องการของเกษตรกร ชุมชน และสังคม ในทุกระดับ
การทำเช่นนี้ ทำให้คุณภาพการศึกษา เหลือเพียงคุณภาพการเลียน ว่าใครเลียนแบบไปตอบข้อสอบได้เก่งกว่าใคร ยังไม่ถึงแม้แต่การเรียนรู้ ที่จะเอาความรู้มาใช้ในการพัฒนาตนเอง และการศึกษาที่เราจำเป็นต้องทำให้สัมฤทธิ์ผล
เพื่อพัฒนาประชากรที่มีคุณภาพ พร้อมที่จะเสียสละพัฒนาประเทศชาติ แต่เป้าหมายที่สำคัญในการพัฒนาของเรา กลับเป็น “การศึกษา” เพื่อพัฒนาตัวเอง ให้มีประชากรที่มีความรู้ความสามารถเข้มแข็งมากพอที่จะนำไปพัฒนาผู้อื่น สังคม และประเทศชาติ
ดังนั้น ในด้านนโยบายสาธารณะจึงควรเน้นการแก้ไขปัญหา ที่เป็นแก่นแท้ของปัญหาของระบบการศึกษา ที่ต้องกลับมาเน้นการปรับปรุงคุณภาพของบุคลากรทุกระดับ ให้สอดคล้องกับความต้องการของประเทศ และสังคมไทย
สิ่งที่ขาดแคลนอย่างหนักในขณะนี้ ก็คือ
ดังนั้นเพื่อเป็นการสนับสนุนการพัฒนานโยบายสาธารณะด้านการศึกษา จำเป็นต้องเน้นการแก้ปัญหาใหญ่ ดังกล่าวข้างต้น
โดยการสนับสนุนหลักการเบื้องต้นง่ายๆ ในการให้รางวัลและลงโทษ แบบไม่หลงประเด็น ให้เกิดประโยชน์ต่อการพัฒนามากที่สุด อย่างตรงไปตรงมา ชัดเจน และโปร่งใส โดยให้สอดคล้องกับเป้าหมายหลักของชาติอย่างแท้จริง ลดการทำงานแบบเพิ่มกระดาษเปื้อนหมึก ให้เหลือน้อยที่สุด และเป็นประโยชน์ต่อสังคมมากขึ้น
ยุทธศาสตร์ในการทำงานที่สำคัญก็คือ
จึงเสนอมาจากประสบการณ์การทำงานด้านการศึกษามากว่า ๓๐ ปี เพื่อโปรดพิจารณา ด้วยความเคารพอย่างสูงครับ
และสำหรับสมาชิก Blogger ทั้งหลาย ท่านมีความเห็นอย่างไร และจะเพิ่มเติมในประเด็นใด กรุณาเพิ่ม หรือแก้ไขได้เลยครับ
แล้วผมจะรวบรวมเสนอ “ผู้ใหญ่” อีกครั้งหนี่งครับ
ขอบพระคุณล่วงหน้าครับ
คุณ ขจิต
ขอบคุณครับ บันทึกในสมองแล้วครับ
เป็นการเติม และขยายจากข้อสาม ให้ชัดเจนขึ้นครับ
เรียน ผศ.ดร.แสวง รวยสูงเนิน
1. รับผิดชอบต่อหนี้ที่ในอาชีพให้สมบูรณ์ ใช่ว่ามีแต่สอน สอนเสร็จไม่ใส่ใจในพฤติกรรมของนักเรียนหรือนักศึกษา (ประเภทสอนเสร็จปัด....หาย)
2. ต้องให้คำปรึกษากับนักเรียนและนักศึกษา ตรงนี้ก็มีความสำคัญต่อการเรียนไม่ใช่น้อย ไม่ใช่โทษแต่เด็กว่า ไม่มาขอคำปรึกษา ในส่วนนี้อาจารย์ก็ต้องพิจารณาตนเองด้วยว่า ตนทำตนเหมาะสมที่นักเรียน นักศึกษาจะมาขอคำปรึกษาหรือไม่
ด้วยความเคารพ
อุทัย
คุณอุทัย
ผมสอบตกข้อสองของคุณครับ
ขอสอบซ่อมได้ไหมครับ
เป็นลักษณะต้นแบบครูไทยในอุดมคติที่ผมจะจำไว้ครับ
คุณปืนครับ
จะจำอะไรครับ จำแค่ปรัชญาก็พอนะครับ ไม่ต้องจำวิธีการก็ได้ครับ อันตรายครับ
ผมก็คิดแบบเดียวกัน แต่ไม่กล้าเสนอ เพราะยังหาทางออก กันพวกกระสือของระบบไม่ได้ ก็เลยต้องยอมตามเขาไป ทั้งที่กระสือมีอยู่ไม่ม่าก แต่ตัวใหญ่ กินจุเท่านั้นเอง ทำให้คนอื่นเดือดร้อนไปหมด
ขอบคุณครับ
สวัสดีครับ
สวัสดีในใจอยู่นานแล้ว รอว่าเมื่อไรจะมีไม้เด็ดๆ มาสะท้อนของแท้ที่มีอยู่ในวงการอีก
วันก่อนเห็นใครคนหนึ่งหน้าใสๆ ออกทีวี เสียงก็สดใส มีพลัง คิดว่าต้องเป็นน้องชายท่านเป็นแน่แท้ .. สุดท้ายก็พบว่าตัวท่านเองนั่นแหละ ดูแล้วน่าจะสัก 40 ฝ่าๆ ครับ ... อันนี้ เจ๊าะแจ๊ะ แต่ว่าเรื่องจริงครับ
เห็นด้วยกับทุกประเด็นที่นำเสนอในบันทึกนี้ พร้อมมีกรณีตัวอย่างสนับสนุนมากครับถ้าต้องการ
สงสาร คนจริง จำนวนไม่น้อย ที่เขารังเกียจวิธีการของ กลุ่มกระสือ ที่กำหนดกฏเกณฑ์อะไรมาก็ล้วนปูทาง หรือเอื้ออำนวยผลประโยชน์ให้พวกเขาสม่ำเสมอ ตลอดมา ทั้งชักนำคนให้บูชาแต่พวกกระดาษเปื้อนหมึก ที่บรรจงสร้างกันขึ้นมาแบบไม่ละอายแก่ใจ คนจริง พวกนี้ทำงานด้วยชีวิตและจิตวิญญาณ ลองจัดเวทีให้เขาได้พูด ได้แสดงดูเถิด พวกปากคาบคัมภีร์ได้โดดลงเวทีกันไม่ทันเป็นแน่ เพราะทนเสียงโห่ไม่ได้
สงสารนักศึกษาครับ โดยเฉพาะระดับบัณฑิตศึกษา ที่ต้องถูกกรงของพวกนั้นปิดล้อมไม่ให้ออกมาพบ ความจริง และ คนจริง .. กรงและคอกเหล่านั้นยังปิดกั้นอย่างแน่นหนาและถาวร ไม่ให้ คนจริง เข้าไปใน บริเวณอันศักดิ์สิทธ์ ที่เรียกว่า ห้องเรียน ของพวกเขา เขากลัวเสียยิ่งกว่ากลัวผีครับ
ทั้งหมดที่ว่ามา ผมมีข้อยกเว้นให้บางที่ครับ โดยเฉพาะแถวๆอีสาน .. เห็นรั้วโปร่งดี ไม่มีกำแพงทึบ และดูเหมือน กำลังออกแรงดันนักศึกษาให้ออกไปหาคนจริง ด้วยซ้ำไป .. ขอบคุณครับทีช่วยทำให้ผมได้ระบาย ความอึดอัดทิ้งเสียบ้าง