ตะลุยงานวิจัย ตอน Social Talk


การเรียน การทำวิจัย ใช่ว่าจะเอาแต่เรียนๆๆๆ ต้องมีการแลกเปลี่ยนเรียนรู้กับผู้อื่นบ้าง ไม่มากก็ไม่น้อย 555

เมื่อวานได้รับ e-mail จาก Divid Aylward ซึ่งเป็น Research Manager ของคณะ Commerce ที่ผู้เขียนเรียนอยู่ (สาขา Information System ดันมาอยู่ใน Commerce งงจริงๆ)

คุณ Divid บอกว่าวันนี้ (19 ธ.ค.) จะมีงานปาร์ตี้ (HDR end of year party) ตอนกลางวัน ทานอาหารกัน จะมามั้ย "Yes" เพราะทานฟรี ชอบอยู่แล้ว ประหยัด ฮิฮิ

ตอนเที่ยงครึ่ง เหล่านักเรียน Research และอาจารย์บางคน ก็เข้ามา อาหารถูกเปิดออก กลิ่นหอมโชยมาเชียว อาหารหลักๆ เป็นอาหารแขก (คนทุกชาติทานได้) คนอาหรับขอบคุณผู้จัดอย่างมากที่ให้ความสำคัญ และจัดเป็น vetgy บวกอาหารจำพวกไก่ Kebab มี spring roll ใส้เห็ด ซึ่งอร่อยมาก ผู้เขียนไปหยิบมาสองรอบ

Prof. Sara Dolnicar ซึ่งเป็น Faculty Research Director สาวมั่นจากเยอรมัน ผู้ซึ่งต้องการจะให้นักศึกษา Research มีการพบปะพูดคุยกัน แลกเปลี่ยนเรียนรู้กันเพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นเป้าหมายหลักของปาร์ตี้วันนี้

Sara เดินมาคุยรอบๆ เพื่อรับฟังปัญหา ความเห็น ความต้องการ ความเป็นไปของนักเรียน ผู้เขียนรู้สึกว่าทุกๆ ที่ไม่ว่าจะที่เมืองไทย หรือที่นี่ ก็ไม่มีอะไรสมบูรณ์พร้อมหรอก ต้องปรับปรุง เปลี่ยนแปลงให้เข้ากับคนในหน่วยงาน หรือองค์กรกับสม่ำเสมอ

วันนี้ Sara จึงได้ข้อมูลไปเต็มๆ เธออาจจะทำกิจกรรมเพิ่มมากขึ้นให้นักศึกษาได้มีปฏิสัมพันธุ์กันมากขึ้น แต่ส่วนหนึ่ง ก็ต้องเกิดจากความร่วมมือของคนเหล่านั้นเองด้วย ว่าจะมาร่วมหรือไม่ เราไปสั่งใครให้ทำตามไม่ได้ นอกจากเค้าจะเต็มใจเอง

เพราะจากที่สังเกตุ ส่วนหนึ่ง (คนไทยเรานี่แหละ) รู้ว่ามีปาร์ตี้ แต่ไม่มาร่วม อีกส่วนหนึ่ง มาร่วมทาน ทานเสร็จก็เดินกลับไป

ถามว่าการพบปะพูดคุยกันสำคัญมั้ย เสียเวลามั้ย

ถ้าเป็นคนไทย จะเรียกว่า เม้าส์ แต่ดูเหมือนฝรั่ง เค้าจะเจาะจงคุยในสิ่งที่เค้าสนใจ จะไม่เม้าส์กับคนที่ไม่สนิทคุ้นเคยกันเท่าไหร่ แต่อย่างน้อย วันนี้ผู้เขียนก็รู้สึกว่า ที่คณะค่อยมีการรู้จักกันมากขึ้นอีกนิดหนึ่ง เพราะปกติคณะนี้ ค่อนข้างที่จะตัวใครตัวมัน

อย่างไรก็ตาม วันนี้...อิ่มอร่อยคร้าบบบบพ้ม

^____^

Note:
HDR = Higher Degree Reseach เป็นชื่อเรียกของกลุ่มนักเรียนที่ทำ research ของมหาวิทยาลัยของผู้เขียน

ที่ว่า end of year party เพราะว่าพวกอาจารย์จะทำงานจนถึงวันศุกร์นี้ (คงหายไปก่อนหน้าแล้วล่ะ ถึงได้จัดตั้งแต่วันอังคาร) เพราะวันจันทร์หน้าคือวันที่ 25 ธ.ค. ซึ่งเป็นวันคริตส์มาส เหล่าอาจารย์ และเจ้าหน้าที่จะหยุดกันไปเลย โน้นอ่ะ 2 อาทิตย์ คงจะไม่เจอกัน เลยจัดอะไรเลี้ยงเด็กๆ ก่อนหยุด

รูปภาพในความเห็น อ้างอิงจาก http://images.google.com.au/images?hl=en&q=kebab&ie=UTF-8&oe=UTF-8&sa=N&tab=wi

หมายเลขบันทึก: 68167เขียนเมื่อ 19 ธันวาคม 2006 11:51 น. ()แก้ไขเมื่อ 17 พฤษภาคม 2012 13:57 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (17)

จริง ๆแล้วนิสัยแบบดิบ ๆ ตรงๆ   ชอบนั่งอยู่กับคอมพิวเตอร์มากกว่า  จะเป็นลักษณะของนัก IT อยุ่แล้ว  มันเป็นเรื่องธรรมชาติ...โอ้..มาย..ก๊ออดด....นิวคิดว่างั้นนะ...ไม่รุ้จริงเปล่า  ไม่อยากเหมารวม  เอาเป็นว่า  นิวก็จะไม่คุย (หมายถึงคุยต่อหน้าแบบ F2F) กับคนที่ไม่สนิทด้วยเหมือนกันคะ...

คุณ IS เป้นอย่างไรบ้างคะ  สบายดีไหม  หัวข้อเรื่องทำเรื่องอะไร  ประมาณไหนคะ...???

ดิฉันคิดว่า คุยกันบ้างก็ดีนะคะ เพราะ ถ้ไม่เริ่มคุย ก็จะไม่เริ่มคุ้นเคย แต่บางที่การคุยกัน มันก็ต้องมีประเด็นบ้างเนาะ  ไม่งั้นก็ไม่เกิดประโยชน์ ไม่เกิดมุมมองใหม่ๆ

แต่อย่างไร กานนั่งหน้าคอม ก็สร้างความรู้สึกคุ้นเคยได้เหมือนกัน ... เช่น อย่างที่กำลังทำอยู่นี้ ผ่าน g2k นี้

และ สุดท้าย... รูปนี้ สุดยอดค่ะ โอ มากกกกก

(โอ  เป็นศัพย์วัยรุ่นของคนในประเทศไทย ในช่วงนี้นะคะ กัลยากลัวตกรถไฟ.. (Trend) ก็เลยเอามาใช้บ้าง)

  • โอโหเปลี่ยนรูปใหม่ งง งง นิดหน่อย การได้คุยกับเพื่อนได้มุมมองที่แตกต่างไปนะครับ
  • สรุปว่าอิ่มใช่ไหมครับ

socialization นี่สำคัญเนาะคับแต่ผมบางทีก็ขี้เกียจเหมือนกันครับ

ps รูป อ. ท่าเทห์เชียว:>

ขอบคุณค่ะน้องนิว ใช่เลยจ๊ะ เด็ก IT อย่างเราๆ ไม่ค่อยชอบคุยกับคน แต่ก็คุยกันเองในหมู่คนที่ไม่ค่อยคุย ผ่าน Msn บ้าง ผ่านบล๊อกบ้าง นี่ไง ใน G2K น้องนิวออกจะคุยเก่ง

เพียงแต่พอมาอยู่ออสเตรเลีย การพูดคุยปฏิสัมพันธุ์กับคนอื่น อย่างน้อยก็ทำให้ได้ภาษา แต่ถ้าไม่มีพวกงานปาร์ตี้ งานสัมมนาบ้าง เราก็จะอยู่แต่ที่โต๊ะ โต๊ะใครโต๊ะมัน ทำให้ไม่ค่อยได้ความแลกเปลี่ยนความรู้กันเท่าไหร่ ปีกว่าๆ ที่อยู่นี่ น้ำลายแทบปูดแล้ว

^____^

ขอบคุณคุณกาเหว่าค่ะ จริงๆ ในที่ห้องทำงานเดียวกัน จะมีเพื่อนสนิทๆ ที่คุยได้ทุกเรื่องอยู่ค่ะ ทั้งเรื่องสาระ และไร้สาระ คุยเรื่องงานวิจัย คุยเรื่องวัฒนธรรมการดำเนินชีวิต ตะกี้เพิ่งคุยเรื่องอาหารไทยกะอาหารเกาหลี อธิบายกันมือไม้เมื่อยเลยเชียว เพราะถ้าคุยนอกเรื่องคอมฯเนี่ย นึกศัพท์ไม่ค่อยออกเหมือนกันนะคะ

รูป โออออออ....ได้ขนาดนั้นเชียวหรอคะ ดีนะเอารูปที่มองไม่เห็นหน้ามาลง ถ้าเห็นหน้าล่ะก็คงจะร้อง โนนนนนนนนน..... แน่ๆ เลย

(ว่าแต่คว้ารถไฟขบวนสุดท้ายทันรึเปล่าคะ ฮิฮิ)

คุณลุงสายลับพันบล๊อกแวะมาชม หรือแวะมาแซวกันแน่นะเนี่ย หลานแนนถือว่าอาการ งง งง เป็นการชมว่าสวยล่ะกันนะคะ ฮ่าฮ่า

อิ่มค่ะ...อิ่มแบบแขกๆ มีเมนูนึง ชื่อคาบับ มันเป็นไก่ทำเป็นสี่เหลี่ยม แล้วเสียบไม้ เหมือนไม้ไอติมเลย แต่ชื่อทำไมไปเหมือนกับอาหารอีกชนิดก็ไม่รู้ (ไม่กล้าเอากล้องไปถ่าย ทำตัวเหมือนไม่ตื่นเต้นเข้าไว้)

^____^

ขอบคุณที่แวะมาเยี่ยมนะคะอาจารย์ Kae (ไม่กล้าสะกดเป็นไทยซะที กลัวผิด) บางที (ส่วนใหญ่) จะขี้เกียจอยู่เหมือนกันล่ะคะ แต่ถ้ามีอาหารมาล่อเนี่ย หายขี้เกียจเลยคะ

รูปท่าเท่ห์เนี่ย ดี... ใช่มั้ยคะ ดีค่ะดี ขอบคุณค่ะ เป็นท่ากำลังมองว่าจะถ่ายรูปมุมไหนดี แล้วกลัวจะล้มเลยจะจับต้นไม้ เพื่อนแอบถ่ายมา ไม่งั้นได้มีเก๊กท่า ฮิฮิ

^_____^

เปลี่ยนรูปแล้ว สีสันสดใสครับ

เรื่องปาร์ตี้ที่เคยไปมาคุยกันไม่ค่อยมีสาระอะไร (แต่ก็ชอบไป 55)  อาจจะเป็นเพราะคิดกันว่า นอกเวลางานแล้ว อยากจะผ่อนคลายบ้างเลยไม่คุยเรื่องงาน-เรื่องเรียน   แต่บางครั้งก็มีนัดกันคุยเป็นเรื่องๆ แต่หาอะไรกินไปด้วยอย่างงี้ก็สนุกดีครับ ได้ทั้งงาน ได้ทั้งผ่อนคลาย  

ขอบคุณจ๊ะจานเจษ ปกติที่คณะไม่ค่อยมีการพูดคุยกันเท่าไหร่ นานๆ ถึงจะมีโอกาสดีๆ เจอกันค่ะ เรื่องผ่อนคลายก็เป็นการฝึกภาษาดี เพราะเดี๋ยวนี้พูดไม่ค่อยคล่องเลย

ขอบคุณสำหรับคำชมรูปนะคะ เลือกสีส้มแสบทรวงนี้สำหรับไปหิมะโดยเฉพาะเลย โค-ต-ระ เด่นเลยเมื่ออยู่กับหิมะและท้องฟ้า

ฮ่าฮ่า

^____^

ขอขอบคุณอาจารย์ iS...

  • อ่านแล้วเกิดความอยากอาหาร (appetite) ขึ้นมาเลย
  • น่าจะมีภาพอาหารประกอบสักหน่อยนะครับ... คนไทยจะได้รู้จักชื่อ และสรรพคุณของอาหารนานาชาติมากขึ้น
  • ขอขอบคุณครับ...

ขอบคุณค่ะอาจารย์หมอวัลลภ อยากถ่ายภาพอยู่เหมือนกันค่ะ แต่เขิน มีแต่อาจารย์ผู้ทรงคุณวุฒิทั้งนั้นเลย เดี๋ยวเค้ารู้ว่าเราตั้งใจไปทาน Oops!!!

^____^

หารูปจาก Google มาประกอบคราวๆ ค่ะ ปกติ Kebab จะเป็นการเอาเนื้อมาเสียบไม้ซ้อนๆ หนุนๆ เห็นแล้วเหมือนไก่หมุน หมูหันบ้านเรา แต่อันนี้เค้าเอาแต่เนื้อ มาเสียบๆ รวมกัน

อันนี้ในภาพคือ Kebab ที่ใหญ่ที่สุด เปรียบเทียบกับคนตัดแล้วกันนะคะ

 

ธรรมดาเวลาทาน เค้าจะเอามีดคมๆ เฉือนเนื้อที่หมุนๆ นั่นล่ะค่ะ เป็นแผ่นๆ (ชิ้นๆ) เฉือนจากข้างนอก แล้วพอเฉือนไปสักพัก จะทาน้ำซอสแล้วหมุนๆๆ ถ้าขายดีเนี่ย ทาซอสแทบไม่ทันเลยค่ะ เพราะเฉือนตลอดเวลา แต่ถ้าขายไม่ดี ก็หมุนกันเป็นอาทิตย์ล่ะค่ะ

ในรูปนี่เป็น Kebab ที่ขายทั่วไปในร้านที่ออสเตรเลีย ใส้เลือกเองได้ ผักเลือกเองได้ ซีสก็เลือกได้ ว่าจะเอาอาโวคาโดทา หรือเอาซอสอื่นๆ ทา เหมือนแซนวิสที่สั่งห่อได้เลยค่ะ

 

อันนี้ดูจะเป็นภาพที่ search หาจาก Google แล้วคล้ายที่ทานที่ห้องประชุมที่สุด เอามาเสียบไม้ปิ้งๆ ย่างๆ แต่ที่ทานรูปร่างจะเป็นแท่งสี่เหมือนเหมือนไอติมเลยค่ะ อร่อยดี

และแล้วก็ไม่น่าแปลกใจว่าทำไมคนออสเตรเลียส่วนใหญ่ ตัวอ้วนๆจัง

อ๋อ ลืมเล่าไปด้วยว่า เวลาเค้าประชุมกัน เค้าทานไปด้วยเลยนะคะ เรียกว่าเคี้ยวไปฟังไป เพราะส่วนใหญ่จะเป็น Lunch Meeting or Evening Meeting เป็นช่วงทานอาหาร ดังนั้นเค้าจะให้ทาน Light Lunch or Light Dinner ระหว่างประชุมเลยค่ะ

ถ้าเป็นเมืองไทย จะต้องหยุด...แล้วฟัง เบรคถึงจะทาน แค่หยิบลูกอมขึ้นมาทาน ยังเสียมารยาทแล้ว

^____^

 

  • โอยเห็นก็หิวแล้ว
  • แวะมารายงานตัวและสวัสดีปีใหม่ครับ หลานแนน

เย้ๆ

คุณลุงสายลับพันบล๊อกกลับมารายงานตัวแล้ว

ดีใจๆ หายไปชายแดนซะนาน สบายดีรึเปล่าคะ สวัสดีปีใหม่ค่ะ

^____^

มาทักทายอีกรอบ สวัสดีปีใหม่หลานแนน อยากอ่านเรื่องใหม่ๆๆๆๆบ้าง เฮอ
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท