32 ปี 23 คน


“คนจนศรัทธา พาคนรวยมาบริจาค”
โรงพยาบาลบ้านตาก เริ่มก่อตั้งเป็นศูนย์การแพทย์และอนามัยปี 2516 ปรับเป็นโรงพยาบาลอำเภอปี 2519 ปรับเป็นโรงพยาบาลชุมชน 10 เตียงปี 2527 ยกฐานะเป็นโรงพยาบาลชุมชนขนาด 30 เตียงปี 2539 ยกฐานะโดยการพึ่งพาชาวบ้านเป็น 60 เตียงปี 2544 นับถึงปัจจุบันเป็นเวลาถึง 32 ปี ในเวลาดังกล่าวนี้มีแพทย์ที่มาดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการโรงพยาบาลบ้านตากถึง 23 คน คือ
            1. นพ.ทองถม ชลอกุล   พ.ศ.2516 - 2517
            2. พญ.นันทนา   อังศุมาลิน  พ.ศ.2517 - 2518
            3. นพ.นิรันดร์ ตัณฑชุณห์  พ.ศ.2518 - 2519
            4. นพ.ไพรัช ธุวเศรษฐกุล  พ.ศ.2519 ( 4 เดือน )
            5. นพ.สุปรีชา ธนะมัย   พ.ศ.2519 ( 4 เดือน )
            6. นพ.นันทศักดิ์ โชติวนิช  พ.ศ.2519 ( 4 เดือน )
            7. นพ.วทัญญู     ปรัชญานนท์  พ.ศ.2519 - 2520  
            8. นพ.ธเนศ       เศรษฐพงษ์วนิช  พ.ศ.2520 – 2521
            9. นพ.สุรชัย       ว่องวิไลรัตน์  พ.ศ.2521 – 2522
            10. นพ.ละลิ่ว       จิตต์การุณ  พ.ศ.2522 – 2523
            11. นพ.อภิศักดิ์     เหลืองเวชการ  พ.ศ.2523 – 2525
            12. นพ.สุวัฒน์      จันทรเบญจกุล  พ.ศ.2525 – 2527
            13. นพ.สุทธิชัย      โชคกิจชัย  พ.ศ.2527 – 2529
            14. นพ.ประเสริฐ    สีทองส่งแสง  พ.ศ.2529 – 2530
            15. พญ.ปริญญา    คล่องวราการ  พ.ศ.2530 – 2531
            16. นพ.ประกิจ      เปี่ยมเพชรกุล  พ.ศ.2531 – 2532
            17. นพ.มรุต  พนธารา  พ.ศ.2532 – 2533
            18. นพ.สมชาย      ตระกูลโชคเสถียร พ.ศ.2533 – 2534
            19. นพ.สัญชัย       โกศลกิติวงศ์  พ.ศ.2534 – 2535
            20. นพ.โสภณ       ตันชัยเอกกูล  พ.ศ.2535 – 2536
            21. นพ.วีระเกียรติ  หิรัญวิวัฒน์กุล  พ.ศ.2536 – 2538
            22. นพ.อนุเวช      วงศ์มีเกียรติ  พ.ศ.2538 – 2540
            23. นพ.พิเชฐ       บัญญัติ   พ.ศ.2540 – ปัจจุบัน
            ก็เป็นสิ่งที่น่าแปลกเหมือนกันเพราะโรงพยาบาลบ้านตากอยู่ห่างจากตัวจังหวัดแค่ 24 กิโลเมตร เดินทางประมาณ 15-20 นาที ก็ถึงตัวเมืองแล้ว แต่หมอก็หมุนเวียนเปลี่ยนบ่อยมาก ยิ่งแพทย์ประจำด้วยแล้วจะเปลี่ยนเกือบทุกปี เมื่อ2-3 ปีก่อนเปลี่ยนทุก 2-3 เดือนเพราะเป็นแพทย์หมุนเวียน
            ผมรู้สึกว่าต้องมีอะไรแปลกๆ พอมาอยู่จริงก็เริ่มรับรู้ว่าการจัดสรรทรัพยากรที่ได้รับจะน้อยเพราะจังหวัดตากมีพื้นที่อำเภอชายแดนที่ต้องดูแลเยอะ  การจัดสรรทรัพยากรต้องไปแก้ไขปัญหาชายแดนไม่ว่าจะเป็นงบประมาณ สิ่งก่อสร้าง ครุภัณฑ์  ผมมาอยู่ที่บ้านตากเป็นโรงพยาบาลที่ไม่มีแฟลตพยาบาลเลยทั้งๆที่มันน่าจะอยู่ในแพ็คเกจของการขยายโรงพยาบาล(ทราบทีหลังว่าโยกไปให้โรงพยาบาลอื่นก่อน) บ้านพักมีน้อย รถส่งผู้ป่วยมีคันเดียวเมื่อปีก่อนผมมาได้งบซื้อรถอีกคัน สสจ.ขอไปให้โรงพยาบาลข้างเคียงก่อน เป็นโรงพยาบาลเดียวของประเทศ ณ ขณะนี้ก็ (ปี 2548) ยังไม่มีแฟลตพักพยาบาล ต้องปรับปรุงบ้านพัก1-2 ให้มีห้องยูนิตละ 3 ห้องเพื่อให้พยาบาลอยู่กันคนละห้อง ในขณะที่บางโรงพยาบาลมีบ้านพักและแฟลตมากขนาดที่อยู่กันคนละหลังก็ยังมีเหลือว่างอีก ไม่มีระบบบำบัดน้ำเสียโรงพยาบาลเดียวของจังหวัด เครื่องมือทางการแพทย์ไม่ค่อยมีเพราะหากบริการไม่ได้คนไข้ก็ไปโรงพยาบาลจังหวัดใกล้นิดเดียว ทำให้โรงพยาบาลไม่ได้เป็นที่รู้จักหรืออยู่แถวหน้าแม้ในจังหวัดเดียวกัน หัวหน้าพยาบาล(พีปริญฎา) เคยคุยให้ฟังว่าอดีตผู้อำนวยการท่านหนึ่งเคยพูดว่า โรงพยาบาลบ้านตากนี่พัฒนายากเพราะพื้นที่มันเป็นเหว (เหวล้อมรอบเลย) กว่าจะโผล่พ้นเหวมาได้ก็หมดแรงแล้ว แต่ตอนนี้ผมถมเหวเกือบหมดแล้ว คนที่เคยอยู่และย้ายไปที่อื่นกลับมาจะงงมากกว่าทำไมพื้นที่มันเปลี่ยนไป
           แต่สิ่งที่พูดนี้ก็ไม่ใช่ว่าตอนนั้นที่ผมมาอยู่ใหม่ก็ไม่ได้หมายความว่าโรงพยาบาลบ้านตากจะแย่มาก ก็มีการพัฒนาอยู่ต่อเนื่องโดยเฉพาะคุณหมออนุเวช ที่เป็นผู้อำนวยการก่อนผมจะพัฒนาไว้มากโดยการหาเงินบริจาค เพิ่มบริการต่างๆ พอผมมา 6 เดือนแรกผมก็ไม่ได้ปรับเปลี่ยนอะไร ทำตามและต่อยอดสิ่งที่มีอยู่แล้ว (ช่วงที่มาก็เครียดเหมือนกันกลัวว่าจะทำได้ไม่ดีพอกับที่คุณหมออนุเวชได้ทำและฝากฝังไว้) ทำให้ไม่ต้องนับหนึ่งใหม่ เพราะหลายที่เปลี่ยนผู้บริหารใหม่ก็เลิกของเก่าแล้วทำตามใจผู้บริหารใหม่ เผอิญผมเป็นผู้อำนวยการคนเดียวของบ้านตากที่เคยเป็นผู้อำนวยการมาก่อนแล้ว จึงมีประสบการณ์อยู่บ้าง และใช้เวลาในการเรียนรู้และปรับตัวถึง 6 เดือนกว่าจะริเริ่มอะไรใหม่ๆ
           ข้อจำกัดเหล่านี้ ผมได้นำมาเป็นตัวกระตุ้นใจเจ้าหน้าที่ให้สู้ ให้ฮึกเหิม ต้องการพัฒนาโรงพยาบาลให้ได้ภายในข้อจำกัดที่มี เป็นพลังผลักดันในการพัฒนาโดยการพยายามสร้างศรัทธาจากชาวบ้าน ปรับระบบบริการให้ดีขึ้น ตอบสนองชาวบ้านได้มากขึ้น รักษาคนจนให้ดี เพราะหากรักษาคนจนดี เขาจะไปพูดต่อให้คนอื่นๆในหมู่บ้านฟัง ขนาดคนจนรักษาฟรียังดูแลดี คนมีฐานะเขาก็คิดได้ว่าถ้าจ่ายเงินหรือเบิกได้ก็น่าจะดีด้วยเช่นกัน จึงเป็นลักษณะ “คนจนศรัทธา พาคนรวยมาบริจาค” ทำให้เราสามารถพัฒนาโรงพยาบาลบ้านตากด้วยเงินบริจาคกว่า 20 ล้านบาทและล่าสุดสามารถตั้งมูลนิธิโรงพยาบาลบ้านตากขึ้นมาได้โดยเงินอีกเกือบ 5 ล้านบาท สิ่งเหล่านี้ที่มากระตุ้นเจ้าหน้าที่ ถือได้ว่าเป็นการเขย่าองค์การ ตามตัวแบบจตุรภาคการจัดการความรู้ของ Snowden นั่นเอง
หมายเลขบันทึก: 6794เขียนเมื่อ 10 พฤศจิกายน 2005 11:21 น. ()แก้ไขเมื่อ 7 มิถุนายน 2012 14:25 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท