อาทิตย์สุดสัปดาห์
ครั้งที่ 4 อรรถวุฒิ
ภายใต้ศตวรรษที่ 21 ผู้ประกอบการ (
Entrepreneurship ) มีการแข่งขันทางธุรกิจอย่างรุนแรง
ทุกบริษัททุกองค์กรต่างมุ่งหวังผลกำไรสูงสุด ( Maximize Profit )
เพียงอย่างเดียว ดังนั้น ภายใต้สภาวการณ์
เช่นนี้จึงทำให้บุคคลที่เสียผลประโยชน์มากที่สุดก็คือ ผู้บริโภค (
Consumer ) และ ผู้บริโภคอาจได้รับสินค้าที่ไม่มีคุณภาพ หรือ
บริการที่ไม่คุ้มค่ากับเงินที่จ่ายไป
ถึงกระนั้นก็อาจที่จะได้รับการชวนเชื่อ หรือ
หลอกลวงจากโฆษณาที่เป็นเท็จเกินความจริง
แต่สิ่งหนึ่งที่สำคัญกว่านั้นคือ
หากบริษัทใดก็ตามที่มีความมุ่งหวังทางด้านกำไรสูงสุดเพียงอย่างเดียว
ก็อาจที่จะประสบกับความล้มเหลวในอนาคตก็เป็นไปได้
ในโลกธุรกิจสิ่งหนึ่งที่จะทำให้ธุรกิจไปรอดและก่อเกิดความภักดีต่อสินค้า
( Brand Royalty ) หรือ ภาพลักษณ์ที่ดี ( Good image ) คือ
การที่บริษัทนั้นมีจริยธรรมทางธุรกิจ ( Business ethics ) การมี
จริยธรรมทางธุรกิจ มิได้ส่งผลต่อองค์กรธุรกิจเพียงเท่านั้น
หากแต่ยังส่งผลไปถึงการสร้างสังคมคุณธรรม ( Social moral ) และ
ยังทำให้ผู้บริโภค
ได้รับสิ่งที่ดีมีคุณค่าต่อตัวผู้บริโภคอย่างแท้จริง
จริยธรรม ( Ethics ) คุณธรรม ( Moral ) คืออะไร จริยธรรม คือ
การกระทำใดที่เป็นสิ่งที่ถูกต้องมีความดีงามควรปฏิบัติ และ
การกระทำใดเป็นสิ่งที่ไม่ควรปฏิบัติ ทั้งต่อตนเองและผู้อื่น ส่วน
คุณธรรม คือ สภาพคุณงามความดี เป็นความเชื่อของบุคคลส่วนใหญ่
ซึ่งยอมรับว่าเป็นสิ่งที่ดีงาม และ
ส่งเสริมให้สมาชิกในสังคมกระทำความดี และ สร้างคุณประโยชน์แก่สังคม
และ จริยธรรมธุรกิจ ( Business ethics ) คือ
มาตรฐานการกระทำที่ผู้บริหารควรปฏิบัติในทางธุรกิจ
สิ่งสำคัญประการหนึ่งคือ สิ่งที่เป็นจริยธรรม ( Ethics )
นั้นจะมีความแตกต่างจาก กฎหมาย ( Law ) อยู่หลายประการ คือ
สิ่งที่เป็นจริยธรรม ก่อเกิดจากภายในตัวของผู้กระทำเอง
เป็นสิ่งที่ควบคุมพฤติกรรมมนุษย์ในระดับสูง
การลงโทษก็เป็นการควบคุมจากสังคม ( Social sanction ) ส่วนกฎหมายนั้น
เป็นเรื่องของการบังคับให้ปฏิบัติ มิได้ก่อเกิดจากรากฐานภายในจิตใจ
และ กฎหมายอาจเป็นดั่งบรรทัดฐาน ( Norms ) แต่ถึงอย่างไรก็ตาม
ทั้งจริยธรรมและ กฎหมาย
ก็เป็นสิ่งที่ช่วยเหลือเกื้อกูลกันในการทำให้สังคมนั้นดี
ประเด็นต่อมา จริยธรรมธุรกิจนั้นมีความสำคัญต่อสังคม และ
ผู้บริโภคอย่างไร ความสำคัญคงอยู่ในแง่ที่ว่าหาก
บริษัทหรือองค์กรใดมีจริยธรรมทางธุรกิจ บริษัทนั้นย่อมได้รับผลตอบรับ
( Feedback ) เป็นไปในทางที่ดี
จริยธรรมธุรกิจ
จะเป็นดั่งแรงจูงใจที่ทำให้องค์กรธุรกิจมีความรับผิดชอบต่อสังคมมากขึ้น
โดย สิ่งที่บริษัทหรือองค์กรธุรกิจจะได้รับตอบแทนคือ ความเชื่อถือ (
Credit ) ความทุ่มเท ( Devotion ) ภาพลักษณ์ที่ดี ( Good image )
และก่อเกิดความภักดีต่อสินค้าและบริการ ( Brand Royalty )
ประเด็นต่อมา คือ ขอบเขตความรับผิดชอบ ขององค์กรธุรกิจ
นั้นจะต้องรับผิดชอบต่อสังคม และ ผู้บริโภค
หรือผู้ที่มีส่วนได้ส่วนเสีย ( Stakeholder ) มากหรือกว้างแค่ไหน
แต่สิ่งที่สำคัญคือ ความรับผิดชอบต่อลูกค้า หรือ ผู้บริโภค ( Consumer
) รับผิดชอบในขอบเขตเท่าไหร่แค่ไหนอย่างไร สามารถแบ่งออกได้ดังนี้ 1.
สิทธิความปลอดภัย ( Right to safety ) ตรงนี้หมายความว่า ผู้บริโภค
ต้องได้ความปลอดภัยจากสินค้าและบริการ ที่ผู้ประกอบการจำหน่ายให้ 2.
สิทธิที่จะรู้ ( Right to know )
ผู้บริโภคควรที่จะได้รับรู้ข้อมูลที่เพียงพอต่อการตัดสินใจที่จะซื้อสินค้าและบริการนั้น
ๆ 3. สิทธิที่จะบอกกล่าว ( Right to be heard )
เป็นสิทธิของผู้บริโภคที่จะแนะนำช่องทางการติดต่อสื่อสารระหว่างกิจการและผู้บริโภคดำเนินไปทั้งสองทาง
กิจการต้องมีความรับผิดชอบที่จะสร้างกลไกเพื่อแก้ไขปัญหาการร้องทุกข์เกี่ยวกับสินค้าและบริการจากลูกค้า
4. สิทธิที่จะได้รับการศึกษา ( Right to education )
ความรับผิดชอบของกิจการที่ให้ผู้บริโภคเข้าสู่โปรแกรมการศึกษาเกี่ยวกับสินค้าและบริการตลอดจนใช้วิธีที่เหมาะสม
ซึ่งเป้าหมายคือ ผู้บริโภคได้รับขอมูลอย่างเพียงพอ 5. สิทธิในการเลือก
( Right to choice )
เป็นสิทธิของผู้บริโภคที่จะเลือกซื้อสินค้าและบริการที่มีจำหน่ายอยู่
สิ่งสำคัญประเด็นต่อมา ในเรื่องของขอบเขตความรับผิดชอบ ของ
องค์กรธุรกิจ คือ ความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม ( Environment )
ในปัจจุบันเรื่องสิ่งแวดล้อมได้กลายมาเป็นข้อพิจารณา
อีกประการหนึ่งของผู้บริโภค ต่อ การเลือกสินค้านั้น
ดังนั้นองค์กรธุรกิจ จึงสมควรที่จะต้องมีความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม
และ อีกประการหนึ่งคือ ความรับผิดชอบต่อสังคม ( Broader society ) คือ
เมื่อผู้ประกอบการได้กำไรจากการประกอบการก็ควรคือ
ผลกำไรบางส่วนตอบแทนคืนสังคมบ้าง
การที่บริษัทหรือองค์กรธุรกิจใดมีจริยธรรมทางธุรกิจ
สิ่งที่จะได้รับตอบแทน ( Feedback ) คงมีค่ามากกว่ากำไรที่สูงสุด(
Maximize Profit ) แต่จะได้ความภักดีต่อสินค้าและบริการ จากผู้บริโภค
และที่สำคัญที่สุด คนที่ได้กำไรจากการที่ บริษัทมีจริยธรรมทางธุรกิจ
คือ ผู้บริโภค นั่นเอง
หากผู้ประกอบการหรือองค์กรธุรกิจ มิได้การสร้างจริยธรรมทางธุรกิจ
บริษัทนั้นอาจจะพบกับความล้มเหลว หรือ ขาดทุน ( loss )
เพราะไม่สามารถตอบแทนสิ่งที่มีคุณค่าที่พอเพียงให้กับผู้บริโภค และ
ในอนาคตบริษัทแต่ละบริษัทจะมีการแข่งขัน ด้านจริยธรรมทางธุรกิจ (
Business ethics ) และ บรรษัทภิบาล ( Corporate governance ) มากขึ้น
ซึ่งหากเป็นเช่นนี้จริงผู้เขียนคงเปรมปรีดาเป็นอย่างมาก
เพราะกำไรสูงสุดจะตกอยู่กับผู้บริโภคอย่างแท้จริง คือ การที่ผู้บริโภค
ได้บริโภค ได้ซื้อสินค้าที่มีคุณภาพ ถึงกระนั้นแล้ว
บริษัทใดก็ตามที่ขาดจริยธรรมทางธุรกิจ ก็คงต้องถูกดาบจาก
สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค ( สคบ. ) ลงโทษ
อย่างแน่แท้
เอกสารอ้างอิง
1.สุภาพร พิศาลบุตร , จริยธรรมธุรกิจ : Business Ethics , กรุงเทพ ฯ :
สถาบันราชภัฏสวนดุสิต,2544
2.อำนาจ ธีระวนิช , การจัดการธุรกิจขนาดย่อม , กรุงเทพฯ:
มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ,2544
แน่นนะ เอกปิ้น
เชอะ ๆ
เชิดใส่
ข้อความนี้มีประโยชน์อย่างยิ่ง
ดีมาเลยคะ