มาถึงช่วงปี 2544 มาเจอหัวหน้างานคนใหม่จนถึงปัจจุบัน เป็นผู้ชายเหมือนกับหัวหน้าคนแรก แต่คราวนี้เป็นแบบนุ่มนวลกว่า ไม่บริหารแบบลุยแหลกแบบคนแรก แต่ทำงานทำนองว่าอยากได้ 100 ก็จะบอกทางให้ไปถึง 100 ว่าจะเดินยังไง จะไปทางไหน ทำอะไรไปเพื่ออะไร ทุกอย่างให้เห็นภาพเห็นผลทั้งหมด คือสอนให้เราทำงานเพื่อรู้ว่าควรจะทำไปทำไม เท่าที่จำได้ทำงานกับหัวหน้าคนนี้ ไม่เคยโดนดุสักที คำพูดแรง ๆ ก็ไม่มี ทำงานมาด้วยกัน จนมีสิ่งหนึ่งที่สอนมาตั้งแต่เมื่อไรไม่รู้ คือ ทำให้คิดได้ว่า เราควรมองคนอื่นเฉพาะในส่วนที่ดีของคนนั้น ไม่ให้มองคนอื่นในส่วนที่ร้าย ส่วนที่ไม่ดี เพราะคนทุกคนจะมีทั้งส่วนที่ดีและไม่ดีอยู่แล้ว แต่การที่จะอยู่ร่วมกันได้อย่างมีความสุข ต้องมองคนในส่วนที่ดีของเค้า และไม่ไปยุ่งในส่วนที่ร้ายของเค้านั่นเอง
หัวหน้าคนนี้ สอนทั้งเรื่องงานและเรื่องการอยู่ร่วมกับคนในสังคมให้มีความสุขไปพร้อม ๆ กัน บอกตามตรงว่า ทุกวันนี้มองตัวเองว่าโต (แก่) ขึ้นกว่าเดิมเยอะมาก เมื่อก่อนไม่เคยคิดว่าทำงานแล้วมีความสุข ไม่เคยคิดว่าการทำงานสอนให้คนมีคุณค่าในตัวเองได้ ทั้ง ๆ ที่งานที่ทำ ก็ไม่ใช่ว่าถึงขนาดต้องพลีชีพเพื่อชาติอะไรขนาดนั้น แต่ก็ทำให้มีความสุขในการทำงาน มาลองคิดไปคิดมา ทำให้รู้ว่าชีวิตคนเรา ค่อนชีวิตต้องอยู่กับที่ทำงาน ลองคิดแบบมีหลักการ (ส่วนตัว) สักหน่อย
สมมุติ (ประมาณ) ว่า เราเริ่มทำงานตั้งแต่อายุ 25 ปี แล้วเลิกทำงานตอนอายุ 55 ปี รวมเวลาทำงาน 30 ปี 30 ปี = 365 วัน คูณ 30 ปี = 10,950 วัน หักวันหยุด + นักขัตฤกษ์ ประมาณปีละ 120 วัน = 120 วัน คูณ 30 ปี = 3,600 วัน เหลือวันทำงานจริง ๆ 10,950 – 3,600 = 7,350 วัน
สมมุติว่าใน 1 วันทำงาน แบ่งเป็น
9 ชั่วโมง เวลา 08.01-17.00 น. ทำงาน
4 ชั่วโมง เวลา 17.01-21.00 น. เดินทางกลับบ้าน ทำธุระส่วนตัว
9 ชั่วโมง เวลา 21.01-06.00 น. นอนหลับ (รักษาสุขภาพนอนเต็มอิ่ม)
2 ชั่วโมง เวลา 06.01-08.00 น. ทำธุระส่วนตัว เดินทางมาทำงาน
คิดเป็นชั่วโมงรวมวันหยุด + นักขัตฤกษ์ด้วย (24 ชั่วโมง คูณ 10,950 วัน = 262,800 ชั่วโมง)
เพราะฉะนั้นจะได้ดังนี้
ทำงาน 9 ชั่วโมง คูณเฉพาะ 30 ปีทำงาน
= 9 ชั่วโมง คูณ 7,350 วันทำงาน = 66,150 ชั่วโมง
คิดเป็น 25.17 %
อยู่บ้านทำธุระส่วนตัว 6 ชั่วโมง คูณ 7,350 วันทำงาน + 15 ชั่วโมง คูณ 3,600 วันหยุด
= (6 ชั่วโมง คูณ 7,350 วัน) + (15 ชั่วโมง คูณ 3,600 วัน) = 98,100 ชั่วโมง
คิดเป็น 37.33 %
นอนหลับ 9 ชั่วโมง คูณ 30 ปี
= 9 ชั่วโมง คูณ 10,950 วัน = 98,550 ชั่วโมง
คิดเป็น 37.5 %
จะเห็นว่าตัวเลขของการอยู่ที่ทำงาน 25.17 % กับการอยู่บ้าน 37.33 % ต่างกันแค่ 12.16 % เอง แต่เชื่อได้ว่าในบรรดาวันหยุด 37.33 % นั้น ทุกท่าน (หรือส่วนมาก) ต้องเอางานกลับไปคิด กลับไปทำด้วย เพราะฉะนั้นตัวเลขของการทำงานต้องมากกว่า 25.17 % อยู่แล้ว จึงอยากให้ทุกท่านที่เครียด หรือเบื่อที่ทำงานอยู่ ลองมองใหม่ ว่าเรามีชีวิตครึ่งหรือค่อนชีวิต ที่ต้องอยู่กับที่ทำงาน เราจึงน่าจะมองมุมร้าย ๆ ให้เป็นเรื่องเล็ก ๆ มองมุมดี ๆ ให้เป็นเรื่องใหญ่ ๆ ขึ้น พยายามมองมุมร้าย ๆ นั้น ให้เห็นแนวทางแก้ไขไปเป็นทางที่ดี ๆ ให้ได้
คำหนึ่งที่หัวหน้างานคนปัจจุบัน สอนให้ทำงานอย่างมีความสุข คือ “การให้อภัย” ถ้าเราเจอคนที่ไม่ดีทำไม่ดีกับเรา แต่เรายังร่วมงานกันอยู่ เราต้องให้อภัยกับเรื่องที่ผ่านมา เพราะยังไงเราก็ต้องทำงานร่วมกัน ไม่ต้องรักเค้าก็ได้ แค่อย่าไปเกลียดกันก็พอ ทำทุกอย่างเพื่องาน ไม่ใช่เพื่อตัวเอง ทำงานทุกอย่างด้วยใจ แล้วงานจะออกมาดี 100 %
คำหนึ่งที่เรียนรู้ได้จากหัวหน้าคนแรก สอนให้ทำงานประสบความสำเร็จ คือ “ความใฝ่รู้” ถ้าเราเจออุปสรรค เราต้องเรียนรู้วิธีแก้ปัญหาให้ได้ ทำงานทุกอย่างด้วยความใฝ่รู้ รู้วิธีแก้ปัญหา แล้วงานจะออกมาดี 100 % เช่นกัน
คำสองคำที่เรียนรู้ได้จากหัวหน้าทั้งสองคน ก็คือ "การให้อภัยและการใฝ่รู้เพื่อการทำงานอย่างมีความสุข" นี่เป็นบทเรียนสำหรับการทำงานของตัวเอง สำหรับเวลาที่ (น่าจะ) เหลืออีก 25 ปีสำหรับการทำงาน เป็นข้อเตือนตัวเองทั้งเรื่องงานและเรื่องการใช้ชีวิตอยู่ในสังคม จึงทำให้ตัวเอง (คิดว่า) ทำงานอย่างมีความสุขแบบทุกวันนี้
ท่านผู้ (หลงเข้ามา) อ่านล่ะคะ ลองถามตัวเองหน่อยว่า วันนี้คุณทำงานมีความสุขหรือยัง ?
ขอให้ทุกท่านมีความสุขในการทำงานนะคะ ^_^
รัตน์ทวี อ่อนดีกุล
เป็นคนที่ชอบทำงาน และมีความสุขกับการทำงานมาก และให้เวลากับงานมากจนแฟนบอกว่าเราทำงานมากเกินไป ผู้หญิงโดยทั่วไปมักจะชอบช๊อปปิ้งและชอบใช้เวลากับแฟนของตนเองมาก แต่เรากลับชอบทำงานมาก มีความสุขกับงานมาก แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า ไม่ได้มีความสุขเมื่ออยู่กับแฟน รู้สึกตัวเองโชคดีที่เป็นคนที่มีความสุข และมีความสุขในการทำงานด้วย และได้เขียนบล็อกเกี่ยวกับการทำงานและความรักไว้ที่ http://gotoknow.org/blog/tomkanda/40186 ถ้าหากคุณรัตน์ทวีสนใจและมีเวลา ก็ลองเข้ามาอ่านดูนะค่ะ
คิดว่าคุณรัตน์ทวีโชคดีค่ะที่มีหัวหน้าดีโดยเฉพาะหัวหน้าคนที่ 2 ทัศนคติในการทำงานเพื่องาน การมองในแง่ดีของผู้อื่น การให้อภัย และการใฝ่รู้สำคัญมากในการทำงานอย่างมีความสุข
แวะมาแอบฟังครับ และขอร่วมนินทาด้วยคน อยากให้โอลองคิดต่ออีกมิติหนึ่งดู ลองคิดดูว่าเฉพาะเวลาที่เราตื่น (ไม่รวมตอนหลับ) เราต้องอยู่กับงาน อยู่กับเพื่อนร่วมงานกี่เปอร์เซนต์
ผ่านมาพบกับคนเก่งของ NU QA อ่านแล้วรู้สึกดีค่ะ แต่มีข้อสงสัยอยู่นิดเดียวว่า ใน 1 วันมีทั้ง ทำงาน อยู่บ้าน นอนหลับ เลยสงสัยว่าเวลาที่อยู่กับหวานใจนั้นมีเวลาอยู่ตรงไหนเอ่ย
สมมุติว่าใน 1 วันทำงาน แบ่งเป็น
9 ชั่วโมง เวลา 08.01-17.00 น. ทำงาน
2 ชั่วโมง เวลา 17.01-19.00 น. ยังทำ+คิด+พูดถึงเรื่องงานทั้งกับเพื่อนและกับที่บ้าน
3 ชั่วโมง เวลา 19.01-22.00 น. ทำธุระส่วนตัว
9 ชั่วโมง เวลา 22.01-07.00 น. นอนหลับ (รักษาสุขภาพนอนเต็มอิ่ม)
1 ชั่วโมง เวลา 07.01-08.00 น. ทำธุระส่วนตัว เดินทางมาทำงาน
ใน 1 วันหยุด แบ่งเป็น
อ่านแล้วรู้สึกคุณ RO_NUQA จะโชคดีมากนะเนี่ยที่ได้เจ้านายดีๆ ทั้งสองคน
ขอเสนอนิดนึงครับ ผมคิดว่าเราอยู่ที่ทำงานก็ทำงานใช่ครับ แต่ถ้ากลับบ้านไปก็มีงานบ้านรอยู่เช่นกัน เรียกว่า ทำงานไหมครับ
ถ้าใช่ลองคิดเล่นๆ ดูนะครับ
แม่บ้าน ทำอะไรมั่งเมื่อกลับบ้าน
ทั้งหมดนี่กี่ชั่วโมงต้องถามเหล่าแม่บ้านดูนะครับ
พ่อบ้านทำอะไรบ้าง
ไม่ได้หลงคะ แต่ตั้งใจเข้ามาอ่าน ชอบประโยคนี้มากคะ
"ไม่ต้องรักเค้าก็ได้ แค่อย่าไปเกลียดกันก็พอ ทำทุกอย่างเพื่องาน ไม่ใช่เพื่อตัวเอง ทำงานทุกอย่างด้วยใจ"
เพราะว่าตัวเองชอบทำงานแต่ก็มีสุขบ้างทุกข์บ้าง และส่วนมากทุกข์ที่เกิดจากคน แต่จะใช้แนวคิดว่าอยู่ด้วยกันโดยใช้ความรักเป็นเครื่องมือ ต่อไปหากไม่ไหว ขอใช้ประโยคนี้เป็นเครื่องมือร่วมด้วยแล้วกันนะคะ