ระยะห่างวัดกันที่ใด


รักกันถึงอยู่ขอบฟ้าเขาเขียว เหมือนอยู่หอแห่งเดียวร่วมห้อง ชังกันบ่แลเหลียวตาต่อกันนา เหมือนป่าไม้มาป้องขอบฟ้ามาบัง....

กลับจากเชียงใหม่ได้สองสามวันน้าสาวโทรมาตามให้รีบกลับบ้านแม่บ่นคิดถึงมากๆ..

.บอกน้าฝากบอกแม่ว่าขอให้เสร็จการสอบคอมพิวเตอร์อีกสักวันแล้วกลับบ้านแน่นอน...

คำพูดน้าทำให้คิดมากอยู่หลายวันว่าฉันลืมไปไงว่ามีแม่อยู่จึงไม่รีบมาหา..

สำหรับฉันคำกล่าวนี้ถือว่ารุนแรงมาก...ฉันไม่ลืมและคิดว่าตัวเองมีระยะห่างให้แม่และตัวเองอย่างที่พอใจด้วยกันทั้งคู่

...อาจเป็นเรื่องยากที่จะบอกให้ใครเข้าใจในความเป็นเราฉันมีนิสัยที่เหมือนแม่อยู่อย่างคือการรักอิสระและการมีโลกส่วนตัวที่ส่วนตัวจริงๆ..เพราะแม่เองถ้าไม่ห่วงกลัวจ่ายเงินมากเกินไปแม่ก็จะไม่ค่อยอยู่บ้านชอบจะออกไปนั่งรถชมวิวหรือนั่งเรือเล่นบ่ายๆหน่อยค่อยกลับบ้าน..เป็นเรื่องขำที่บางทีก็ขำไม่ออกว่าบางทีต้องเขียนนัดไว้ให้แม่รับรู้ว่าจะไปหาวันไหนบ้างแม่ถึงจะอยู่บ้านไม่ออกไปเที่ยวเล่น...

ในขณะที่ฉันถ้าว่างเรื่องงานฉันไม่ชอบออกข้างนอกแต่จะชอบอยู่ทำงานบ้านมากกว่า...แม่มักชวนให้ฉันออกไปเที่ยวข้างนอกบ้างแต่ฉันชอบอยู่บ้านมากกว่าดังนั้นเมื่อฉันกลับบ้านแม่ก็จะไม่ได้ออกไปไหนเพราะต้องคอยอยู่ให้ลูกบริการเล็กๆน้อยๆ..

เมื่อแม่อายุมากฉันพยายามที่จะกลับบ้านถี่มากขึ้นจนหลายครั้งเข้าแม่ก็บอกว่ากลับบ้านห่างๆหน่อยก็ได้เดี๋ยวเปลืองค่ารถ(แต่จริงๆแล้วแม่จะไปเที่ยวที่อื่นได้บ้าง)...เฮ้อนี่แหละแม่ฉันเอง...

                                 

กับแม่นี่อาจเรียกว่าแม้จะห่างกันทางกายภาพแต่ในทางใจไม่ห่างกันเลย...

แต่มีบางคน(ฝนสอง)ที่แม้บ้านเขาจะอยู่ใกล้ติดกับที่ทำงานของฉันต้องเดินผ่านทุกเช้าเย็นแต่ในใจตอนนี้มันช่างเหมือนเขาไม่ได้อยู่ในประเทศนี้แล้ว..

เมื่อเจอกันในระยะหลังๆต่างคนต่างอยู่กันคนละมุมทนเห็นกันได้ไม่นานต่างก็แยกย้ายออกไปคนละทิศละทางส่วนใหญ่จะเป็นฉันที่จะต้องรีบเดินออกไปพร้อมด้วยความสะเทือนใจทุกครั้ง..ทุกครั้งที่ตัดใจก้าวเท้าออกไปจะบอกกับตัวเองว่า"เขาไม่ใช่พ่อ"แล้วก็เดินไป

...มีความฝันเฟื่องในใจอยู่อย่างหนึ่งก็คือ อยากได้ยินเขาเอ่ยปากว่า"ขอโทษ"สักคำแต่ก็คงเป็นแค่ฝัน.

.ทุกวันนี้เห็นหน้ากันบางครั้งก็ติดรถเขาไปด้วยกันบางวันกินข้าวด้วยกันแต่ไม่คุยกันด้วยใจอีกแล้ว...ไม่ทักไม่ถามไม่ใส่ใจว่าจะไปไหนทำอะไรกับใคร...ทุกข์หรือสุขอะไรไม่แลกเปลี่ยนต่อกันอีกแล้ว...ความเหินห่างในใจจึงเพิ่มพูนขึ้นตามระยะเวลาที่เราเกี่ยวข้องกัน...เป็นอะไรที่ต่างก็อึดอัดแต่ก็ไม่กล้าหาญพอที่จะสลัดหลุดให้เด็ดขาด...

เวลาและความห่างทางใจที่มากพอในวันใดวันหนึ่งกระมังที่จะทำให้ฉันและเขาตัดฟางเส้นสุดท้ายที่เหลืออยู่ได้สำเร็จ...

                             

หมายเลขบันทึก: 67721เขียนเมื่อ 17 ธันวาคม 2006 01:04 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 17:41 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (4)
  • มาให้กำลังใจค่ะ
  • นู๋ทิมอยู่กับแม่สองคนค่ะ ไม่ค่อยได้ดูแลแม่ มีแต่แม่คอยดูแลนู๋ทิม  รักแม่มากค่ะ
  • อย่าคิดมากค่ะฟังเพลงนี้นะค่ะ สมมุติว่าเขารัก

คุณnutim

 ขอบคุณมากค่ะ..กดเพลงที่ส่งมาให้ฟังไม่ขึ้นค่ะ...เอ...หรือว่าจะแค่สมมุติทั้งเพลงและชื่อจริงๆหรือคะคุณnutim..แกล้งหลอกคนนี่บาปนะคะ...

  • คุณseangja ค่ะ นู๋ทิมไม่ได้หลอกนะคะ มีเพลงจริงๆค่ะ และชื่อเพลงก็ชื่อนี้แหละค่ะ  สามารถเปิดฟังได้กับโปรแกรม winamp ค่ะ เสียงร้องขอบอกน่ารักมากๆๆๆเลยละ...

คุณnutim

ขอโทษและขอบคุณที่ส่งกำลังใจและเพลงมาให้ค่ะ...รู้เหตุที่เปิดเพลงไม่ได้แล้วค่ะว่ามาจากเครื่องคอมของตัวเองที่ลบโปรแกรมวินแอมพ์ไปเรียบร้อยโรงเรียนฝรั่งซะแล้ว..อ่านบล็อกของอจ.สมบูรณ์แล้วเกิดความคิดว่าจะลองหาฉายาให้คุณหนูทิม,คุณกฤษณา,คุณปวีณา,พี่หนูเล็ก,กะปุ๋ม,พี่ปิ่ง,moomiและป้าบวมว่าอย่างไรดีแต่ก่อนที่พวกเราจะตั้งฉายาให้กันเอง..อยากจะเชิญชวนให้ช่วยกันตั้งฉายาให้ท่านอจ.สมบูรณ์เสียก่อน..ไม่รู้ว่าใครมีไอเดียหรือฉายาดีๆอย่างไรช่วยลปรร.ด้วยค่ะ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท