บันทึกสำหรับคนใกล้ตัวว่าทำไมต้องเป็น "หยกมณี" เรียก "หยก" อย่างเดียวได้ไหม อันนี้ขอเก็บเป็นเกร็ดเล็กเกร็ดน้อย ว่าแต่แรกเกิดก็มีคนตั้งให้ว่า "หยก" เพราะสอดคล้องกับชื่อพ่อ พอได้ 18 ปี มาเรียนที่ มอ.ปัตตานี ก็รู้ว่าเด็กที่มาเรียนมอ.ส่วนใหญ่ก็เป็นเด็ก (ภาค)ใต้ทั้งนั้น ผิวเข้ม ตัวเล็ก คมขำ ชื่อตัวนั้นก็ใต้ ๆ ตามที่บรรพบุรุษเขาสั่งสมไว้ในสารบบ
ด้วยความที่เป็นเด็กใต้แต่อยากโกอินเตอร์ เพื่อน ๆ ในสาขาเดียวกันบอกว่าสิ่งแรกที่เราต้องทำ (และทำได้ก่อนสิ่งอื่น) คือต้องเปลี่ยนชื่อให้อินเตอร์ แต่สิ่งที่สำคัญยิ่งกว่านั้นคือต้องไม่ทิ้งพื้นเพเดิมของตน อนุรักษ์ไว้เผื่อกลับไปบ้านใครเรียกชื่อเดิมจะได้ขาน(รับ)ถูก หรือหากญาติมาหาแล้ว (ต้องถามหาตามชื่อเดิม) เพื่อนจะได้ตามหาได้ ฉะนั้นก็จะคงชื่อหน้าไว้ แล้วเติมสร้อยข้างหลังให้เป็นฝรั่ง แบบนี้ก็อินเตอร์ได้ตามความคิดของพวกเราในยุคนั้น แล้วทุกคนก็มีชื่อเป็นฝรั่ง ...เพื่อนรักติ๊ก ก็เป็น "ติ๊กกี้"... เจน ก็เป็น "เจนนี่" (ตอนนี้เรียนปริญญาเอกอยู่ออสเตรเลียแล้ว ได้โกอินเตอร์จริง ๆ) ...นุช ก็เป็น "นุชชี่"... เบญ ก็เป็น "เบนจี้"... ดี ก็เป็น "ดีดี้" ...เจี๊ยบ ก็เป็น "เจี๊ยบฟี่" ฯ ...
ส่วนชื่อหยกก็มีคนเรียก "หยกกี้" แต่ฟังแล้วก็ไม่ไพเราะ เพราะหลายชื่อก็ไม่ใช่จะโกอินเตอร์ได้ เช่น อ้อม, สอน เป็นต้น ก็เลยย้อนกลับ(ทำ AAR) ว่าพวกที่ตั้งไม่ได้เช่นนี้ก็คงความเป็นไทยให้ได้มากที่สุด อย่างเช่น อ้อม เพื่อนก็ตั้งเป็น "อ้อมค้อม" หากเจ้าตัวไม่พอใจก็กลับไปเรียกชื่อเดิมตามที่พ่อแม่ตั้งให้ ส่วน "หยกมณี" นี่จำไม่ได้จริง ๆ ว่าใครเป็นคนเรียกครั้งแรก แต่ก็ติดปากเพื่อนในกลุ่ม กระทั่งมีแฟนก็เรียก "หยกมณี" อีก และเมื่อลูกได้ยินพ่อเรียก "หยกมณี" ตอนนั้นลูกประมาณ 3 ขวบ ยังไม่รู้จักคำนี้ เลยเลียนแบบพ่อมาเรียกแม่ว่า "หยก! มานี่ (ซะทีซิ)"
ไม่มีความเห็น