จากเศษไหมที่น้อยค่าแปรรูปสร้างราคาเป็นสบู่ไหมไทย


ผงไหมที่ไร้ค่า แต่มีประโยชน์หลากหลาย
สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงส่งเสริมสนับสนุน ให้คนไทยปลูกหม่อน เลี้ยงไหม เพื่อทอผ้า สำหรับไว้ใช้สอยในครัวเรือน

ผ้า ไหม ยังเป็นผลิตภัณฑ์ ที่ทำเงินตราเข้าสู่ประเทศปีหนึ่ง จำนวนนับล้านๆ บาท แต่เมื่อมองย้อนกลับไปจะพบว่า มีเศษไหม อาทิ รังไหมตกเกรด รังไหมเจาะ รังไหมตัด และเศษไหมจากโรงงานสาวไหม ซึ่งมิได้นำมาใช้ประโยชน์ อย่างคุ้มค่าปีหนึ่งมีจำนวนไม่ใช่น้อย

ด้วยเหตุนี้กลุ่มนักวิจัย สมองใส จึงได้จัดทำ "โครงการวิจัยพัฒนาการผลิตผงไหมเชิงอุตสาหกรรมและทำเป็นผลิตภัณฑ์" กระทั่งได้ "สบู่ไหมไทย" ซึ่งใช้ "ผงไหม" เป็นส่วนผสมหลักเป็นผลสำเร็จ

และ... ได้ทูลเกล้าฯ ถวายสิทธิบัตรการผลิตสบู่ไหมไทย แด่สมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถ เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 12 สิงหาคม 2547 มาแล้ว

สำหรับ ผงไหม เริ่มมีการผลิตผงไหม พันธุ์นางน้อยศรีสะเกษ 1 เป็นครั้งแรก โดยศูนย์วิจัยหม่อนไหมศรีสะเกษ สถาบันวิจัยหม่อนไหม ต่อมาได้พัฒนากรรม- วิธีการผลิต โดยร่วมกับ สนง.พลังงานปรมาณูเพื่อสันติ กระทรวงวิทยาศาสตร์ฯ และกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข

ผง ไหม จะได้จากส่วนของใยไหม ทั้งจากรังและเส้นซึ่งมี 2 ชนิด คือ ผงไหมจากกาวไหม (ผงไหมซิริซิน) และผงไหมจากเส้นไหม (ผงไหมไฟโบรอิน) ในผงไหมไทยชนิด ซิริซิน จะมีสารสำคัญบางชนิดที่ช่วยป้องกันผิวแห้ง ลดการเจริญเติบโตของไวรัสและมีสารต้านไวรัส ในปริมาณที่มากกว่าไหมพันธุ์ต่างประเทศ อีกทั้งยังมีกรดอะมิโน 16-18 ชนิด มีสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยกำจัดเชื้อจุลินทรีย์บางชนิดที่เป็นสาเหตุโรคผิวหนัง รักษาแผลให้หายเร็วขึ้น ต่อต้านไวรัส กำจัดสิ่งสกปรกในเซลล์และยืดอายุเซลล์

การ ผลิตผงไหม เริ่มแรกนำรังไหมที่ได้ตัดและเอาดักแด้กับคราบของหนอนไหมที่อยู่ในรังออก แล้วตัดให้มีขนาด ประมาณ 1 ตร.ซม.นำไปต้มที่อุณหภูมิ 98 ํC เป็นเวลา 30 นาที ล้างด้วยน้ำสะอาด ผึ่งลมให้แห้งในที่ร่มจะได้สารไหมไฟโบรอิน จากนั้นนำไปผ่านกระบวนการละลาย สุดท้ายนำไปบดจะได้ผงไหมลักษณะคล้ายแป้ง สีขาวออกเหลืองอ่อน ละลายน้ำได้ดี สัมผัสด้วยมือมีความลื่นมัน ชิมดูไม่มีรสและกลิ่น

นายประทีป มีศิลป์ หนึ่งในทีมงาน เล่าถึงกระบวนการผลิตว่า จะใช้ผงไหมมาเป็นส่วนผสมสำคัญ ในการผลิตสบู่ ซึ่งประกอบด้วยโซเดียมเบส วิตามินอี และกลิ่นที่ องค์สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ได้ทรงพระกรุณาเลือกกลิ่นหอม รวม 4 กลิ่น พระราชทานเพื่อนำมาผสม กระทั่งออกมาเป็นสบู่ก้อน จากนั้นนำไปทดสอบ กับกลุ่มผู้ใช้อย่างต่อเนื่อง โดยเทียบเคียงกับสบู่ทั่วไป

ผลที่ได้ คือ ผิวที่ใช้สบู่ไหมไทยจะมีความนุ่มและนวล อีกทั้งยังขจัดเซลล์ผิวหนัง ที่เสื่อมสภาพให้หลุดออกไป และยังช่วยยืดเซลล์อายุ ที่สำคัญยังช่วยรักษา ลดการอักเสบของผิวหนังอย่างเห็นได้ชัด ทั้งนี้ สบู่ไหมไทยเป็นผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติแท้ๆ ดังนั้น ผลที่ได้หลังการใช้จะค่อยเป็นไป จะไม่เร็วทันใจ แต่ทว่ามีความปลอดภัยสูง

เพ็ญพิชญา เตียว
คำสำคัญ (Tags): #สบู่#ไหมไทย
หมายเลขบันทึก: 67153เขียนเมื่อ 14 ธันวาคม 2006 10:54 น. ()แก้ไขเมื่อ 30 เมษายน 2012 11:31 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (2)

สวัสดีค่ะ ได้ความรู้ใหม่นะคะเนี่ย ขอบคุณค่ะ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท