ชาวบ้านไม่ได้ตั้งใจสอนมวย แต่ทำให้เราเป็นมวย


คำตอบของชาวบ้านทำให้เราสะดุ้งในความไม่เป็นมนุษย์มนาของตนเอง เจอหน้ากันก็ประชุม ประชุม ให้ได้ประเด็นนั้น ประเด็นนี้ จนลืมสัมพันธภาพความเป็นมนุษย์ธรรมดาที่จะคุยกันแบบที่ไม่มีประเด็น กินข้าวไปด้วย เพราะความรัก คิดถึงกัน

สมาชิกที่บ้านกลาง อ. ท่าอุเทน นครพนมเป็นกลุ่มที่เป็นผู้หญิงเป็นส่วนใหญ่ แม้เธอทั้งหมดต้องทำงานเอง พยายามผลักดันงานทดลองที่ฝ่ายพ่อบ้านยังไม่เห็นว่าเป็นเรื่องสำคัญ พร้อมกับพัฒนาความคิดของตนเองไปด้วยก็มิได้ย่อท้อ เคยเป็นเจ้าภาพจัดงานประชุมประจำปีของเครือข่ายทั้งหมด ที่มีคนมาร่วมประชุมถึง ๑๒๐ คน เป็นการประชุมที่เพื่อนร่วมโครงการไปกินไปนอนที่นาของอุ๊ยริน ซึ่งเป็นสมาชิกชายคนเดียวในกลุ่ม และเป็นการประชุมใช้เวลานานถึง ๕ วัน ๔ คืน กระนั้นพวกเธอก็ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางว่าเป็นกลุ่มที่มีความเข้มแข็ง เด็ดเดี่ยว น้ำหนักหมัดแรงกลุ่มหนึ่ง

 

ชาวบ้านกลางเป็นชาวย้อที่โดยพื้นเพจะให้เกียรติผู้หญิงเป็นผู้นำ เสียงดัง ชอบสนุก ส่วนผู้ชายจะเงียบ ๆ มีความสามัคคีกันเป็นอันดีเพราะนอกเหนือการทำนาแล้ว อาชีพหลักอย่างที่สองคือการปั้นครก ปั้นไห ปลาแดก ปั้นโอ่งใส่น้ำ เป็นอาชีพที่ผัวเมียต้องอยู่คู่กันตลอด ฝ่ายหนึ่งปั้นดินขึ้นรูป อีกคนต้องเหยียบดินเตรียมดิน

ชาวบ้านกลางเป็นชาวน้ำเนื่องจากที่ตั้งอยู่ใกล้หนองแวง กุดค้าว กุดหวายซึ่งเป็นหนองน้ำขนาดใหญ่ที่มีเส้นทางเชื่อมกับแม่น้ำของ ไหลลงสุ่น้ำของ จึงเป็นแหล่งหาปลาที่สำคัญของหมู่บ้าน ชาวบ้านกลางจึงลาบปลาตอง และแกงหอยจูบ อร่อยเป็นพิเศษ นอกจากนี้ในหมู่บ้านก็มีเรือแข่งที่ลงแข่งทุกสนามในละแวกท่าอุเทนกินเขตแดนไปถึงตัวเมืองนครพนม

 

เวลาเราประชุมกับกลุ่มบ้านกลางบางทีก็จะปวดหัวเพราะเวลาพูด คณะพวกเธอก็อยากจะพูดพร้อม ๆ  กัน ถ้าเราบอกให้พูดทีละคน เขาก็จะบอก " ไม่ได้อาจารย์เดี๋ยวมันจะลืม ต้องรีบพูดก่อน " แล้วแต่ละคนก็เสียงไม่เบาเลย

 

มีครั้งหนึ่งทีแม่ยุ่น ซึ่งเป็นชาวบ้านที่ช่วยประสานงานในกลุ่มในการนัดหมายกล่มสมาชิกให้มารวมตัวกัน โทรศัพท์มาแจ้งพวกเราว่า ตอนเย็นให้อาจารย์ออกมาหา  พวกเราก็เข้าไปพื้นที่ด้วยความเคยชินหรืออะไรก็บอกไม่ถูก พอไปถึงเราก็จัดแจงเอากระดานตั้งขึ้น ติดฟลิบชาร์ทแล้วว่า  ดีแล้วมาพร้อมวันนี้ก็ประชุมด้วยเลยดีกว่า ชาวบ้านซึ่งมากันพร้อมเพรียงก็หัวเราะ แล้วบอกว่า

"อาจารย์ไม่ต้องหรอกที่ชวนมาวันนี้ เพราะรักคิดถึง อยากให้มากินข้าวเย็นด้วยกัน มีป่นปลา มีผักสด เห็นอาจารย์ชอบกิน"

 

คำตอบของชาวบ้านทำให้เราสะดุ้ง ในความไม่เป็นมนุษย์มนาของตนเอง เจอหน้ากันก็จะประชุม ประชุม ให้ได้ประเด็นนั้นประเด็นนี้ จนลืมสัมพันธภาพความเป็นมนุษย์ธรรมดาที่จะคุยกันแบบที่ไม่มีประเด็น กินข้าวไปด้วย เพราะความรัก คิดถึงกัน.... เราก็เลยไหลไปกับชาวบ้านในวันนี้ก็ลงเอยด้วยดีและและหลังจากกินข้าวเย็นกันแล้วแต่ละคนก็ได้คุยเรื่องงานที่ตนเองทำนั้น จึงเป็นการที่ไม่ได้ประชุมแต่ได้เนื้อหาที่ควรได้จากการประชุม

 

จากประสบการณ์ทำให้พวกเราได้เห็นการประชุมอีกแบบหนึ่งซึ่งไม่มีการเตรียมอะไรมากนัก มันเกิดตามธรรมชาติ เราเป็นเพียงผู้ค่อย ๆ  ใส่คำถามซึ่งมาตามหลังบรรยากาศของการคุยที่เกิดขึ้น แต่อาศัยสัมพันธภาพที่อยากจะคุยกันแบบธรรมดาของคนที่รัก ห่วงใยกัน คิดถึงกัน ร่วมแนวคิดกัน

 

คำถามต่อครูบาสุทธินันท์และ อ. แสวง ว่า มันเป็น การจัดการความรู้ไหมแบบนี้ ๑)  อยากจะเก็บข้อมูลของคุณอุทัย ที่เกี่ยวกับตัวอย่างของการนำการจัดการความรู้ไปใช้ในงานวิจัย ไม่ทราบจะทำได้อย่างไรค่ะ ๒)

 

 

หมายเลขบันทึก: 67030เขียนเมื่อ 13 ธันวาคม 2006 20:24 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 กุมภาพันธ์ 2012 16:42 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (5)

   คุณตุ๊ จะเปิดค่ายมวยแบบไหนละ  มวยไทย มวยจีน มวยปล้ำ เทรนเนอร์ ขอร้อง อ.อุทัย คงไม่ขัดข้อง ปรึกษาหารรือกันได้  อาจจะเชิญไปเป็นวิทยากรก็ได้

แล้วแต่จะเห็นสมควร

  ที่จริงแล้วชาวบ้านไม่เคยคิดอาจเอื้อมจะไปสอนมวยใคร  เป็นแต่รำตัด เพลงฉ่อย นิ่มนวล ไม่เคยเล่นบทบู๊ ชอบเล่นบทบุ๋น

   ตัวอย่างที่เก็บตกเรื่องราวชาวบ้าน น่าสนใจมาก

โดยเฉพาะประเด็น

  ชาวบ้านคิดอะไร สนใจเรื่องใด มีวิธีมองอย่างไร ตั้งสมมุติฐานอย่างไร และวางแผนแก้ไขปัญหาอย่างไร ทำงานกับชาวบ้าน บางคนไม่ถามเขาสักคำ ทำตัวเป็นคุณพ่อรู้ดี   ทั้งๆที่ไม่มีข้อมูลเกี่ยวคนและพื้นที่

ขอบคุณครูบา และคุณไม่แสดงตนค่ะ

ดิฉันเข้าใจว่ามวยของตนเอง จะเรียกว่ามวยของตนเองก็คงไม่ใช่ มันเป็นการไหลไปกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นเลย ดิฉันไม่คิดว่าชาวบ้านตั้งใจทำให้เราได้ตระหนักถึงการทำงานที่ผิดปกติไปจากชีวิตผู้คน เพียงแต่ชาวบ้านได้แสดงแบบของชีวิตธรรมดาสามัญนี่แหละ  " คิดถึงก็มาหากัน หิวข้าวก็กิน "  

 

ดิฉันไม่อาจเอื้อมที่จะเปิดค่ายมวย เพราะคิดว่า ค่ายมวยของชาวบ้านมีพร้อมอยู่แล้ว รอ  จะว่ารอก็ไม่เชิง ชาวบ้านไม่ได้รอใครทั้งสิ้น เขาดิ้นรน กระเสือกกระสน พึ่งพาตนเองอย่างที่สุดแล้วในท่ามกลางความบีบคั้นในทุกๆ ด้าน และข้อจำกัดจากภายนอกของทุกฝ่าย 

 

เป็นจิตใจอันกว้างขวาง และใจที่ยิ่งใหญ่ที่เขาเปิดรับพวกเราคนภายนอกได้มีโอกาสเข้าไปสัมผัสกระแสชีวิตของพวกเขาได้ ตรงนี้ต้องขอบคุณอย่างลึกซึ้งต่ออัตลักษณ์อันองอาจ สง่างามของพวกเขา

 

ดิฉันคิดว่าในส่วนของเราก็เพียงแต่จัดสรรเรื่องที่เราจะทำให้มันสอดคล้องกับวิถี  การทำงานก็จะไม่ใช่ภาระแต่เป็นสัมพันธภาพระหว่างชีวิตหนึ่งกับชีวิตทั้งระดับของปัจเจก และระดับที่ขยายวงไปกว้างกว่านั้น

 

แต่แน่นอนว่าในการทำแบบนั้น ต้องได้รับการชี้นำหรือพัฒนาการที่อยู่บนฐานของความเป็นมนุษย์ที่มีศักดิ์และศรีที่เท่าเทียมและเป็นไท และคงไม่ใช่เรื่องที่จะทำได้ง่าย แต่ก็เป็นเรื่องที่วิญญูชนไม่ควรละเว้น

 

สิ่งหนึ่งที่บอกเราจากการพบกล่มแม่ยุ่นวันนั้นคือ เมื่อสภาพจิตใจสบาย ร่าเริงแบบชีวิตพ่อแม่ ญาติพี่น้องกินข้าวเย็นกันอิ่มท้องกันดีแล้ว ก็นั่งคุยสัพเพเหระ เรื่องมันก็ไม่หนีไปจากงานที่พวกเขาทำในไร่ในนานั่นแหละ

ดิฉันเขียนยังไม่จบมือไปป่ายโดนคีย์บอร์ดไหนก็ไม่ทราบ เลยต้องขึ้นแผ่นใหม่ค่ะ

การคุยดูว่ามันจะมีพลังสำหรับทั้งสองฝ่าย คือฝ่ายเราและฝ่ายชาวบ้าน

 

ส่วนข้อมูลจากคุณอุทัยนั้น ดิฉันอยากคัดลอกมาไว้ในแพลเน็ทของตนเอง ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรค่ะ อยากจะได้อ่านละเลียดดูก่อน ก่อนที่จะถามหรือกระทำการอื่น ๆ  ใดต่อไปน่ะคะ

 

 

สิ่งที่เรารู้...แต่ชาวบ้านไม่รู้...สิ่งที่เราไม่รู้แต่ชาวบ้านรู้....
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท