เมื่อตอนบ่าย..ได้เล่าถึงแรงบันดาลใจของอาจารย์ ดร. วรวรรณ และตอนนี้มาติดตามแรงบันดานใจของ คุณธันยพร ขอเชิญติดตามได้เลยครับ...
4.6. คุณธันยพร วณิชฤทธา นักศึกษาปริญญาโท ภาควิชาเทคโนโลยีการศึกษา คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากร ทำวิทยานิพนธ์เรื่อง “ การจัดการความรู้กรณีศึกษาด้านที่พักในชุมชนสำหรับนักท่องเที่ยวจังหวัดสมุทรสาคร”
4.6.1 แรงบันดาลใจ เริ่มจากการไปเรียนปริญญาโทที่มหาวิทยาลัยศิลปากร เริ่มสนใจ KM ตอนที่ลงเรียนวิชาสัมมนา ซึ่งเดิมทีเดียวจบทางด้านภาษาอังกฤษ และทำงานด้าน Training ภาษาอังกฤษ และเริ่มอยู่ตัวแล้วจึงคิดว่าน่าจะทำเรื่องอื่นบ้าง เพื่อจะได้ให้เป็นประโยชน์ต่อคนอื่น และสังคมบ้าง เพราะตนเองเริ่มมีครอบครัวที่สมบูรณ์แล้ว จึงได้ปรึกษากับอาจารย์ที่ปรึกษาวิชาสัมมนา แล้วอาจารย์ได้แนะนำให้ไปพบอาจารย์ ดร.ประพนธ์ ผาสุขยืด ที่ สคส. แล้วอาจารย์ได้พาไปทัวร์เรื่องชุมชนเป็นสุขที่จันทบุรี และไปเห็นชุมชนเขามีการจัดการความรู้ซึ่งมันเป็นเรื่องที่แปลกมากสำหรับเรา แล้วจึงกลับมาศึกษาค้นคว้าต่อ พร้อมกับไปฟังท่านอาจารย์ ดร.ประพนธ์ บรรยายเรื่องการจัดการความรู้ และอาจารย์ก็ได้แนะนำให้ไปพบอาจารย์ดร.ยุวนุช เพื่อขอให้เป็นที่ปรึกษาวิทยานิพนธ์ หลังจากนั้นจึงเริ่มสนใจในการทำงานกับชุมชนเพื่อจะได้สร้างอะไรที่ดีๆ ให้กับชุมชนได้บ้าง
4.6.2 ต้องให้ปริญญามีค่ามากกว่าตัวเรา การที่เรามาเรียนในครั้งนี้ไม่ใช่เรามาเรียนเพื่อเอาใบปริญญาไปหางานทำ แต่เป็นการมาเรียนเพื่อหาความรู้ และเพื่อจะได้เติมเต็มให้กับชุมชนและสังคม ดังนั้นต้องไห้คุณค่าของปริญญาที่จะได้ มีค่ามากกว่าตัวเรา จึงเริ่มมองว่าจะต้องทำงานกับชุมชน และอาจารย์ที่ปรึกษาอีกท่านหนึ่งจึงพาไปดูที่แม่ฮ่องสอน และครั้งแรกมีความคิดว่าอยากจะทำเรื่อง Home Stay แต่เมื่อกลับมาพิจารณาแล้วพบว่าการทำแบบนั้นอาจจะไม่ใช่แนวทางที่เราต้องการ ถ้าหากเราจะทำเรื่อง KM เราต้องไปดูที่วิธีคิดของคนในชุมชนก่อน แล้วค่อยลงมือในการศึกษาในช่วงนี้ใช้เวลาในการศึกษาข้อมูล 6 เดือน
4.6.3 การเลือกพื้นที่ หลังจากมีข้อมูลในเบื้องต้นแล้วจึงตัดสินในเลือกเอาพื้นที่แม่กลอง จังหวัดสมุทรสงครามเป็นพื้นที่ในการศึกษา เนื่องจากอยู่ใกล้บ้าน และมี Home Stay ที่มีศักยภาพในระดับต้นๆ ของประเทศ หลังจากนั้นจึงกลับมาศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับนิยามของ Home Stay พร้อมกับมีความสับสนทั้งความหมาย วิธีคิดของ KM และ Home Stay ซึ่งมีลักษณะที่ไม่เหมือนกับที่อาจารย์ทั้งสองท่านพาไปดูเลย จึงได้ลงมือไปศึกษาเพิ่มเติม ใช้เวลาประมาณ 6 เดือน โดยได้ปรับบุคลิกของตนเองให้เข้ากับชุมชนให้มากที่สุด แล้วได้ศึกษาข้อมูลการท่องเที่ยวทั้งจังหวัด แล้วนำข้อมูลมาวิเคราะห์ถึงความเป็นไปได้ พร้อมได้พยายามให้ชุมชนได้ตระหนักถึงการจัดการความรู้เกี่ยวกับการท่องเที่ยวให้มาก
4.6.4 การลงมือปฏิบัติ หลังจากนั้นได้พยายามเก็บข้อมูล มากว่า 6 เดือน ก็ได้ลงคลุกกับชุมชนมาโดยตลอด เวลาเขามีการประชุมเราก็เข้าไปร่วมตลอด โดยเราเป็นผู้ฟังโดยให้ชุมชนเป็นคนพูดเราเก็บข้อมูล และคอยแนะนำบ้าง โดยพยายามที่จะให้ชุมชนได้นำเอาวิชาการไปใช้กับการจัดการชุมชน และในขณะนี้ก็เริ่มที่จะอยู่ตัวแล้ว เนื่องจากชุมชนสามารถที่จะพึ่งตนเองได้แล้ว แล้วในการประชุมการท่องเที่ยวของจังหวัดส่วนมากในช่วงที่ผ่านมาเขาจะมีชมรม แล้วชมรมก็ไม่ทำอะไร หลังจากที่งานวิจัยนี้เข้าไปก็เริ่มมีการเปลี่ยนแปลงที่จะดำเนินการเองได้โดยชุมชน แม้กระทั่งการจดบันทึกเมื่อก่อนแทบไม่มีเลย แต่เวลานี้การจะชุมจะต้องมีคุณลิขิต แม้กระทั่งสื่อต่างๆ เองก็ดีก็เริ่มมีการปรับใช้ได้อย่างเหมาะสมมากขึ้น ชุมชนสามารถเข้าใจในเรื่องของการจัดการความรู้อย่างไม่รู้ตัว ชมรมการท่องเที่ยวของจังหวัดก็สามารถทำงานได้ง่ายขึ้นเพราะการดำเนินการเรื่องวางแผนต่างๆ ชุมชนสมารถทำได้เองแล้ว ขณะนี้เวลาผ่านไปแล้วประมาณ 1 ปี การดำเนินงานเริ่มดำเนินการไปได้ดี คนในชุมชนมีความสนิทสนมกันมากขึ้น
4.6.4 ปัญหาระหว่างการทำงาน ก็มีปัญหาระหว่างการทำงานตลอดเวลา แต่เราก็สามารถที่จะแก้ไขได้ และจากการศึกษาพบว่าผู้นำจะมีความสำคัญมากต่อความสำเร็จของงานพัฒนา
4.6.5 KM กับการทำวิทยานิพนธ์ จริงๆ แล้วอาจจะมองว่าทำเรื่องการท่องเที่ยวเนื่องจากคลุกเรื่อง Home Stay ค่อนข้างมาก แต่ก็คงเป็นการผสมผสาน และเป็นงานวิจัยในลักษณะ Action Research ที่ชุมชนได้ประโยชน์มาก และสามารถพึ่งตนเองได้มากขึ้นโปรดติดตามตอนที่ 5 ครับ.....
ขอบคุณครับ
อุทัย อันพิมพ์
ไม่มีความเห็น