เมื่อก่อนผมเคยทำงาน "ทำงานหนัก" มีโอกาสกลับบ้านปีละ 2-3 ครั้ง มาแต่ละครั้งก็เพียง 2-3 วัน ก็เพราะต้องทำงาน ทำงาน และทำงาน
ความเงียบสงบภายในมหาวิทยาลัย เมื่อวันที่ฟ้าสดใสแต่ไร้ซึ่งนักศึกษาเดินขวักไขว่ไปมา
เสียงลมกระทบต้นหูกวาง ใบไม้พัดปลิวสไหว ลูกหูกวางหล่นกระแทกพื้น "ตุ้บ ตุ้บ ตุ้บ ตุ้บ" เหมือนเสียงหัวใจที่เต้นดังสอดแทรกผ่านความเงียบสงบของสถานที่ที่เคยเต็มไปด้วยผู้คน
วานนี้คนเรือนพันเรือนหมื่นเดินขวักไขว่ไปมา แต่วันนี้ "วันหยุด" ช่างแสนเงียบเหงาและว้าเหว่
แต่การที่มาทำในวันนั้นก็มิต่างอะไรที่จะมาทำงานให้กับเทพยาดาฟ้าดินให้ได้ แต่ผู้บริหาร "ไม่เห็น" ปลายปีเมื่อสรุปผล "คุณเอาเวลาไหนไปทำ ต้องหนีสอนไปทำแน่เลย" อื่ม ปรัชญาที่ว่า "คนเรามีความสามารถจำกัด งานประจำก็เยอะอยู่แล้ว ถ้าคุณมีเวลาไปทำวิจัยหรือทำงานอย่างอื่น แสดงว่าคุณหลบเลี่ยง หลีกหนีจากงานประจำ หรือทุ่มเทให้กับงานประจำอย่างไม่เต็มที่"
บันทึกที่ทรงคุณค่า
โบราณว่า "สวรรค์อยู่ในอก นรกอยู่ในใจ" เทวดาอยู่บนสวรรค์ ฉะนั้น เทวดาก็คือสิ่ง (คุณธรรม)ที่อยู่ในใจ ผมว่านี่เป็นความลับของเทวดาที่เปิดเผยออกมานะครับ........
........รวมถึงความลับของผีห่าซาตานด้วย
เอาใจช่วยนะครับ
พี่เล็กอยากจะให้ความเชื่อมั่นกับน้องปภังกรว่า...
สิ่งที่เราทำ จะดี จะชั่ว จะมีประโยชน์ หรือไร้คุณค่า เทวดาในใจของเราจะบอกกับเราเองค่ะ
การที่เราทำดีไม่มีใครเห็นไม่เป็นไร เราและกรรมรู้เท่าทันความดี..ก็เพียงพอแล้วค่ะ...